ประเภทของไฟล์ภาพกราฟิก
การสร้างภาพกราฟิกหรือการตกแต่งภาพกราฟิกประเภทของไฟล์ภาพกราฟิกเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มี ความสำคัญ เพราะความละเอียดของไฟล์ภาพจะส่งผลกับขนาดของภาพ เช่น ภาพที่นำมาใช้งาน บนเว็บเพจควรจะต้องมีขนาดเล็ก เพื่อนำไปเรียกใช้งานบนเว็บเพจได้อย่างรวดเร็ว ประเภทของไฟล์ภาพกราฟิกที่นิยมใช้โดยทั่วไป ได้แก
่ 1. JPEG หรือ JPG (Join Photographic Export Group)
เป็นรูปแบบไฟล์ที่เก็บภาพแบบราสเตอร์ที่ไม่ต้องการคุณภาพสูงมากนัก เช่น ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล ภาพถ่ายจาโทรศัพท์มือถือและภาพกราฟิกสำหรับแสดงบนอินเทอร์เน็ต สามารถแสดงสีได้ถึง 16.7 ล้านสี เป็นไฟล์ภาพชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะไฟล์มีขนาดเล็กสามารถบีบอัดข้อมูลได้หลายระดับ
จุดเด่น
1. สนับสนุนสีได้ถึง 24 bit
2. แสดงสีได้ถึง 16.7 ล้านสี
3. สามารถกำหนดค่าการบีบอัดไฟล์ได้ตามที่ต้องการ
4. มีระบบแสดงผลแบบหยาบและค่อย ๆ ขยายไปสู่ละเอียดในระบบโพรเกรสซีฟ (Progressive)
5. มีโปรแกรมสนับสนุนการสร้างจำนวนมาก
6. เรียกดูได้กับบราวเซอร์ (Browser) ทุกตัว
จุดด้อย
1. ไม่สามารถทำภาพให้มีพื้นหลังแบบโปร่งใส (Transparent) ได้
2. ทำภาพเคลื่อนไหว (Animation) ไม่ได้
2. GIF (Graphic Interchange Format)
เป็นไฟล์ภาพที่สามารถบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเล็กได้ส่วนมากจะนำไปใช้บันทึกเป็นไฟล์ภาพ เคลื่อนไหวและนิยมมากในการใช้งานบนเว็บเพจ
จุดเด่น
1. สามารถใช้งานข้ามระบบไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) หรือระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (Unix) ก็สามารถเรียกใช้ไฟล์ภาพสกุลนี้ได้
2. ภาพมีขนาดไฟล์ต่ำ จากเทคโนโลยีการบีบอัดภาพทำให้สามารถส่งไฟล์ภาพได้อย่างรวดเร็ว
3. สามารถทำภาพพื้นหลังแบบโปร่งใสได้
4. มีโปรแกรมสนับสนุนการสร้างจำนวนมาก
5. เรียกดูได้กับบราวเซอร์ทุกตัว
6. สามารถนำเสนอแบบภาพเคลื่อนไหวได้
จุดด้อย
1. แสดงสีได้เพียง 256 สี
2. ไม่เหมาะกับภาพที่ต้องการความคมชัดหรือความสดใส
3. PNG (Portable Network Graphics)
เป็นชนิดของไฟล์ภาพที่นำจุดเด่นของไฟล์ภาพแบบ GIF และแบบ JPG มาพัฒนาร่วมกัน ทำให้ไฟล์ภาพชนิดนี้แสดงสีได้มากกว่า 256 สี และยังสามารถทำพื้นหลังภาพให้โปร่งใสได้ จึงเป็นไฟล์ภาพที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน
จุดเด่น
1. สนับสนุนสีได้ตามค่า True color (16 bit, 32 bit หรือ 64 bit)
2. สามารถกำหนดค่าการบีบอัดไฟล์ได้ตามที่ต้องการ
