แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยรับประทานเห็ดพิษ
drive.google.com/drive/folders/1PCebO58eKqlidRbvHTyKoJh5WHh3WXU-
บทความประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน
drive.google.com/drive/folders/1PCebO58eKqlidRbvHTyKoJh5WHh3WXU-
Info หน้าฝนระวัง เห็ดพิษ
drive.google.com/drive/folders/1PCebO58eKqlidRbvHTyKoJh5WHh3WXU-
วิธีเก็บตัวอย่างเห็ดเพื่อส่งตรวจ
drive.google.com/drive/folders/1OpgT8E_Z_gjhcGk1-A7IYyl-1fkt6Wbo
วิเคราะห์สถานการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษ NEW !!!!
drive.google.com/drive/folders/1VIIHPhHw0JDTnxuOBGehpFRaQoTs1O0U
อาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษ จังหวัดเลย
สถานการณ์ : วันที่ 12 ธันวาคม 2565 เวลา 16.37 น. ทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านตูบค้อ ได้รับแจ้งข่าวจากทีมควบคุมโรคอำเภอด่านซ้าย ว่าพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษสงสัยว่าเกิดจากการรับประทานเห็ดพิษ ผู้ป่วยทั้งหมด 16 ราย มีอายุต่ำสุด 32 ปี สูงสุด 67 ปี เป็นเพศชาย 9 ราย หญิง 7 ราย โดยผู้ป่วยทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดหม้อเดียวกัน
อาการและอาการแสดงที่พบ ได้แก่ อาการวิงเวียนศีรษะ จำนวน 16 ราย (ร้อยละ 100 ) แขนขาอ่อนแรง จำนวน 16 ราย (ร้อยละ 100) คลื่นไส้อาเจียน จำนวน 2 ราย (ร้อยละ 12.50) หนังตาตกลืมตาไม่ได้ จำนวน 1 ราย (ร้อยละ 6.25) ผู้ป่วยรายแรกเริ่มป่วยเวลา 13.05 น. ผู้ป่วยรายสุดท้ายเริ่มป่วย เวลา 15.00 น. ระยะเวลาของการเกิดโรคหลังรับประทานประมาณ 5 นาที – 2 ชั่วโมง
โดยมีการรับประทานเห็ดผึ้งหลายชนิดรวมกันเช่น เห็ดผึ้งส้ม เห็ดผึ้งแดง เห็ดผึ้งดำ เห็ดผึ้งเขียว เห็ดผึ้งส้มดอกเล็ก ซึ่งในนั้นมีเห็ดผึ้งชนิดหนึ่ง ลักษณะมีสีเหลืองทั้งดอกและโคนต้น จำนวน 2 ดอก แต่ไม่มีใครระบุได้แน่ชัดว่าคือเห็ดอะไร ซึ่งทุกคนที่รับประทานต่างก็คิดว่าเป็นเห็ดผึ้งที่เคยกิน เห็ดที่สงสัย คือ เห็ดผึ้งชนิดหนึ่ง ลักษณะมีสีเหลืองทั้งดอกและโคนต้น
Q : จากรูป (ซ้ายมือ) เห็ดที่ส่งมาเป็นเห็ดกินได้ตามที่ชาวบ้านเข้าใจทั้งหมดใช่หรือไม่
A: รูปที่ส่งเข้ามาขาดความชัดเจนหลายอย่าง บอกชนิดยาก ยังบอกอะไรไม่ได้ เนื่องจากกินเห็ดรวมกันหลายชนิด และชาวบ้านยังสงสัยเห็ดผึ้งสีเหลืองทั้งดอกและโคนก้าน ซึ่งอาจจะไม่ใช่เห็ดพิษก็ได้ พยาบาลและหมอที่รักษาควรย้ำเตือนชาวบ้านว่า ถ้าเกิดความสงสัยแม้เพียงนิดเดียวว่าเห็ดนี้จะกินได้ไหม ให้โยนเห็ดนั้นทิ้งไปเลย
Q: เหตุการณ์นี้ต้องดูบริเวณที่เก็บว่ามีพืชพิษชนิดอื่นๆ ขึ้นปะปนอยู่ด้วยใช่หรือไม่
A: ไม่เกี่ยวกับพืชพิษใดๆ เห็ดตับเต่ามากมายหลายชนิดเป็นเอคโตมัยคอร์ไรซา มีทั้งกินได้ เป็นเห็ดพิษ และไม่รู้ว่ากินได้หรือไม่เพราะไม่มีรายงานรวมทั้งยังไม่มีคนทดลองกิน ด้วยความเป็นพิษของเห็ดเกิดขึ้นจากตัวเห็ดเองที่สร้างสารพิษขึ้นมา เห็ดตับเต่าต่างชนิดกันอาจมีความคล้ายคลึงกันมาก ต้องสังเกตให้ละเอียด ชาวบ้านอาจจะเก็บเห็ดพิษมากินด้วยความเข้าใจผิดได้
