ภาวะผู้นำทางวิชาการกับองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำทางวิชาการกับองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน ประชากร จำนวน 2,422 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 296 คน และครูผู้สอน จำนวน 1,918 คน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 645 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 215 คน และครูผู้สอน จำนวน 430 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า ด้านภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.73 และด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.70 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีและการทดสอบค่าเอฟ สถิติที่ใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สันและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า
1. ภาวะผู้นำทางวิชาการ และองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน อยู่ในระดับมากทั้งสองด้าน
2. ภาวะผู้นำทางวิชาการ และองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และ .05 ตามลำดับ
3. ภาวะผู้นำทางวิชาการ และองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอนในโรงเรียนขนาดแตกต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน
4. ภาวะผู้นำทางวิชาการกับองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียน สัมพันธ์กันในเชิงบวกอยู่ในระดับ ปานกลาง
5. ภาวะผู้นำทางวิชาการ ด้านการสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน ด้านการสร้างและพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำของบุคลากร และด้านการสร้างความมั่นใจในเกณฑ์การประเมินผล มีอำนาจพยากรณ์องค์การแห่งการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยทั้ง 3 ด้าน มีค่าอำนาจพยากรณ์ร้อยละ 21.90 และค่าความคลาดเคลื่อนของการพยากรณ์ .18
อนัฏติยา ซาระวงศ์ (2563) ภาวะผู้นำทางวิชาการกับองค์การแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียนวารสารบัณฑิตศึกษา ปีที่ 15 ฉบับที่ 71 ตุลาคม - ธันวาคม 2561 หน้า 153 - 163
Title
ความพึงพอใจของครูต่อพฤติกรรมคุณธรรมและการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี
Title Alternative
SATISFACTION OF TEACHERS TOWARDS THE MORAL BEHAVIOR AND ADMINISTRATION OF SCHOOL ADMINISTRATORS UNDER THE OFFICE OF SUPHANBURI PROVINCIAL PRIMARY EDUCATION
Creator
Name: เจริญศรี พันปี
Organization : โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี
Subject
ThaSH: ผู้บริหารโรงเรียน
Classification :.DDC: 371.2
Description
Abstract: ในการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความพึงพอใจของครูต่อพฤติกรรมคุณธรรม และการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาประกอบด้วย ครูจากโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 345 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t (t-test) และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r) วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรม SPSS for Windows Version 10.0 ผลการวิจัยพบว่า 1. พฤติกรรมคุณธรรมของผู้บริหารโรงเรียนตามความคิดเห็นของครู ในภาพรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอนวัชชพละ (สุจริต) อยู่ในระดับมากที่สุด และอีก 3 ด้านอยู่ในระดับมาก คือ ด้านสังคหพละ (มนุษยสัมพันธ์) ด้านวิริยพละ (ขยัน) และด้านปัญญาพละ (ปัญญา) 2. ความพึงพอใจของครูต่อพฤติกรรมคุณธรรมของผู้บริหารโรงเรียน ในภาพรวม ทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอนวัชชพละ (สุจริต) อยู่ในระดับมากที่สุด และอีก 3 ด้านอยู่ในระดับมาก คือ ด้านสังคหพละ (มนุษยสัมพันธ์) ด้านวิริยพละ(ขยัน) และด้านปัญญาพละ (ปัญญา) 3. พฤติกรรมการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน ตามความคิดเห็นของครูทั้ง 6 งาน อยู่ในระดับมาก คือ งานอาคารสถานที่ งานวิชาการ งานธุรการและการเงิน งานกิจการนักเรียน งานบุคลากรและงานความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน 4. เมื่อเปรียบเทียบระหว่างพฤติกรรมคุณธรรมของผู้บริหารโรงเรียนตามความคิดเห็นของครูกับตามความพึงพอใจของครู พบว่า ในภาพรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้าน 5. เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนที่มีพฤติกรรมคุณธรรมกลุ่มสูงกับผู้บริหารโรงเรียนที่มีพฤติกรรมคุณธรรมกลุ่มต่ำ พบว่า ในภาพรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกงาน คือ งานอาคารสถานที่ งานบุคลากร งานความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน งานธุรการและการเงิน งานวิชาการและงานกิจการนักเรียน 6. พฤติกรรมคุณธรรมและการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนมีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า พฤติกรรมคุณธรรมทุกด้านและการบริหารงานทุกงานมีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เจริญศรี พันปี (2546)ความพึงพอใจของครูต่อพฤติกรรมคุณธรรมและการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี
วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
เนื่องจากความโดดเด่นของเทคโนโลยีโดรนยังคงดึงดูดความสนใจสำหรับการใช้งานด้านการศึกษาจำนวนมากมาย ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของการศึกษาแบบบูรณาการด้วยโดรนจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นการทบทวนอย่างเป็นระบบนี้พยายามที่จะจัดทำการวิเคราะห์การศึกษาด้านการศึกษาด้วยโดรนในระดับการศึกษาที่เป็นปัจจุบันและครอบคลุม โดยเน้นที่สภาพแวดล้อมการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โดยเฉพาะ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นี้ จึงมีการดำเนินการศึกษาทบทวนกับสิ่งพิมพ์ 181 ฉบับ โดยเน้นไปที่สิ่งพิมพ์ 41 ฉบับที่กล่าวถึงการบูรณาการโดรนในการศึกษา STEM ระดับมัธยมศึกษา อย่าง ชัดเจน การทบทวนนี้ใช้แนวทางที่เป็นระบบ โดยระบุ วิเคราะห์ และสังเคราะห์วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของสาขานั้น ข้อค้นพบที่สำคัญของการทบทวนนี้สามารถสรุปได้ดังนี้: 1) สาขาวิชา STEM ถือเป็นสาขาวิชาที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาสาขาวิชาที่หลากหลายซึ่งมีการใช้โดรน 2) การเรียนรู้จากประสบการณ์และ การเรียนรู้จากโครงงานมีความโดดเด่นในฐานะวิธีการสอนที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดในการศึกษา STEM แบบบูรณาการด้วยโดรน การผสมผสานการทำงานเป็นทีมและกิจกรรมลงมือปฏิบัติมักถูกอ้างถึงว่าเป็นกลยุทธ์การสอนที่มุ่งยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ STEM แบบบูรณาการด้วยโดร น 3) นอกเหนือจากการได้มาซึ่งทักษะทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับโดรนแล้ว ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่รายงานยังครอบคลุมแง่มุมต่างๆ รวมถึงการรับรู้ด้านอาชีพ STEM ที่เพิ่มมากขึ้น การมีส่วนร่วมและความสนใจในการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้น และความสามารถในการแก้ปัญหาร่วมกัน การค้นพบนี้ตอกย้ำศักยภาพของโดรนในการจุดประกายความหลงใหลในวิชา STEM ในหมู่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ซึ่งประสบความสำเร็จผ่านแอปพลิเคชันแบบสหวิทยาการที่ลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและการออกแบบ
Richard Chung Yiu Yeung a, Chi Ho Yeung a,Daner Sun b (2024) A systematic review of Drone integrated STEM education at secondary schools (2005–2023): Trends, pedagogies, and learning outcomes.Computers & EducationVolume 212, April 2024, 104999