อธิบายประโยชน์ของการคิดเชิงออกแบบ
วิเคราะห์สถานการณ์หรือความต้องการที่คำนึงถึงผู้ใช้ด้วยการคิดเชิงออกแบบและความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ
ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและคมนาคม เช่น โทรศัพท์มือถือ ดาวเทียม อินเทอร์เน็ต รถยนต์ รถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน เครื่องบิน
ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตส่วนตัว เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับ อากาศ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน เครื่องดูดฝุ่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ตู้ATM ตู้บริการเครื่องดื่มอัตโนมัติ เครื่องจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์
ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนหรือการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนบัตรนักเรียน ระบบยืม-คืนหนังสือห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
ต้องการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ชีวิต เช่น กล้องวงจรปิด ระบบตัดไฟฟ้า อัตโนมัติ อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟในอาคาร สัญญาณกันขโมย
ความจำเป็นในการใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด เช่น เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ การจัดการพื้นที่จอดรถใต้ดินหรือพื้นที่จอดรถหลายชั้น
ความจำเป็นในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) กังหันลมผลิตไฟฟ้า ระบบบำบัดน้ำเสีย กังหันน้ำชัยพัฒนา ยานยนต์อนุรักษ์พลังงาน
ในการสร้างเทคโนโลยีที่ตอบสนองได้ตรงความต้องการ ของผู้ใช้ ผู้สร้างเทคโนโลยีจะทราบความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างไร
1. การสัมภาษณ์ (interview)
ซึ่งอาจเป็นการสัมภาษณ์โดยตรงหรือผ่านช่องทางการสื่อสาร อื่น เช่น สื่อสังคมออนไลน์ โดยคำถามที่ใช้ต้องขัดเจน ตรงประเด็น และมีลักษณะเป็นคำถามปลายเปิด สามารถรวบรวมข้อมูลที่ไม่จำกัดคำตอบและได้ผลการสัมภาษณ์ทันที การสัมภาษณ์มักนิยมใช้ในการวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพเกี่ยวกับความคิดเห็นหรือความรู้สึก
2. การสำรวจ (survey)
ทำโดยสร้างแบบสำรวจที่กำหนดคำถามเพื่อค้นหาข้อมูลหรือความเห็นที่ต้องการ เช่น การสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งานเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิม
3. การสังเกต (observe)
เป็นวิธีที่ใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลจากเหตุการณ์ สถานการณ์ หรือพฤติกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น การสังเกตพฤติกรรมการทิ้งขยะของนักเรียน
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) การใช้ความคิดพิจารณา วิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินผล ในเนื้อหาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัญหา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยอาศัยความรู้ ความคิด และประสบการณ์ของตนเอง น าไปสู่การตัดสินใจในการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับหลักการและเหตุผล
การสื่อสาร (communication skill) เป็นทักษะส าคัญในการปฏิบัติงาน หากสื่อสารไม่ดีผู้ร่วมงานอาจเข้าใจผิด กระบวนการท างานผิดพลาด เกิดความเสียหายต่อผลลัพธ์ในการปฏิบัติงาน
การทำงานร่วมกับผู้อื่น (co-operative skill) เป็นการประสานงานเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยเริ่มจากสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ร่วมงาน รู้จักปรับตัว ท าให้เกิดคุณภาพของการปฏิบัติงานร่วมกัน
ผู้แก้ปัญหาต้องมีจริยธรรม และความรับผิดชอบในการแก้ปัญหา มีความตระหนักและปฏิบัติ หน้าที่โดยสุจริต ไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง หลักศาสนา ศีลธรรม จารีตประเพณี บรรทัด ฐานทางสังคม มีคุณธรรม และจริยธรรม นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้แก้ปัญหาต้องยึดถืออยู่เสมอใน การท างาน คือ การไม่ละเมิดสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น
การปรับเปลี่ยนสถานการณ์ ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ในการ แก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งให้ตรงตามวัตถุประสงค์นั้น นอกจากความรู้พื้นฐาน ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน กระบวนการแก้ปัญหาเป็นอีก องค์ประกอบที่ส าคัญที่ท าให้ผู้แก้ปัญหาสามารถคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาที่มี สมรรถนะตามความต้องการของผู้ใช้งาน เหมาะสมกับบริบทหรือเงื่อนไข ของผู้ใช
กระบวนการออกแบบ หรือการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เป็น ขั้นตอนหรือกรอบที่ผู้ออกแบบใช้ในการด าเนินงานเพื่อแก้ปัญหา มีประโยชน์คือ เป็นการแก้ปัญหาที่ให้ความส าคัญกับความต้องการของผู้ใช้หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับบริบทหรือเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ผลลัพธ์ในการ แก้ปัญหา เช่น สิ่งประดิษฐ์ กระบวนการหรือขั้นตอนการท างาน การบริการ โมเดลทางธุรกิจ
การคิดเชิงออกแบบ อาจแบ่งได้เป็น 3 กระบวนการย่อย ได้แก่
1) การระบุและตีความปัญหา
– ปัญหาคืออะไร ทำไมถึงเป็นปัญหา
– 5W: What, Why, When, Where, Who
- What : ปัญหาของสถานการณ์คืออะไร
- Why : ทำไม/สาเหตุใดจึงเกิดปัญหา
- When : ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อใด
- Where : ปัญหาเกิดขึ้นที่ใด
- Who : บุคคล/กลุ่มบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
2) การพัฒนาแนวคิด
– ให้คิดไอเดียออกมาเยอะๆ ก่อน แล้วค่อยประเมินว่าไอเดียไหนเป็นไปได้มากน้อยอย่างไร
– จะแก้ปัญหาได้อย่างไร
– ตัดสินใจเลือกข้อมูลความรู้เพื่อสร้างแนวคิดและสื่อสาร
3) การสร้างแนวทางในการแก้ปัญหา
– สร้างต้นแบบและทดลอง
– นำผลและข้อมูลย้อนกลับมาปรับปรุง
แต่ละกลุ่ม เลือกสถานการณ์ 1 สถานการณ์ ต่อไปนี้ แล้วตอบคำถาม
1. ระบุและตีความปัญหาโดยวิเคราะห์สถานการณ์ในประเด็นต่อไปนี้ (5W : What, Why, When, Where, Who)
1.1 ปัญหาของสถานการณ์นี้คืออะไร
1.2 ทำไม/สาเหตุใดจึงเกิดเป็นปัญหา
1.3 ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อใด
1.4 ปัญหาเกิดขึ้นที่ใด
1.5 บุคคล/กลุ่มบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา