ขั้นที่ 1
ระบุปัญหา (Problem identification)
เป็นการทำความเข้าใจสถานการณ์ของปัญหาหรือความต้องการนั้นๆ อย่างละเอียด โดยวิเคราะห์เงื่อนไขหรือข้อจำกัด เพื่อตัดสินใจเลือกปัญหาหรือความต้องการที่จะดำเนินการแก้ไข การระบุปัญหาหรือกำหนดขอบเขตของปัญหาให้มีความชัดเจน สามารถนำเทคนิคที่นำมาช่วยในการวิเคราะห์ปัญหา เช่น การวิเคราะห์องค์ประกอบของปัญหาด้วย 5W1H , การหาสาเหตุของปัญหาด้วยผังก้างปลา (Fishbone diagram)
ขั้นที่ 2
รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง (Related information search)
การสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา และก่อนดำเนินการสืบค้นข้อมูลควรมีการระดมสมอง (brainstorming) เพื่อกำหนดประเด็นในการรวบรวมข้อมูล
การสืบค้นจากเอกสาร บทความ งานวิจัย
สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
สอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ
สำรวจตัวอย่างในท้องตลาด
การศึกษาดูงาน
ขั้นที่ 3
ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution design)
การนำข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหามาประยุกต์เพื่อออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา
การวิเคราะห์องค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาด้วย function analysis diagram
การสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหา
การถ่ายทอดความคิด เช่น ภาพร่าง ภาพฉาย ผังงาน แผนภาพ
การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ
ขั้นที่ 4
วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (planning and development)
กำหนดลำดับขั้นตอนของการสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการ
กำหนดเป้าหมาย
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
ผู้รับผิดชอบงานในแต่ละขั้นตอน
ลงมือสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการตามที่ได้ออกแบบไว้
ขั้นที่ 5
ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข (Testing, evaluation and design improvement)
การประเมินผลการทำงานของชิ้นงานหรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาตามที่ได้ระบุไว้หรือไม่ สามารถทำงานหรือใช้งานได้หรือไม่ มีข้อบกพร่องอย่างไร ผลที่ได้จากการทดสอบอาจถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหามากขึ้นโดยการใช้แบบประเมินรายการ การเขียนบันทึกผลการทดสอบในแต่ละประเด็น หรือ เทคนิค SCAMPER
ขั้นที่ 6
นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา (Presentation)
การนำเสนอข้อมูลให้ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมของกระบวนการทำงานตั้งแต่แนวคิดในการแก้ปัญหา ขั้นตอนการแก้ปัญหา รวมทั้งผลของการแก้ปัญหาและแนวทางการปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผ่นพับ โครงงาน การนำเสนอด้วยโปรแกรม powerpoint