ชาวบ้านเรียกเห็ดที่ด้านล่างของหมวกมีรูขนาดเล็กเรียงอยู่ติดๆ กัน นิ่มและหยุ่นคล้ายฟองน้ำว่าเห็ดผึ้ง (คำนำหน้า) นักวิชาการเรียกเห็ดกลุ่มนี้ว่ากลุ่มเห็ดตับเต่า (boletes) ซึ่งประกอบด้วยหลายวงศ์ (Family) ในแต่ละวงศ์ก็ยังมีหลายสกุล (Genus) และแยกย่อยจากสกุลเป็นชนิด (species) ชนิดที่ระบุง่ายจะมีลักษณะเด่นของมันเอง ให้ดูรูปกลุ่มเห็ดตับเต่าที่กินได้ด้านล่าง (รูปสะท้อนแสงไฟเพราะถ่ายจากหนังสือตอนกลางคืน)
Cr. ผศ.ดร.อุทัยวรรณ แสงวณิช คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษ จังหวัดกระบี่
สถานการณ์ : พบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ด จำนวน 2 ราย ผู้ป่วยรายที่ 1 เพศชาย อาชีพ เกษตรกร อายุ 30 ปี สัญชาติไทย และผู้ป่วยรายที่ 2 เพศหญิง อาชีพ เกษตรกร อายุ 31 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ขณะป่วย ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ให้ประวัติว่า เก็บเห็ดใกล้บ้านระยะทางประมาณ 500 เมตร จำนวน 50 ดอก นำมาทำเป็นอาหารรับประทาน ซึ่งยังไม่เคยรับประทานเห็ดชนิดนี้มาก่อน แต่ได้ถ่ายรูปเห็ดสอบถามในกลุ่ม Facebook ได้คำตอบว่ารับประทานได้ชื่อว่าเห็ดบานค่ำ จึงเชื่อและนำมารับประทานจนเกิดอาการป่วย เวลา 19.10 น. หลังรับประทานอาหาร เริ่มมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปวดมวนท้อง อ่อนเพลีย เหงื่อออกตัวเย็น หนาวสั่น ตาพร่า และหายใจเหนื่อยบางครั้ง เข้ารับการรักษาแผนกผู้ป่วยใน รพ.กระบี่ เมื่อวันที่ 29 ต.ค 65 ด้วยอาการเหงื่อออกทั้งตัว หนาวสั่น ปวดท้อง อาเจียน ตาพร่า และหายใจเหนื่อยบางครั้ง แพทย์วินิจฉัย mushroom intoxication
Q : จากภาพ (ขวามือ) เห็ดดังกล่าวเหมือนเห็ดโคนโดยดูเฉพาะที่หมวกว่ามีส่วนที่นูนแหลมหรือนูนแต่ไม่ค่อยแหลมที่กลางหมวก
A : จากภาพไม่ใช่เห็ดโคน โดยให้ดูว่าถึงกลางหมวกจะมีส่วนที่นูนแหลมหรือนูนมน แต่ผิวหมวกเป็นสีน้ำตาลทอง และคล้ายเส้นไหมหยาบๆ เรียงเป็นเส้นรัศมีมาจนถึงขอบหมวก และก้านของเห็ดในรูปเป็นทรงกระบอก (โคนก้านมีดินติดอยู่ด้วย) ถ้าเป็นเห็ด โคน โคนก้านจะต้องเรียวเล็กจากระดับดินลงไปใต้ดินจนถึงส่วนที่ติดกับรังปลวก และถ้าดูเห็ดเป็นต้องดูสีของครีบด้วย ตอนที่ดอกเห็ดยังอ่อนจนถึงสมบูรณ์เต็มที่ ครีบของเห็ดโคนจะติดก้าน เรียงตัวถี่ (แน่น) สีขาวถึงสีครีม ถ้าแก่หน่อยสีจะออกไปทางสีครีมปนน้ำตาลอ่อนมากๆ มีรอยพิมพ์สปอร์ (spore print) สีขาว หรือสีครีม แต่เห็ดในรูปข้างบนสีครีบควรจะออกเป็นสีเทาอ่อนมากๆ แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (coffee brown) มีรอยพิมพ์สปอร์ (spore print) สีน้ำตาล จากภาพคิดว่าน่าจะเป็นเห็ดในสกุล (genus) Inocybe มีผู้ identify ว่าเป็น Inocybe rimosa และให้ชื่อภาษาไทยว่าเห็ดหมวกจีน แต่ไม่ขอยืนยันว่าใช่ชนิด (species) นี้หรือไม่ เห็ดสกุล Inocybe หลายชนิดสร้างสารพิษในกลุ่ม muscarine ทำให้เกิดอาการกับระบบประสาท มีเหงื่อออกมากมาย น้ำตาและน้ำลายไหล ในรายที่รุนแรงอาจมีการเต้นของชีพจรช้า ความดันโลหิตต่ำจนถึงขั้นอันตราย
Cr. ผศ.ดร.อุทัยวรรณ แสงวณิช คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์