การคิดสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ
การคิดแบบหมวก 6 ใบ (Six Thinking Hats) ซึ่งเป็นเทคนิคการคิดที่พัฒนาโดยนักคิดชื่อดัง เอ็ดเวิร์ด เดอโบโน (Edward de Bono) เทคนิคนี้ใช้ในการจัดการความคิดเชิงระบบ โดยการมองปัญหาหรือสถานการณ์จากมุมมองที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น 6 หมวกตามสีต่างๆ ซึ่งแต่ละสีแทนลักษณะการคิดที่แตกต่างกันไป:
หมวกสีขาว: การคิดเชิงข้อมูลและข้อเท็จจริง มุ่งเน้นข้อมูลที่มีอยู่ การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์
หมวกสีแดง: การคิดเชิงอารมณ์และความรู้สึก ให้ความสำคัญกับความรู้สึกโดยไม่ต้องอธิบายเหตุผล
หมวกสีดำ: การคิดเชิงลบและวิจารณ์ มุ่งเน้นถึงจุดอ่อน ความเสี่ยง และผลเสียที่อาจเกิดขึ้น
หมวกสีเหลือง: การคิดเชิงบวก มองหาข้อดี โอกาส และความเป็นไปได้ที่ดีในสถานการณ์
หมวกสีเขียว: การคิดเชิงสร้างสรรค์ มุ่งเน้นถึงความคิดใหม่ ๆ วิธีการใหม่ ๆ และการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์
หมวกสีน้ำเงิน: การคิดเชิงระบบและการจัดการ เป็นการคิดแบบการควบคุม ดูภาพรวม และจัดการกระบวนการคิด
เทคนิคนี้ช่วยให้คนสามารถจัดระเบียบความคิดและมองปัญหาในมุมมองที่หลากหลายขึ้น เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทฤษฎีหมวก 6 ใบ ของ ดร. เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน ศาสตราจารย์ด้านการคิดชาวอิตาลี บอกว่าหมวกแต่ละใบ คือการสร้างเทคนิคการคิดให้เป็นระบบ ด้วยการดึงความรู้และประสบการณ์เดิมของผู้เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ซึ่งคนที่สามารถกระตุ้นเด็กให้เกิดการคิดเป็นระบบได้ก็คือครู เพราะไม่ว่าในห้องเรียนเด็กจะแสดงพฤติกรรมแบบไหน หรือมีนิสัยอย่างไรเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อน ครูควรสังเกตนิสัยเบื้องลึกเหล่านั้น แล้วใช้ทฤษฎีหมวก 6 ใบ มาช่วยดึงจุดเด่นของเด็กแต่ละคนออกมา เช่น
คือเด็กที่ต้องการข้อมูลความจริง ชอบตัวเลขและผลพิสูจน์ยืนยัน โดยไม่สนใจความคิดเห็นใด ๆ
จุดเด่นของเด็กที่อยู่ในกลุ่มนี้คือจะมีความเป็นกลาง และเชื่อตามข้อมูลที่พิสูจน์ได้เท่านั้น
2. หมวกสีแดง
คือเด็กที่กล้าแสดงออก และชอบความชัดเจน ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ใช้อารมณ์ตัดสินมากกว่าเหตุผล
จุดเด่นคือเด็กกลุ่มนี้มักมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ หรือเป็นศิลปินที่สร้างผลงานจากแรงบันดานใจ
3. หมวกสีดำ
คือเด็กที่ชอบการปฏิเสธ และมักทำอะไรที่มีเหตุผลมารองรับการกระทำเสมอ
จุดเด่นของเด็กประเภทนี้คือมีการไตร่ตรองความคิดอย่างถี่ถ้วน มีความรอบคอบและระมัดระวัง ดังนั้นความเสียหายจากผลของการกระทำมักไม่เกิดจากเด็กกลุ่มนี้
4. หมวกสีเหลือง
คือเด็กที่มีมุมมองเชิงบวก และมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์
จุดเด่นของเด็กประเภทนี้คือการแสวงหาทางเลือกที่เป็นประโยชน์ และสร้างโอกาสที่จะต่อยอดความคิดและผลงานได้
5. หมวกสีเขียว
คือเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์แบบนอกกรอบ
จุดเด่นของเด็กประเภทนี้คือมีความคิดที่ไม่หยุดนิ่ง ต้องการสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา
6. หมวกสีน้ำเงิน
คือเด็กที่ชอบการจัดการ ต้องการความชัดเจน ชอบควบคุมคนอื่น
จุดเด่นของเด็กประเภทนี้คือบริหารความคิดได้ดี รู้จักวางแผนชีวิต ชอบให้ทุกอย่างมีระเบียบตลอดเวลา
ซึ่งการนำทฤษฎีหมวก 6 ใบมาใช้เสริมกระบวนการคิดของผู้เรียน จะช่วยให้ทุกครั้งที่ประชุมระดมความคิด เกิดไอเดียไหลลื่น ผู้เรียนสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน เมื่อครูรู้แล้วว่าผู้เรียนแต่ละคนมีจุดเด่นอะไร ก็สามารถใช้บทบาทสมมติจากหมวกแต่ละใบมาเสริมผู้เรียนให้มีความคิดที่รอบด้าน และมองทุกอย่างได้ครอบคลุมขึ้น เช่น เมื่อมีการประชุมครั้งต่อไป ครูอาจให้ผู้เรียนเริ่มจากสวมหมวกสีน้ำเงิน เพื่อให้บอกสาเหตุและเป้าหมายของการประชุมได้ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นหมวกสีขาว ที่ช่วยให้การอธิบายข้อมูลต่าง ๆ มีความเป็นกลาง พอเปลี่ยนมาสวมหมวกสีเหลือง ก็เพื่อให้หาข้อดีและจุดเด่นของการประชุมเจอ และหมวกสีดำ เพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรค์ที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากนั้นให้สวมหมวกสีเขียว เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ แล้ววัดความพอใจของวิธีการทั้งหมดด้วยหมวกสีแดง