พฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคาดหวังของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 1-3 สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี
Title Alternative
ADMINISTRATIVE BEHAVIOR OF SCHOOL ADMINISTRATORS AS EXPECTED BY TEACHERS IN BASIC EDUCATION SCHOOLS LEVEL 1-3 UNDER SUPHAN BURI EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE
Creator
Name: เกษม โพธิ์ทอง
Subject
; โรงเรียนประถมศึกษา การบริหาร
Description
Abstract: ความมุ่งหมายของการจัดการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นที่การให้การศึกษาเพื่อพัฒนาชีวิต ชุมชน สังคมและประเทศเป็นสาคัญ ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ขึ้น ซึ่งมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารการประถมศึกษาใหม่ กล่าวคือได้มีการโอนโรงเรียนประถมศึกษาจากหลายหน่วยงานมาอยู่ในความรับผิดชอบของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจรับผิดชอบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีโรงเรียนในสังกัดทั้งสิ้น 30,228 โรงเรียน ในโรงเรียนจานวนนี้มีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจานวนนักเรียนต่ากว่า 120 คนลงมา จานวน 10,735 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 35.53 ของจานวนโรงเรียนทั้งหมด โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จานวน 2,120 โรง (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2548, หน้า 23) โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาเหล่านี้ส่วนใหญ่มีปัญหา คือ โรงเรียนมีคุณภาพค่อนข้างต่าเมื่อเทียบกับโรงเรียนมัธยมศึกษา เนื่องจากขาดความพร้อมด้านปัจจัย เช่น สภาพครูไม่ครบชั้นเรียน ขาดวัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนและงบประมาณไม่เพียงพอในการบริหารจัดการ ทั้งนี้เนื่องจากข้อจากัดเกี่ยวกับเกณฑ์การจัดอัตรากาลังครูและข้อจากัดด้านงบประมาณภาครัฐ ภายใต้ข้อจากัดและสภาพปัญหาดังกล่าว สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้กาหนดนโยบายแนวทาง มาตรการดาเนินงานและการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตลอดจนรูปแบบการดาเนินการ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างจริงจัง 2 และความเชื่อที่ว่าถ้าได้มีการนานวัตกรรมทางการบริหารจัดการและการเรียนการสอนที่ถูกต้องเหมาะสมมาใช้ จะทาให้การ แก้ปัญหา และการพัฒนาคุณภาพการศึกษาบรรลุตามเป้าหมายได้ ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่จะส่งเสริมให้โรงเรียนมีประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา คือ การพัฒนาครูผู้สอนให้มีประสิทธิภาพด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนรู้ให้หลากหลายครอบคลุม ผู้บริหารโรงเรียนควรสร้างขวัญกาลังใจให้แก่ครูในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้เนื่องจากโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาหลายแห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล กันดาล และมีข้อจากัดทั้งด้าน งบประมาณ บุคลากร สื่อวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน ซึ่งการบริหารจัดการศึกษาในยุคปัจจุบันผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะผู้นาของสถานศึกษาที่มีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการจัดการศึกษาโดยตรง จะต้องเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบและกระบวนการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งหมายถึงต้องมีการบริหารจัดการ ให้การส่งเสริมสนับสนุนให้ครูทุกคนสามารถจัดการศึกษา อบรมนักเรียนให้มีคุณภาพตามเป้าหมาย ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องแสดงพฤติกรรมในการที่จะจูงใจและสร้างขวัญกาลังใจให้แก่บุคลากรร่วมกันดาเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่ ผู้บริหารจะต้องใช้ความสามารถ ในการบริหารงานให้เป็นที่ประจักษ์ โดยการแสดงออกด้านพฤติกรรมความเป็นผู้นา มุ่งมั่น ตั้งใจ ด้วยการชักนาให้ครูและบุคลากรปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถอย่างแท้จริง
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
เกษม โพธิ์ทอง ( 2552 ) พฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคาดหวังของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 1-3 สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี.วิทยานิพนธ์ ครุศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (ไว้ใส่ในบทที่2)
มนูญ อุตรินทร์
สาขาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
สมศักดิ์ คงเที่ยง
สาขาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
รัตนา กาญจนพันธุ์
สาขาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เพ็ญศรี เศรษฐวงศ์
สาขาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 (2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการจัดการ ความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 จำแนกตามเพศ ประสบการณ์ในการบริหารสถานศึกษา และขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ด้านการเอาชนะ เท่ากับ 0.98 ด้านการร่วมมือ เท่ากับ 0.90 ด้านการประนีประนอม เท่ากับ 0.97 ด้านการหลีกเลี่ยง เท่ากับ 0.95 และด้านการยอมให้ เท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าความถี่ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 มีพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งวิธีการเอาชนะอยู่ในระดับตำ ส่วนวิธีอื่นอยู่ในระดับปานกลาง
2. ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ที่มีเพศต่างกันมีพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งไม่แตกต่างกัน
3. ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ที่มีประสบการณ์ในการบริหารสถานศึกษาแตกต่างกันมีพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งแตกต่างกันในวิธีการเอาชนะและการยอมให้ เมื่อพิจารณารายคู่พบว่าผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสบการณ์ 0-5 ปี กับผู้บริหารที่มีประสบการณ์ 11 ปี ขึ้นไป มีพฤติกรรมความขัดแย้งแตกต่างกัน ส่วนวิธีการร่วมมือ วิธีการประนีประนอม และวิธีการหลีกเลี่ยง มีพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งไม่แตกต่างกัน
4. ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ที่บริหารงานในสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกันมีพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งแตกต่างกันในวิธีการหลีกเลี่ยง และการยอมให้ ส่วนวิธีการเอาชนะ การร่วมมือ และการประนีประนอม มีพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งไม่แตกต่างกัน
มนูญ อุตรินทร์ รัตนา กาญจนพันธุ์ เพ็ญศรี เศรษฐวงศ์ (2556) พฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สมุทรปราการ เขต 1. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีที่5 (2556) หน้า 62 - 88
ชื่อผู้เขียน (ปี) ชื่อเรื่อง.ชื่อวารสาร.ปีที่ ฉบับที่ พ.ศ. หน้า
ภูวดล พันแสนแก้ว
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
คำสำคัญ: พฤติกรรมการตัดสินใจ, ผู้บริหารสถานศึกษา, การบริหารงานบุคคล
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) พฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษา 2) การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา 3) พฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษา ที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ราชบุรี เขต 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร และครู จำนวน 338 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .934 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (multiple regression analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1.พฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้านและวิธีตัดสินใจแบบอัตตาธิปไตยแบบแสวงหาข้อมูล 2.การบริหารงานบุคคลของน้อยได้ดังนี้ การสรรหาบุคลากร การธำรงรักษาบุคลากร การพัฒนาบุคลากร และการให้บุคลากรพ้นจากงาน 3.พฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ราชบุรี เขต 1 การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา ในภาพรวมได้ ร้อยละ 59.9 และส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การทำนาย (R2) เท่ากับ 0.520, 0.572, 0.593 และ 0.599 จากความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา ในภาพรวมเขียนเป็นสมการถดถอยจากคะแนนดิบ ดังนี้ Y’tot = 1.054 + 0.314X5 + 0.204X1 + 0.130X3 + 0.115X4 และเขียนเป็นสมการถดถอยคะแนนมาตรฐาน ดังนี้ Z’tot = 0.383X5 + 0.210X1 + 0.161X3 + 0.138X4
ภูวดล พันแสนแก้ว (2564) พฤติกรรมการตัดสินใจ, ผู้บริหารสถานศึกษา, การบริหารงานบุคคล. วารสารวิชาการครุศาสตร์สวนสุนันทรา ปีที่5 (2564) หน้า 59 - 73
ชุติพนธ์ ไชยเวช
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ณิรดา เวชญาลักษณ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสาเหตุและพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้ง ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 52 คน และ ครูกลุ่มงานบุคคล จำนวน 52 คน รวมทั้งหมด 104 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.945 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และค่าร้อยละ (Percentage)
ผลการวิจัยพบว่า สาเหตุความขัดแย้งในสถานศึกษา ในด้านองค์ประกอบส่วนบุคคล คือบุคลากรมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ในด้านปฏิสัมพันธ์ในการทำงาน คือ เพื่อนร่วมงานไม่แสวงหาความรู้เพิ่มเติมเมื่อไม่เข้าใจในการสื่อสาร และในด้านสภาพองค์กร คือ ผู้บริหารให้ความสำคัญกับเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมากเกินควร โดยพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งที่ผู้บริหารเลือกใช้กับสาเหตุความขัดแย้งทั้ง 3 ด้านคือ การร่วมมือ
ชุติพนธ์ ไชยเวช, ณิรดา เวชญาลักษณ์ (2565) การศึกษาสาเหตุและพฤติกรรมการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์. วารสารJournal of Roi Kaensam Academi. ปีที่7 (2565) หน้า 68 - 77