กีฬาเเชร์บอล
กีฬาเเชร์บอล
กีฬาแชร์บอล เป็นกีฬาที่มีวิธีเล่นไม่ซับซ้อนมากนักและเป็นกีฬาพื้นฐานของกีฬาประเภทอื่นๆ เช่น บาสเกตบอล แฮนด็บอล เป็นต้น
กีฬาแชร์บอล จะทำให้ผู้เล่นได้รับประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
๑) นำทักษะพื้นฐานไปปรับใช้เล่นกับกีฬาชนิดอื่น ๆ ได้
๒) ทำให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
๓) ทำให้ฝึกความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
๔) ทำให้ร่างกายแข็งแรง
๕) ทำให้ผู้เล่นมีไหวพริบดี สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
กีฬาแชร์บอล เป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม ดังนั้นอาจเกิดการปะทะกันได้แล้วทำให้ผู้เล่นบาดเจ็บ เนื่องจากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วในพื้นที่จำกัด ดังนั้น เราจึงควรคำนึงถึงความปลอดภัย ดังนี้
๑) ตรวจความพร้อมของสภาพสนาม เช่น พื้นสนามต้องเรียบพื้นสนามต้องแห้ง และบริเวณสนามต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง เป็นต้น
๒) ไม่ควรไว้เล็บยาว เพราะขณะรับลูกบอลอาจถูกเล็บฉีกหักหรือขาดได้ง่าย
๓) ไม่ควรสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อย เป็นต้น เพราะอาจไปถูกผู้อื่นจาได้รับบาดเจ็บได้
๔) สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป และรองเท้าที่สวมควรเป็นรองเท้าผ้าใบที่มีเชือกร้อย
๕) ก่อนการเล่นทุกครั้ง ควรอบอุ่นร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายและจิตใจพร้อมที่จะเล่น
๑ กฏและกติกาในการเล่นแชร์บอล
๑) จำนวนผู้เล่น กีฬาแชร์เป็นกีฬาประเภททีม ประกอบด้วยผู้เล่น ๒ ฝ่าย ฝ่ายละ ๗ คน และมีผู้เล่นสำรองฝ่ายละ ๕ คน โดยเป็นผู้ถือตะกร้า ๑ คน ผู้เล่นแดนหน้า ๓ คน ผู้เล่นแดนหลัง ๓ คน ผู้ที่เล่นแดนหลังที่อยู่ตรงกลางยืนในเขต ๓ เมตร คอยป้องกันประตู
๒) สนามที่ใช้เล่น สนามจะต้องเป็นพื้นเรียบแข็ง โดยจะเป็นสนามในร่มหรือกลางแจ้งก็ได้ มีลักษณะ ดังนี้
(๑) สนามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๓๒ เมตร
(๒) มีเส้นแบ่งแดนตรงกึ่งกลางสนาม
(๓) ที่จุดกึ่งกลางเส้นแบ่งแดน มีวงกลมรัศมี ๘๐ เซนติเมตร
(๔) เขตผู้ป้องกันประตูอยู่ที่จุดกึ่งกลางของเส้นหลังทั้งสองด้านเขียนเส้นครึ่งวงกลมรัศมี ๓ เมตร
(๕) เส้นโทษ ห่างจุดกึ่งกลางเส้นหลัง ๘ เมตร
๓) อุปกรณ์การแข่งขัน มีดังนี้
- เก้าอี้มีพนักพิง
- ลูกบอล
- ตะกร้าหวาย
- นกหวีด
๔) เวลาในการแข่งขัน แบ่งออกเป็น ๒ ช่วง ช่วงละ ๒๐ นาที พักระหว่างครึ่ง ๕ นาที