แผนที่ความคิดแสดงปัญหาที่พบจากการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ
ตัวอย่าง การวิเคราะห์ปัญหาผู้สูงอายุสูญเสียการได้ยินด้วยการตั้งคำถาม 5W1H
ผังก้างปลาแสดงสาเหตุของปัญหาการสูญเสียการได้ยินของผู้สูงอายุ
- ลักษณะอาการ หรือระบบการได้ยินของผู้สูงอายุที่ประสาทหูเสื่อม
- ผลกระทบจากการสูญเสียการได้ยินของผู้สูงอายุ
- การส่งเสริมให้การได้ยินมีประสิทธิภาพดูขึ้น
เมื่อได้ประเด็นในการสืบค้นแล้ว สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย เช่น
- การสืบค้นจากเอกสาร บทความ งานวิจัย
- การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
- การสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ
- สำรวจตัวอย่างในท้องตลาด
- การศึกษาดูงานจากสถานประกอบการ เช่น ร้านจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาล
แนวทางหนึ่งในการรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้แก้ปัญหาหรือความต้องการ คือ การสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล หรือเว็บไซต์ ซึ่งรวบรวมเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ หรือนวัตกรรม เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิบัตร หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่มีผู้คิดค้นไว้ แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ มาช่วยแก้ปัญหาหรือความต้องการ ในการนำความรู้ดังกล่าวมาต่อยอด ผู้นำมาใช้ควรมีความคิดที่ไม่ละเมิด หรือมีความตระหนักในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น เช่น ภายหลังที่ได้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา หากผู้ต่อยอดต้องการจดสิทธิบัตร สามารถยื่นจดสิทธิบัตรได้แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของสิทธิบัตรเดิมก่อน
สำหรับนักเรียนการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่สูญเสียการได้ยินจากประสาทหูเสื่อมด้วยการผ่าตัด คงเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เนื่องจากไม่มีความรู้ความสามารถ แต่การสร้างเครื่องช่วยฟังเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่สูญเสียการได้ยิน อาจเป็นแนวทางการช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาการสูญเสียการได้ยินที่นักเรียนสามารถทำได้ โดยอาจรวบรวมข้อมูลเครื่องช่วยฟังซึ่งมีการผลิตเพื่อจำหน่ายรูปแบบต่าง ๆ เช่ง เครื่องช่วยฟังแบบกล่อง แบบทัดหลังใบหู และแบบใส่ในช่องหู แล้วนำข้อมูลมาเปรียบเทียบทั้งในด้านองค์ประกอบพื้นฐานของอุปกรณ์ ข้อดี และข้อด้อยที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานดังตาราง เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้สูงอายุที่สูญเสียการได้ยิน
การใช้เครื่องช่วยฟังเพื่อช่วยการได้ยิน
ตาราง การวิเคราะห์เครื่องช่วยฟังแต่ละประเภท
จากการเปรียบเทียบเครื่องช่วยฟังแต่ละประเภท พบว่ามีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการเปรียบเทียบมาใช้ในการพัฒนาแนวทางการแก้ปัญหา ด้วยการออกแบบและพัฒนาเครื่องช่วยฟังขึ้นอย่างเหมาะสมภายใต้ความรู้ ความสามารถ ทรัพยากรและข้อจำกัด ในขั้นตอนต่อไป
1. การวิเคราะห์องค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหาด้วย function analysis diagram
เพื่อให้การออกแบบเครื่องช่วยฟังได้อย่างเหมาะสม จึงต้องมีการวิเคราะห์องค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาเครื่องช่วยฟัง เช่น ชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องมีในอุปกรณ์และหน้าที่ในการทำงาน ซึ่งวิธีการหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อมูลนี้คือการวิเคราะห์ด้วย function analysis diagram
การวิเคราะห์ด้วย function analysis diagram เป็นเทคนิคการแยกแยะหรือจำแนกหน้าที่ และคุณสมบัติ ที่จำเป็นและควรมีต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ที่มีการผลิตเพื่อจำหน่ายอยู่แล้ว และแยกแยะในแต่ละองค์ประกอบพื้นฐาน ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นสามารถทำงานได้ตามหน้าที่ โดยอาจตัดส่วนที่ ไม่จำเป็นออกไป แล้วถ่ายทอดแนวคิดออกมาเป็นภาพ 2 มิติ หรือ 3 มิติ
จากการวิเคราะห์องค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องช่วยฟังโดยการวิเคราะห์ด้วย function analysis diagram พบว่าเครื่องช่วยฟังที่ผลิตเพื่อจำหน่ายถึงแม้มีหลากหลายรูปแบบตามที่รวบรวมข้อมูลไว้ แต่โดยทั่วไปมีองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำงานของอุปกรณ์เหมือนกัน ประกอบด้วย
- อุปกรณ์รับเสียง ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า เช่น ไมโครโฟนขนาดเล็ก
- วงจรขยายเสียง ซึ่งทำหน้าที่รับสัญญาณไฟฟ้าจากไมโครโฟน เพื่อขยายสัญญาณไฟฟ้าที่เปลี่ยนมาจากสัญญาณเสียงให้ตรงกับระดับการได้ยินของผู้ใช้งาน
- อุปกรณ์ถ่ายทอดเสียง ทำหน้าที่แปลงสัญญาณไฟฟ้ามาเป็นเสียง และทำการส่งสัญญาณเสียงนั้นเข้าไปในหูของผู้ใช้งาน เช่น ลำโพงขนาดเล็ก
องค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังใบหูจากการวิเคราะห์ด้วย function analysis diagram
2. การสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหา
เมื่อได้ข้อมูลองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาแนวทางการแก้ปัญหาแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นและอาจสร้างไว้หลายแนวทาง จากนั้นจึงตัดสินใจเลือกแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับเงื่อนไขและขอบเขตของปัญหามากที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อดี ข้อเสีย ความสอดคล้องกับทรัพยากรทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ ปัจจัยที่ขัดขวางหรือข้อจำกัด ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การนำไปใช้งานเพื่อแก้ปัญหา ความประหยัด ความปลอดภัย การบำรุงรักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของวิธีการหรือแนวทางการแก้ปัญหา ในการตัดสินใจเลือกแนวทางในการแก้ปัญหาเราสามารถใช้ตารางช่วยประเมินเพื่อตัดสินใจเลือก สำหรับประเด็นในการตัดสินใจสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
รูปภาพทรัพยากรทางเทคโนโลยี
ทรัพยากรทางเทคโนโลยี (technological resources) คือ สิ่งที่จำเป็นต้องใช้และต้องคำนึงถึง และถูกนำไปใช้ในกระบวนการแก้ปัญหา เพื่อให้ได้ผลผลิตหรือผลลัพธ์ที่สามารถนำไปแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ ทรัพยากรทางเทคโนโลยีแบ่งออกเป็น 7 ด้าน ได้แก่ คน ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ พลังงาน ทุนหรือทรัพย์สิน และเวลา ในการแก้ปัญหาอาจใช้ทรัพยากรครบทั้ง 7 ด้าน หรือไม่ก็ได้ ขึ้นกับปัญหาจากสถานการณ์นั้น ในกรณีที่มีทรัพยากรเหล่านี้อย่างเพียงพอ ก็จะช่วยส่งเสริมการดำเนินการในการแก้ไขปัญหา แต่หากขาดแคลนหรือมีทรัพยากรจำกัดก็อาจเป็นสิ่งท่ขัดขวางการดำเนินการในการแก้ปัญหานั้น ๆ
ตัวอย่างการออกแบบเครื่องช่วยฟังเพื่อช่วยแก้ปัญหาผู้สูงอายุสูญเสียการได้ยิน
องค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของเครื่องช่วยฟัง คือ วงจรขยายเสียง ซึ่งทำหน้าที่รับสัญญาณไฟฟ้าจากไมโครโฟน เพื่อขยายสัญญาณไฟฟ้าที่เปลี่ยนมาจากสัญญาณเสียงให้ตรงกับระดับการได้ยินของผู้ใช้งาน จากความรู้ของนักเรียนที่ได้เรียนรู้ในระดับมัธยมศึกษาอาจไม่สามารถออกแบบวงจรช่วยขยายเสียงได้ แต่จากการสืบค้นพบว่า มีการผลิตและจำหน่ายชุดอุปกรณ์ที่สามารถนำมาสร้างวงจรที่ช่วยขยายเสียงอย่างง่ายได้ ซึ่งมีผู้ผลิตไว้หลายวงจร โดยอาจมีอุปกรณ์ที่ช่วยในการขยายเสียงแตกต่างกัน โดยนำแต่ละวงจรมาเปรียบเทียบกันดังตาราง เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้พัฒนาชิ้นงาน
ตาราง การเปรียบเทียบวงจรขยายเสียงที่มีการผลิตเพื่อจำหน่าย
จากการเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละวงจร พบว่าวงจรขยายเสียง แบบที่ 2 มีความเหมาะสมที่นำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนาเครื่องช่วยฟัง เนื่องจากวงจรใช้กระแสไฟฟ้าน้อยในการทำงาน มีการขยายเสียงสัญญาณให้แรงขึ้นถึง 2 ครั้ง โดยใช้ไอซี คุณภาพเสียงมีเสียงรบกวนน้อย สามารถปรับเพิ่ม ลด เสียงที่ได้ยินได้ ประกอบง่าย และมีราคาถูก แต่ด้วยขนาดแผ่นวงจรพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นข้อจำกัด ไม่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาเครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังใบหูและเครื่องช่วยฟังแบบใส่ในช่องหู แต่สามารถนำมาพัฒนาเครื่องช่วยฟังแบบกล่อง
การออกแบบเครื่องช่วยฟังนอกจากวงจรที่ช่วยขยายเสียงแล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่นที่จำเป็นในการทำงานของเครื่องช่วยฟังโดยการวิเคราะห์ด้วย function analysis diagram ได้แก่ อุปกรณ์รับเสียง อุปกรณ์ถ่ายทอดเสียง แหล่งกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้สามารถเลือกใช้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนาเครื่องช่วยฟัง ดังรูป
จากการเปรียบเทียบอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตเพื่อจำหน่าย เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนาเครื่องช่วยฟัง จึงเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นส่วนประกอบในการออกแบบและพัฒนาเครื่องช่วยฟังดังนี้
- อุปกรณ์รับเสียง เลือกใช้ไมค์คอนเดอร์เซอร์ เนื่องจากมีความไวในการรับสัญญาณ
- อุปกรณ์ถ่ายทอดเสียง เลือกใช้หูฟังชนิดใส่ในช่องหู เนื่องจากมีความสะดวกในการใช้งาน และมีน้ำหนักเบากว่าลำโพง
- แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เลือกใช้แบตเตอรี่ชนิด AAA 1.5 โวลต์ หากใช้จำนวน 2 ก้อน ก็ให้ความต่างศักย์ไฟฟ้าเพียงพอขนาด 3 โวลต์
มีน้ำหนักเบาและหาซื้อได้สะดวก
เมื่อเลือกรูปแบบวงจรขยายเสียง และอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาใช้พัฒนาเครื่องช่วยฟังเรียบร้อยแล้ว อาจนำอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ มาทดลองต่อตามรูปแบบวงจรขยายเสียง เพื่อทดสอบการทำงานว่าสามารถช่วยขยายเสียงสัญญาณเพื่อช่วยการได้ยินหรือไม่
จากการออกแบบและพัฒนาเครื่องช่วยฟังที่ผ่านมาซึ่งได้กำหนดรูปแบบวงจรขยายเสียง และอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาใช้พัฒนาเครื่องช่วยฟังเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการออกแบบและพัฒนาตัวโครงสร้างของเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยมีวงจรขยายเสียงและอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นต่อการทำงานของเครื่องช่วยฟัง
