ประวัติโดยย่อ โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิ
ประวัติโดยย่อ โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิ
โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิ ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 ถนนยนตรการกำธร ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล บนเนื้อที่ 25 ไร่ 16 ตารางวา
เมื่อปี พ.ศ. 2508 ชาวไทยมุสลิมที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้บริเวณที่ตั้งสถานีตำรวจภูธรควนกาหลง (บ้านห้วยโต๊ะบุก) ได้ร่วมมือกับนายมะหรา หลีเส็น จัดตั้งขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่สอนศาสนาอิสลามแก่เยาวชนโดยมีนายมะหรา หลีเส็น และนายวันรินทร์ บิลอับดุลลาห์ เป็นผู้ดำเนินการสอน โดยเปิดสอนวิชาศาสนาอิสลามและวิชาสามัญ ตามหลักสูตรศึกษาผู้ใหญ่ ระดับ 1-2 ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ปอเนาะ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 โรงเรียนได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม และได้ย้ายจากสถานที่เดิมมาตั้งอยู่สถานที่แห่งใหม่ บนเนื้อที่ 7 ไร่ 16 ตารางวา บ้านทุ่งตำเสา (ควนโต๊ะซ่ำ) หมู่ที่ 10 ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล และได้เปลี่ยนแปลงการสอนวิชาศาสนาอิสลามเป็นระดับอิสลามศึกษาตอนต้น (อิบตีดาอียะฮ์) โดยมีนายวันรินทร์ บิลอัลดุลลาห์ เป็นผู้สอน ส่วนวิชาสามัญ เพิ่มเป็นหลักสูตรศึกษาผู้ใหญ่ ระดับ 3 โดยมีนางสาวมลฤดี เส้นหละ เป็นผู้สอน และในปี พ.ศ. 2515 มีนายย่อง ทองมี ซึ่งเป็นข้าราชการครู ได้เข้ามาทำการสอนวิชาสามัญเพิ่มขึ้นอีก 1 คน
ปี พ.ศ. 2518 โรงเรียนมีความจำเป็นต้องหยุดปิดกิจการชั่วคราว
ปี พ.ศ. 2523 โรงเรียนได้เปิดกิจการดำเนินการการเรียนการสอนอีกครั้ง โดยมี นายมะหรา หลีเส็น เป็นผู้รับใบอนุญาต นายรอมหลัน หยาหลี เป็นผู้จัดการ และนายสอและ ปะดุกา เป็นครูใหญ่ โดยทางโรงเรียนได้เปิดทำการสอนวิชาสามัญตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2521 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-ม.3) ส่วนวิชาศาสนาอิสลามใช้หลักสูตรอิสลามศึกษา พ.ศ. 2523 ชั้นอิบตีดาอียะฮ์ปีที่ 1-4 โดยมีนักเรียนเข้าสมัครเรียนในปีแรกประมาณ 50 คน
ปี พ.ศ. 2524 โรงเรียนได้ประสบอัคคีภัยที่พักนักเรียนหญิงและบ้านพักครูทั้งหมด จึงได้ใช้อาคารเรียนเป็นที่พักชั่วคราวของนักเรียนหญิงและครู ทางโรงเรียนได้ขออนุญาตใช้อาคารเรียนของโรงเรียนบ้านทุ่งตำเสา เป็นสถานที่เรียนและสอบวิชาสามัญในปีการศึกษานั้น หลังจากนั้นชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างที่พักใหม่จนเสร็จ ทางโรงเรียนจึงย้ายนักเรียนกลับมาเรียน โดยใช้อาคารเรียนภายในโรงเรียนตามปกติ
ปี พ.ศ. 2525 มีนักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปีที่ 3 จำนวน 28 คน
ปี พ.ศ. 2526 มีนักเรียนที่เรียนจบชั้นอิสลามศึกษาตอนต้น ปีที่ 4 (อิบตีดาอียะฮ์) จำนวน 25 คน และมีครูที่สอนวิชาศาสนาอิสลามจำนวน 13 คน ครูที่สอนวิชาสามัญ จำนวน 11 คน มีนักเรียนที่เรียนเฉพาะวิชาศาสนา จำนวนทั้งหมด 371 คน และเรียนทั้งวิชาศาสนาและวิชาสามัญ จำนวน 239 คน
ปี พ.ศ. 2533 โรงเรียนได้เสียบุคลากรคนสำคัญยิ่งของโรงเรียน คือ นายสอและ ปะดุกา ครูใหญ่
ได้ถึงแก่กรรมลงในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2533 เวลา 12.45 น. ณ โรงพยาบาลหาดใหญ่ หลังจากนั้นทางโรงเรียนจึงได้แต่งตั้ง นายมูหัมหมาด ปะดุกา เป็นครูใหญ่แทน
ปี พ.ศ. 2536 โรงเรียนได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสภาพโรงเรียนตามมาตรา 15 (2) เป็นโรงเรียนตามมาตรา 15 (1) และได้เปลี่ยนแปลงมาใช้หลักสูตรอิสลามศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นหลักสูตรบูรณาการระหว่างวิชาศาสนาอิสลามกับหลักสูตรวิชาสามัญเข้าด้วยกัน
ปี พ.ศ. 2537 โรงเรียนได้แต่งตั้ง นางอรอุมา เศษแอ เป็นผู้จัดการ แทนนายรอมหลัน หยาหลี ที่ได้ลาออก และแต่งตั้งนายอะซิซัล เหมสลาหมาด เป็นครูใหญ่ แทนนายมูหัมหมาด ปะดุกา ที่ได้ลาออก
ปี พ.ศ. 2540 เปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนอรุณศาสน์วิทยา เป็นโรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิ เนื่องจากโรงเรียนได้โอนกิจการโรงเรียนให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมูลนิธิ โดยมี นายมูหัมหมาด ปะดุกา เป็นผู้ลงนามแทนมูลนิธิในตำแหน่งผู้รับใบอนุญาต
ปี พ.ศ. 2545 โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสถานศึกษาวิชาทหาร และมีการเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสตูล
ปี พ.ศ. 2548 นายอะซิซัล เหมสลาหมาด ได้ลาออกจากตำแหน่งครูใหญ่ และได้แต่งตั้ง
นางอรอุมา เศษแอ ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการเป็นครูใหญ่แทน หลังจากนั้นก็ได้แต่งตั้ง
นายอับดุลกอหนี จิมาร เป็นผู้จัดการในตำแหน่งที่ว่างอยู่ในปีเดียวกัน
ปี พ.ศ. 2549 โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิได้จัดซื้อที่ดินขยายเนื้อที่อีก 4 ไร่ รวมเป็น 11 ไร่ 16 ตารางวา
ปี พ.ศ. 2552 โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิได้จัดซื้อที่ดินขยายเนื้อที่อีก 14 ไร่ รวมเป็น 25 ไร่ 16 ตารางวา
วัตถุประสงค์ โรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิ
เพื่อให้การบริหารโรงเรียนเป็นไปตามปรัชญา “ วิชาดี กีฬาเด่น เน้นคุณธรรม นำพัฒนา” จึงได้กำหนดเป้าหมายของโรงเรียนในการปฏิบัติงานดังนี้
1. มุ่งเน้นให้ผู้เรียน เก่ง ดี มีสุข คิดเป็นทำเป็น แก้ปัญหาเป็นและทำงานเป็นกระบวนการโดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนที่หลากหลาย
3. ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมที่เหมาะสม โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนที่หลากหลาย
4. ปลูกฝังให้ผู้เรียนอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุน
ที่หลากหลาย
5. ปลูกฝังระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานให้กับผู้เรียน โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนที่หลากหลาย
6. วัดและประเมินผลผู้เรียนให้เป็นไปตามหลักสูตร และระเบียบการวัดผลประเมินผลโดยเน้นการวัดผลและประเมินผลตามสภาพจริง แสดงถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาตนเอง
7. บุคลากรในโรงเรียนทุกคนมีการพัฒนางานและตนเองอยู่เสมอ
8. บุคลากรและนักเรียนทุกคนในโรงเรียนมีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมตนเองอยู่เสมอ
9. ผู้บริหารโรงเรียนมีคุณธรรม เป็นประชาธิปไตย มีภาวะของผู้นำ และมีวิสัยทัศน์
10. ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน
โลเคชั่น