3. ทำภาพพื้นหลังแบบโปร่งใสได้
จุดด้อย
1. หากกำหนดค่าการบีบอัดไฟล์ไว้สูงจะใช้เวลาในการคลายไฟล์ภาพสูงตามไปด้วย
2. ไม่สนับสนุนกับบราวเซอร์รุ่นเก่า
3. โปรแกรมสนับสนุนในการสร้างมีน้อย
4. BMP (Bitmap)
เป็นรูปแบบของไฟล์ภาพมาตรฐานที่ใช้ได้ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยมีลักษณะการจัดเก็บ ไฟล์ภาพเป็นจุดสีทีละจุดจึงทำให้ภาพดูเสมือนจริง
จุดเด่น
1. แสดงรายละเอียดสีได้ 24 บิต
2. ไม่มีการสูญเสียข้อมูลใด ๆ เมื่อมีการย่อหรือขยายภาพ
3. นำไปใช้งานได้กับทุกโปรแกรมในระบบปฏิบัติการวินโดวส์
จุดด้อย
1. ภาพมีขนาดใหญ่มากจึงใช้เนื้อที่ในการจัดเก็บค่อนข้างมาก
2. ความละเอียดของภาพอาจจะไม่ชัดเจนเหมือนต้นฉบับ
5. TIF หรือ TIFF (Tagged Image File)
เป็นไฟล์ที่ใช้เก็บภาพแบบราสเตอร์คุณภาพสูง เช่น ภาพกราฟิกที่นำไปทำงานด้านสิ่งพิมพ์ (Artwork) สามารถเก็บข้อมูของภาพไว้ได้ครบถ้วน ทำให้คุณภาพของสีเหมือนต้นฉบับ
จุดเด่น
1. สามารถใช้งานข้ามระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์หรือระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ก็สามารถเรียกใช้ไฟล์ภาพชนิดนี้ได้
2. แสดงรายละเอียดสีได้ 48 บิต
3. ไฟล์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
4. เมื่อมีการบีบอัดไฟล์จะมีการสูญเสียข้อมูลน้อยมาก
5. มีโปรแกรมสนับสนุนการสร้างจำนวนมาก
จุดด้อย
1. ไฟล์ภาพมีขนาดค่อนข้างใหญ่
2. ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บไฟล์ภาพสูง
6. PSD (Photoshop Document)
เป็นไฟล์ภาพเฉพาะโปรแกรม Adobe Photoshop จะทำการบันทึกแบบแยกเลเยอร์ (Layer) โดยเก็บประวัติการทำงานและรายละเอียดการตกแต่งภาพ เอาไว้ เพื่อง่ายต่อการแก้ไขในภายหลัง
จุดเด่น
1. มีการบันทึกแบบแยกเลเยอร์และเก็บประวัติการทำงานทุกขั้นตอน
2. สามารถนำไฟล์ภาพมาแก้ไขได้ในภายหลัง
จุดด้อย
1. ไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับไฟล์ภาพประเภทอื่น
2. ไม่สามารถเปิดใช้งานในโปรแกรมอื่นได้
สิ่งที่สำคัญในการออกแบบกราฟิก คือ การจัดวางองค์ประกอบของงานออกแบบ หรือเรียกว่า “การวางคอมโพส”
การวางคอมโพส เป็นการนำองค์ประกอบของ สี ตัวอักษร เส้น รูปภาพ หรืออื่นๆ มาวางในพื้นที่ที่จะสร้างผลงานนั้นๆ ที่ต้องการสื่อออกมา ก่อนจะไปถึงจุดของการออกแบบ เราก็ควรที่จะรู้ถึงองค์ประกอบในการออกแบบด้วยเช่นกัน
เส้น (Line) รูปทรงของเส้นจะสื่อถึงความรู้สึกที่ต่างกันออกไป
เส้นแนวนอน = สงบ ราบเรียบ
เส้นแนวตั้ง = มั่นคง
เส้นทแยง = ไม่มั่นคง
เส้นตัดกัน = แข็งแกร่ง หนาแน่น
