เว็บไซต์เก็บผลงานออนไลน์ (E-Portfolio) ::: นายทรงธรรภ์ วงค์รัตน์ โรงเรียนบ้านหนองโค้ง
ประจำปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 - 30 กันยายน 2568)
ประจำปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 - 30 กันยายน 2568)
ชื่อ-นามสกุล นายทรงธรรภ์ วงค์รัตน์
ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย วิทยฐานะ -
ตำแหน่งเลขที่ 5315
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านหนองโค้ง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1
ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 1 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2567
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เลขที่ B66100200053614
ออกให้เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2566
วัน/เดือน/ปี ที่หมดอายุ 20 เมษายน พ.ศ. 2571
วันเดือนปีเกิด 20 เมษายน พ.ศ. 2542
ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแหน่งครูผู้ช่วย วิทยฐานะ ไม่มีวิทยฐานะ
ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 23 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
การศึกษาเพื่อการเรียนรู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
การป้องกันการทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
รายวิชา แนะแนว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ชุมนุม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
หัวหน้างานวิชาการระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
หัวหน้างานและคณะกรรมการตามคำสั่งโรงเรียนบ้านหนองโค้ง ที่ 100/2567 เรื่อง มอบหมายการปฏิบัติหน้าที่กลุ่มบริหารงานราชการ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ลงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โรงเรียน 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ
- โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถมศึกษา
- งานจุดเน้น สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ และเขตพื้นที่การศึกษา
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 24 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวิชาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาบูรณาการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาซ่อมเสริม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
รายวิชา แนะแนว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ชุมนุม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
หัวหน้างานวิชาการระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ตามคำสั่งโรงเรียนบ้านหนองโค้ง ที่ 45/2568 เรื่อง มอบหมายการปฏิบัติหน้าที่กลุ่มบริหารงานวิชาการ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
คณะกรรมการตามคำสั่งโรงเรียนบ้านหนองโค้ง ที่ 48/2568 เรื่องมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่กลุ่มบริหารงานทั่วไป ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๘
จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โรงเรียน 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ
- โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถมศึกษา
- โครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบ
- งานจุดเน้น สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ และเขตพื้นที่การศึกษา
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนามนุษย์ให้มีคุณภาพ ทำให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ และเป็นกระบวนการพัฒนาอันจะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต ผู้เรียนสามารถพัฒนาเต็มตามศักยภาพของตน ให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ หรือสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง แนวการจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติที่สอดคล้องกับชีวิตจริง ทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม ดังจะเห็นได้จากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีพร้อม ทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองที่ดี ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นเป็นสำคัญ ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 4)
วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุกคนทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (knowledge-based society) ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์และมีคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับประถมศึกษาตอนต้น การปูพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องและน่าสนใจ จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในธรรมชาติรอบตัว และพัฒนาทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นไป
การจัดการศึกษาในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม ทำให้โลกเข้าสู่ยุค BANI World (Brittle, Anxious, Non-linear, Incomprehensible) ซึ่งทักษะและความรู้ที่เคยเพียงพอในอดีตไม่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายในอนาคตได้ ด้วยเหตุนี้ หลักสูตรการศึกษาของชาติจึงมีความจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งใช้มานานกว่า 17 ปี นั้นพัฒนาขึ้นตามแนวคิดการจัดการศึกษาแบบอิงมาตรฐาน โดยเน้นการบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ทำให้การจัดการเรียนรู้บางครั้งยากต่อการบูรณาการ และให้ความสำคัญกับความรู้ความเข้าใจมากกว่าการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งสะท้อนได้จากผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาทั้งระดับชาติและนานาชาติที่พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีผลการประเมินไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ผู้เรียนยังเผชิญกับภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ ส่งผลให้ความสามารถในการเรียนรู้ลดลง โดยเฉพาะในวิชาที่ต้องใช้ทักษะการปฏิบัติจริง
ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาของชาติฉบับใหม่ คือ หลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3) พุทธศักราช 2568 โดยยึดแนวคิดการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ (Competency-based Education) ซึ่งให้ความสำคัญกับสมรรถนะหรือความสามารถตามช่วงวัยของผู้เรียน หลักสูตรนี้มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีพื้นฐานการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวัน มีจินตนาการที่สร้างสรรค์ และมีความสุขในการเรียนรู้ เพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีและมีคุณภาพในสังคมต่อไป โดยมีหลักการสำคัญคือเน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การบูรณาการความรู้และสร้างบริบท/สถานการณ์การเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาและเรียนรู้ตลอดชีวิต และเน้นการประเมินความก้าวหน้าของพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างมีทิศทางเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมาย
ในส่วนของความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีนั้น หลักสูตร พ.ศ. 2568 กำหนดให้ผู้เรียนเมื่อจบชั้นประถมศึกษาตอนต้นต้องสามารถรับรู้และเข้าใจปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างเหมาะสม เพื่อการดำเนินชีวิตด้วยความรับผิดชอบตามบริบทและสภาพแวดล้อม ความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 นั้น ครอบคลุมถึงแนวคิดพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ การป้องกันอันตรายจากแสง การใช้ประโยชน์จากดิน และการใช้เทคโนโลยีเบื้องต้น ซึ่งเน้นการเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน การใช้เครื่องมือ และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน การจัดการเรียนรู้จึงต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนมีพัฒนาการด้านการอ่าน เขียน และคิดคำนวณอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะในการนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ในบริบทด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี
จากการสังเกตการณ์ในชั้นเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนบ้านหนองโค้ง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า นักเรียนบางส่วนยังขาดความกระตือรือร้นในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในเนื้อหาเรื่อง "สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต" เนื่องจากเนื้อหามีความซับซ้อนในการสังเกต จำแนกประเภท และทำความเข้าใจคุณลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันยังขาดสื่อที่หลากหลายและน่าสนใจ ทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สนใจเรียน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของทิศนา แขมมณี (2545: 253) ที่กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนที่ไม่หลากหลายและขาดสื่อคุณภาพ อาจส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำลง
จากเหตุผลและความจำเป็นที่กล่าวมา ผู้จัดทำจึงได้พัฒนานวัตกรรม ชุดเกมการเรียนรู้ เรื่อง สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นความสนใจ และส่งเสริมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงผ่านการเล่นเกม ซึ่งเป็นแนวทางที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและสอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กในวัยนี้ อันจะนำไปสู่การพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในเนื้อหาเรื่อง สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การพัฒนานวัตกรรมชุดเกมการเรียนรู้ครั้งนี้ยังสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช 2568 ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง ความสามารถในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี เพื่อให้นักเรียนมีพื้นฐานที่ดี สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม และมีคุณภาพตามที่หลักสูตรกำหนดไว้สำหรับการศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 สร้างชุดเกมการเรียนรู้
วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3) พุทธศักราช 2568
ออกแบบชุดเกมจำนวน 8 เกม เพื่อให้สอดคล้องกับคุณลักษณะของสิ่งมีชีวิตแต่ละด้าน
2.2 พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้
ศึกษาหลักสูตร พ.ศ. 2568 และแนวคิดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ 8 แผน ให้สอดคล้องกับชุดเกมและหลักการเรียนรู้เชิงรุก
2.3 ขั้นการประเมิน
ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
นำแผนจัดการเรียนรู้ และชุดเกมการเรียนรู้ ไปใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน
สำรวจความคิดเห็น ความพึงพอใจ หลังการใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดเกมการเรียนรู้ เรื่อง สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดเกมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 70 คน เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่าคะแนนหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียนอย่างชัดเจน และนักเรียนทุกคนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 74.63 และนักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมต่อชุดเกมการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.68)
3.2 เชิงคุณภาพ
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดเกมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตช่วยกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจและกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากขึ้น ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงผ่านการเล่นเกม ทำให้นักเรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้กับเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างเป็นรูปธรรมและจดจำได้ง่ายขึ้น ชุดเกมยังช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนานและเป็นกันเองทำให้นักเรียนกล้าคิด กล้าแสดงออก และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะที่จำเป็นในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
ลงชื่อ .........นายทรงธรรภ์ วงค์รัตน์.......................
(นายทรงธรรภ์ วงค์รัตน์)
ตำแหน่งครูผู้ช่วย
ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน
1 ตุลาคม พ.ศ. 2567
การจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์
กิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถมศึกษา
กิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับประถมศึกษา
การจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต