จากข้อมูลที่มีในตอนนี้ทำให้พอทราบได้ว่า U-go นั้นจะถูกผลิตออกมาอย่างน้อย 2 รุ่น ซึ่งจะเป็นรุ่นมาตรฐานในระบบธรรมดา และ รุ่นที่เล็กกว่าเพื่อเหมาะสมแก่การใช้งานในบางพื้นที่ โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้ รุ่นมาตรฐาน ในรุ่นนี้จะใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ฮับขนาด 1.2 กิโลวัตต์ ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุด 53 กม./ชม. (33 ไมล์ต่อชั่วโมง) e-scooter มีความสามารถในการเดินทางได้อย่างต่อเนื่องที่ระยะทางประมาณ 65 กม. (40 ไมล์) แต่ในส่วนนี้ก็ได้มีการแก้ปัญหาจากทางผู้ผลิตถ้าหากผู้ใช้งานต้องการจะเดินทางไกลก็สามารถขยายระยะทางได้ถึง 130 กม. (81 ไมล์) ด้วยการใช้งานชุดแบตเตอรี่แบบคู่ที่มาจากผู้จำหน่ายนั่นเอง รุ่นความเร็ซต่ำ สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการใช้รถที่มีพละกำลังที่น้อยกว่า ยังมีรุ่นความเร็วต่ำที่ใช้มอเตอร์ฮับขนาด 800 วัตต์ ที่จะทำความเร็วสูงสุดที่ 43 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง) โดยทั้งสองรุ่นใช้ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V 30Ah แบบถอดได้

แนวคิดในการออกแบบ U-GO คือ “เรียบง่ายและสะอาด” ซึ่ง ฮอนด้า ได้ ถ่าย ทอด ออก มา ให้ มัน คล้าย กับ รถ สกู๊ตเตอร์ ใน ยุค ก่อน และ ปรับ เปลี่ยน ให้ ความ ความ ทัน สมัย มาก ขึ้น ด้วย การ ออก แบบ ที่ เน้น มุม เหลี่ยม และ ความ ลง ตัว ใน สัด ส่วน ของ รถ เป็น แกน หลัก ทำให้สกู๊ตเตอร์ U-go กลายเป็นสกู๊ตเตอร์สปอร์ตที่มีความคุ้นตาคล้ายรถ ฮอนด้า ยอดนิยมที่ขายได้ในบ้านเราทันที โดยเจ้ารถรุ่นนี้มาพร้อมกับกล่องยูทิลิตี้ พอร์ตชาร์จ USB (ช่องเสียบสาย USB) และช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะขนาดใหญ่ 26 ลิตร หน้าปัดเรือนไมล์จะใช้จอแบบ LCD ซึ่งแสดงข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเร็ว เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ และ การอ่านระยะทาง