เส้นโค้ง = อ่อนน้อม
เส้นประ = ไม่สมบูรณ์
เส้นโค้งแบบคลื่น = นิ่มนวล
เส้นโค้งก้นหอย = ไม่มีที่สิ้นสุด
เส้นซิกแซ็ก = อันตราย
รูปร่าง (Shape) , รูปทรง (Form) , น้ำหนัก (Value)
รูปร่าง = องค์ประกอบต่อจากเส้น ในรูปร่าง 2 มิติ ความกว้างและความยาว หรือสูง
รูปทรง = รูปร่าง 3 มิติ เป็นการเพิ่มความลึกเข้ามา
น้ำหนัก = เป็นส่วนเสริมให้รู้ว่ารูปทรงจะมีขนาดหนักเบา หรือโปร่ง
พื้นผิว (Texture) เป็นอีกองค์ประกอบว่างานนั้นจะออกมาในแนวไหน สื่อถึงความเก่า-ใหม่ สื่อถึงงานปาร์ตี้ ฯลฯ รวมทั้งวัสดุที่ใช้พิมพ์จะเพิ่มให้ผลงานเหมาะวมมากยิ่งขึ้น เช่น การ์ดเชิญไปงานเลี้ยง ก็อาจจะเป็นกระดาษที่หรูหรา แวววาว เป็นต้น
ที่ว่าง (Space) พื้นที่หรือพื้นหลัง ที่ผู้ออกแบบอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจให้มี ซึ่งที่ว่างจะช่วยให้สามารถควบคุมองค์ประกอบไม่ให้หนักหรือบางเกินไป เป็นการช่วยเสริมจุดเด่นมากขึ้น
สีแดง = อันตราย เร่าร้อน รุนแรง
สีส้ม = สว่าง เร่าร้อน
สีเหลือง = สว่าง สดใส
สีเขียว = สดชื่น พักผ่อน
สีน้ำเงิน = สงบ ผ่อนคลาย
สีม่วง = มีเลศนัย
สีน้ำตาล = สงบเงียบ
สีขาว= บริสุทธิ์ สะอาด
สีดำ =หดหู่ เศร้าใจ
นอกจากสีจะแสดงถึงความรู้สึกต่าง ๆ แล้ว เมื่อนำมาใช้ร่วมกันยังสามารถสื่ออารมณืได้อีกแบบเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 วรรณะ คือ วรรณะร้อน (Warm Tone Color) และ วรรณะเย็น (Cool Tone Color)
ตัวอักษร (Type) เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้สีเช่นกัน เพราะนักออกแบบบางคนก็ใช้เพียงแค่ตัวอักษร ก็สามารถทำให้สื่อถึงผลงานนั้นได้ดีเยี่ยม มี Proportion ของฟอนต์ 3 แบบ คือ ธรรมดา(Normal) ตัวหนา(Bold) ตัวเอียง(Italic) แต่ละส่วนก็จะแยกย่อยไปอีก บางคนอาจจะกล่าวว่า “แค่ตัวอักษรเอง ทำไม?” แต่ถ้าได้เรียนรู้แล้วจะทำให้ผลงานของเราดียิ่งขึ้น โดยตัวอักษรหลักๆ ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี 4 แบบ คือ
Serif = เป็นระเบียบ เป็นทางการ
San Serif = อ่านง่าย ดูทันสมัย ไม่เป็นทางการมากนัก
Antique = แสดงถึงความชัดเจน ยุดสมัย
Script = ไม่เป็นทางการ มีความเป็นกันเอง
การเลือกฟอนต์ไปใช้ควรคำนึงถึง ความหมายต้องเข้ากัน และอารมณืของฟอนต์ต้องไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้การวางตำแหน่งก็สำคัญเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วธรรมชาติของคนไทยจะอ่านจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง จุดเด่นควรมีจุดเดียว และไม่ควรใช้ฟอนต์หลายแบบเกินไป