การปรับเปลี่ยนประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 เป็นนโยบายระยะยาว 20 ปีที่จะนำประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว อันหมายความถึงประเทศที่มีรายได้สูงและเศรษฐกิจที่แข็งแรง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เข้าสู่ยุคที่จะใช้เครื่องจักรกลทำงานแทนคน ผู้คนจะใช้ปัญญาในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทำงานน้อยแต่มีรายได้มาก ทำสิ่งที่ยากให้กลายเป็นสินค้าและบริการที่สะดวกสบาย ประเทศมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
การดำเนินตามนโยบายเพื่อปรับเปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นดิจิทัลไทยแลนด์ จะเป็นที่จะต้องพัฒนาและปรับความคิดของคนในชาติ ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่เป็นประชาชนยุคดิจิทัลมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ประเทศดิจิทัล ส่วนคนรุ่นใหญ่อันเป็นกำลังสำคัญก็ต้องปรับตนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนไปของชีวิตในสังคมดิจิทัล การศึกษาก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่เช่นกัน จะยังคงใช้การจัดการศึกษาแบบเดิมย่อมไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก
นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 ย่อมต้องพึ่งพาการศึกษา 4.0 ซึ่งเป็นการศึกษาที่ปรับกระบวนทัศน์ จากการเรียนการสอนที่เน้นผู้สอนเป็นศูนย์กลาง ผู้สอนควบคุมชั้นเรียน ผู้สอนเป็นผู้ป้อนความรู้ เป็นการศึกษาที่เน้นการท่องจำ ทำงานตามคำบอกเล่าและเนื้อหาที่เข้มข้น ความรู้ท่วมหัวจากการอ่านและทำความเข้าใจ เป็นการศึกษาในยุค 1.0 ที่ยังคงปรากฎอยู่ในสังคมไทย
ขณะที่การศึกษาในยุค 2.0 เน้นการนำสื่อการสอน การจัดการเรียนการสอนที่มีเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง นำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาสนับสนุนการเรียนรู้ ผู้เรียนได้เรียนทุกที่ทุกเวลา เปิดโอกาสได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ ผู้สอนเป็นผู้ออกแบบการสอนและสนับสนุนการเรียนรู้ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้
การเข้ามาของระบบอินเทอร์เน็ตและแหล่งเรียนรู้มหาศาล สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการจัดการศึกษาที่เนื้อหาความรู้สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ความรู้มากมายมหาศาลไม่ได้อยู่แค่ในชั้นเรียนอีกต่อไป ผู้เรียนสามารถเรียนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้สอน ผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวกและจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับระดับและวัยของผู้เรียน ผลิตคนไปเพื่อแข่งขันกันด้วยความรู้ที่เปิดกว้างและเป็นสังคมแห่งฐานความรู้ นั่นคือการศึกษายุค 3.0
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการคนที่จะไปคนคิดนวัตกรรม และนำนวัตกรรมที่ค้นคิดมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ ทำเป็นสินค้าจำหน่าย ให้บริการแบบใหม่ตอบสนองไลฟ์สไตล์แห่งยุคสมัย ประยุกต์ใช้ความรู้มากกว่าแข่งขันในการเรียนรู้ การศึกษายุค 4.0 ที่ต้องการสร้างผู้เรียนที่มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ สื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ใช้เทคโนโลยีอย่างมีความหมาย ไม่ใช่แข่งขันกันที่ความรู้แต่แข่งขันกันที่สมรรถนะและการสร้างสิ่งใหม่
ตรงข้ามกับความคิดเดิมของการผลิตกำลังคนอาชีวศึกษา ที่เน้นทักษะฝีมือแรงงาน เน้นการทำจริงทำได้ ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เรียนอาชีวศึกษายังต้องรักษาไว้ แต่จะทำอย่างไรให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาสามารถคิดค้นประดิษฐ์และเพิ่มมูลค่าของทักษะการทำงานที่มีอยู่ มีสมรรถนะในศษตวรรษที่ 21 ที่สมรรถนะวิชาชีพต้องนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ใช่เพียงมีทักษะการปฏิบัติงานและสมรรถนะเฉพาะในสาขาวิชาชีพของตนเองเท่านั้น
การศึกษา 4.0 สำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษายุค 4.0 จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีเรียนที่เน้นปฏิบัติ ให้มีกิจกรรมการเรียนรู้สมัยใหม่เช่น การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน การเรียนรู้แบบจินตวิศวกรรม การเรียนรู้บูรณาการสะเต็มศึกษา ฯลฯ ที่จะทำให้ผู้เรียนได้มีคุณลักษณะสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการในยุคดิจิทัล 4.0 แต่ยังคงทักษะความเลิศในสาขาวิชาชีพของตนบนฐานแห่งคุณธรรมจริยธรรม สร้างอาชีวศึกษารุ่นใหม่ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง
รองศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญนันท์ นิลสุข