ข้อควรปฏิบัติ
สำหรับผู้รับทุน
การศึกษาระดับปริญญาเอกและปริญญาโท
ภายในประเทศ
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ
ข้อผูกพันของผู้ได้รับทุน
1. ผู้รับทุนจะต้องปฏิบัติราชการในหน่วยงานศาลยุติธรรมหรือสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อเป็นการชดใช้ทุนเป็นระยะเวลาเท่ากับระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษานับแต่สำเร็จการศึกษา
2. ผู้รับทุนต้องรายงานผลการศึกษาให้ผู้ให้ทุนทราบ โดยเป็นการรายงานผลการศึกษาตลอดปีการศึกษา (ประจำปี) ภายในวันที่ 20 สิงหาคม ของทุกปี และหรือเมื่อได้รับการร้องขอ หากผู้รับทุนไม่รายงานผลการศึกษา โดยไม่มีเหตุอันควร ผู้ให้ทุนอาจพิจารณางดให้ทุน แก่ผู้รับทุนในทันที
- ผู้รับทุนส่วนกลางรายงานผ่าน google form
- ผู้รับทุนส่วนภูมิภาครายงานที่ภาคที่ขอรับทุน
ซึ่งสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมจะได้สรุปผลการศึกษาในปีการศึกษาที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการ
3. เมื่อผู้รับทุนสำเร็จการศึกษา ให้ผู้รับทุนทำหนังสือ /บันทึกข้อความนำส่งพร้อมแนบสำเนาใบรับรองผลการศึกษา (Transcript) ที่มีข้อความระบุหลักสูตร วัน เดือน ปี ที่สำเร็จ การศึกษา และคะแนนเฉลี่ยสะสม นำส่งเลขานุการคณะกรรมให้ทุนสถาบัน / ภาค แล้วแต่กรณี ภายใน 45 วันนับแต่วันที่สำเร็จการศึกษา และเมื่อได้รับปริญญาบัตรให้ผู้รับทุนทำหนังสือ/บันทึกข้อความนำส่งพร้อมแนบสำเนาปริญญาบัตร นำส่งเลขานุการคณะกรรมให้ทุนสถาบัน / ภาค แล้วแต่กรณี ภายใน 45 วันแต่วันที่ได้รับปริญญาบัตร พร้อมส่งดุษฎีนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ในรูปแบบไฟล์ PDF เสมือนส่งเล่มจริงแทนการส่งเล่มให้สำนักงานศาลยุติธรรม และมอบสิทธิให้ผู้ให้ทุนเผยแพร่บทคัดย่อดุษฎีนิพนธ์ /วิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ได้ ทั้งนี้ ผู้รับทุนต้องรายงานประเมินผลสำเร็จการศึกษาผ่าน google form เพื่อสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมจะรายงานต่อสำนักงานศาลยุติธรรมต่อไป
4. ผู้รับทุนต้องไม่ใช้สิทธิในการลาเพื่อศึกษาหรือการลาเพื่อทำวิทยานิพนธ์/สารนิพนธ์
5. กรณีผู้รับทุน มีการเปลี่ยนแปลงชื่อ – สกุล/ตำแหน่ง และหน่วยงานที่สังกัด รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวก ต้องแจ้งให้ผู้ให้ทุนทราบทันที
การชดใช้ทุน กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา
หากผู้ได้รับทุนมีเหตุให้คณะกรรมการพิจารณายุติการให้ทุน หรือผู้รับทุนบอกงดการรับทุน หรือผู้รับทุน
ไม่สำเร็จการศึกษา ผู้รับทุนแต่ละระดับปริญญาต้องชดใช้ ดังนี้
- ทุนระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอก เงินทุนทั้งหมดที่ได้เบิกจ่ายแล้วพร้อมทั้งชำระเบี้ยปรับ
เป็นเงินจำนวนอีกหนึ่งเท่าของเงินทุนที่ผู้รับทุนต้องชดใช้คืนภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา โดยผู้ให้ทุนไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนหากผู้รับทุนไม่ชดใช้ทุนและเบี้ยปรับภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหรือ ชำระไม่ครบถ้วน ผู้รับทุนยินยอมให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราตามที่กฎหมายกำหนดของต้นเงินที่ยังมิได้ชำระ
นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จนกว่าจะชำระเงินครบถ้วน โดยผู้ให้ทุนไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
การยุติการให้ทุน
คณะกรรมการจะพิจารณายุติการให้ทุนการศึกษาเมื่อมีกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
1. ผู้ได้รับทุนการศึกษา พ้นจากสถานภาพการเป็นนักศึกษาในสถาบันการศึกษานั้น ๆ
2. ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ตามกำหนดระยะเวลาการให้ทุนการศึกษา โดยไม่สามารถระบุเวลาสำเร็จการศึกษาได้
3. เป็นผู้ที่คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าการศึกษาเป็นผลทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการของศาลยุติธรรมและ
สำนักงานศาลยุติธรรม หรือผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าระดับปกติมากหรือผลการศึกษาอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ
4. เหตุอื่นที่คณะกรรมการเห็นสมควร
การเบิกจ่ายเงินทุนการศึกษา
การเบิกเงินค่าลงทะเบียนเรียนจะเบิกได้ก็ต่อเมื่อผู้รับทุนได้รับคืนคู่ฉบับสัญญารับทุนพร้อมคู่ฉบับสัญญาค้ำประกันแล้ว โดยใบเสร็จรับเงินค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ใช้สำหรับเบิกทุนการศึกษา ต้องเป็นฉบับจริงซึ่งลงนามและออกโดยสถาบันการศึกษาตามที่อนุมัติให้ได้รับทุน ผู้รับทุนไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการศึกษาดังต่อไปนี้
ค่าลงทะเบียนศึกษาในรายวิชาเดิมซึ่งผู้รับทุนได้เคยลงทะเบียนเรียนไปแล้ว และได้ทำการเบิกทุนจากสำนักงานศาลยุติธรรมไปก่อนหน้านี้แล้ว
ค่าประกันความเสียหายต่าง ๆ ซึ่งผู้รับทุนจะได้รับคืนจากสถาบันการศึกษาเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว
ค่าหนังสือ ตำราประกอบการศึกษาต่าง ๆ (เว้นแต่ที่เรียกเก็บพร้อมการลงทะเบียน)
ค่าปรับกรณีลงทะเบียนล่าช้า
ค่าใช้จ่ายอื่นใดซึ่งคณะกรรมการจัดสรรทุนฯ อาจพิจารณาให้ไม่สามารถเบิกจ่ายได้แต่ละกรณีไป
1. ให้ผู้รับทุนทำหนังสือ/บันทึกข้อความนำส่งในการเบิกจ่าย พร้อมระบุเลขที่บัญชีธนาคาร (บัญชีเงินเดือนธนาคารกรุงไทย) เพื่อการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารให้ผู้รับทุน โดยให้ผู้รับทุนรับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนเงินทางธนาคาร
2. ผู้รับทุนกรอกแบบรับรองการเบิกจ่ายทุนการศึกษาภายในประเทศของสำนักงานศาลยุติธรรม โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ผู้รับทุนต้องรับผิดชอบในการเบิกจ่าย ดังนั้น ผู้รับทุนต้องรับรองความถูกต้องของวงเงินที่เบิกจ่ายในแบบรับรองการเบิกจ่ายทุนการศึกษา ฯ ด้วย
หากสุ่มตรวจ พบว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขหรือไม่ถูกต้องคณะกรรมการอาจให้ผู้รับทุนชี้แจงเป็นรายบุคคลในการพิจารณาให้ทุนต่อไป โดยอาจงดการให้ทุนเรียกคืนทุนพร้อมเบี้ยปรับ หรือเรียกคืนทุนที่เบิกจ่ายแล้วส่วนเกิน แล้วแต่กรณี
3. ในการเบิกจ่ายแต่ละครั้งให้
1) แนบใบเสร็จรับเงิน ฉบับจริง
2) เอกสารลงทะเบียนรายวิชาในหลักสูตรการศึกษานั้น
3) แบบแจ้งข้อมูลการรับเงินด้วยวิธีการโอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร (Internet Banking)
4) สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารกรุงไทยชื่อผู้รับทุน
4. ผู้รับทุนสามารถนำส่งหนังสือ / บันทึกข้อความในการเบิกจ่ายทุนการศึกษา ดังนี้
* สำหรับส่วนกลาง 2 ทาง ได้แก่ - ส่งด้วยตนเอง ที่ส่วนช่วยอำนวยการ (งานสารบรรณ) ชั้น 3 สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม
- ส่งทางไปรษณีย์ (EMS) จ่าหน้าซองถึงผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมโดยวงเล็บมุมซองว่า “เบิกทุนปริญญาเอกหรือโท”
* สำหรับส่วนภูมิภาค ให้ส่งทางไปรษณีย์ (EMS) จ่าหน้าซองถึง ผู้อำนวยการสำนักศาลยุติธรรมประจำภาค........... โดยวงเล็บมุมซองว่า “เบิกทุนปริญญาโท”
** แบบรับรองการเบิกจ่าย ฯ และแบบแจ้งข้อมูลการรับเงิน ฯ (Internet Banking) ** สามารถดาว์โหลดได้จากเว็บไซส์สถาบันพัฒนาข้าราชการศาลยุติธรรม https://jti.coj.go.th