3. การถ่ายทอดความคิด
ในการออกแบบจำเป็นต้องอาศัยความรู้เรื่องการถ่ายทอดความคิดที่สามารถทำได้หลายลักษณะ เช่น การร่างภาพ การเขียนผังงาน การเขียนแผนภาพ ซึ่งอาจใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ โดยสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบฟรีแวร์หรืออาจเป็นโปรแกรมอื่น ทั้งนี้การถ่ายทอคความคิดอาจเริ่มจากวิธีการที่ง่ายและใช้ทรัพยากรน้อยไปจนถึงวิธีการที่ซับซ้อน ดังแผนภาพ
การถ่ายทอดความคิดจึงเป็นการสื่อสารแนวคิดที่ใช้แก้ปัญหา หรือสนองความต้องการให้เป็นรูปธรรม เพื่ออธิบายและสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ ภาพร่าง ภาพฉาย แบบจำลอง ผังงาน และแผนภาพ
1) ภาพร่าง
ภาพร่างเป็นภาพที่แสดงรายละเอียดในแต่ละส่วนของสิ่งที่ได้ออกแบบไว้ ซึ่งอาจเป็น ภาพ 2 มิติ ภาพ 3 มิติ และภาพฉาย
ภาพ 2 มิติ เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความกว้าง ความยาวหรือความสูงของชิ้นงาน
ภาพ 3 มิติ เป็นภาพที่ประกอบด้วย ความกว้าง ความยาว และความสูง มีความเหมือนจริง มากกว่าภาพ 2 มิติ การเขียนภาพ 3 มิติ ที่นิยมใช้ 2 แบบ
ภาพออบลิค (oblique)
เป็นภาพ 3 มิติ ที่มองเห็นรูปด้านหน้าเป็นแนวตรง มีฐานของภาพขนานกับเส้นระดับ สามารถวัดขนาดได้ ส่วนด้านยาวนิยมเขียนให้ทำมุมกับเส้นระดับ 45 องศา
ภาพไอโซเมตริก (isometric)
เป็นภาพ 3 มิติ ที่มองเห็นรูปร่างลักษณะใกล้เคียงของจริง มีแนวสันของวัตถุด้านหนึ่งตั้งฉากกับเส้นระดับ ส่วนความกว้างและความยาวจะทำมุม 30 องศากับเส้นระดับ
2) ภาพฉาย
ภาพฉายเป็นภาพแสดงรายละเอียดของชิ้นงานที่ออกแบบในแต่ละด้าน ประกอบด้วย ภาพด้านหน้า ภาพด้านข้าง และภาพด้านบน เป็นอย่างน้อย โดยภาพแต่ละด้านที่ออกมา คือ ภาพที่เราใช้ตามองตามแนวลูกศรในแต่ละด้านของภาพ แล้วเขียนออกมาเป็นแบบภาพ 2 มิติ ในบางกรณีที่จำเป็นอาจมีภาพด้านหลังหรือด้านล่างด้วยก็ได้ โดยภาพฉายของแต่ละด้านแสดงขนาดและหน่วยในการวัด เพื่อสามารถนำไปสร้างแบบจำลอง หรือชิ้นงานได้
ตัวอย่างการเขียนภาพฉายแสดงรายละเอียดของชิ้นงาน
3) ผังงาน
ผังงานเป็นการออกแบบแนวคิดของการทำงานอีกรูปแบบหนึ่งที่แสดงรายละเอียดการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน โดยใช้สัญลักษณ์ในการสื่อความหมายของลำดับการทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลเข้า (input) วิธีการประมวลผล (process) และการแสดงผลลัพธ์ (output) เช่น ขั้นตอนการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล
ตัวอย่างการเขียนเเผนผัง Flowchart
4) แผนภาพ
เป็นการออกแบบแนวคิดของการทำงานเป็นภาพ พร้อมแสดงรายละเอียดหรือองค์ประกอบเพื่อให้เห็นว่ามีการทำงานหรือวิธีการอย่างไร
แผนภาพแสดงส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์ของสินค้า
4. การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ
การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบภาพ 2 มิติ ภาพ 3 มิติ และภาพฉายช่วยให้ผู้ออกแบบได้เห็นภาพสิ่งที่กำลังออกแบบในมุมต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ใกล้เคียงความจริงมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ของสิ่งที่ออกแบบตามความคิดของเราได้อย่างรวดเร็ว ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบมีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและจุดเด็นที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบชิ้นงาน
เมื่อได้แนวทางในการพัฒนาแล้ว จึงออกแบบเครื่องช่วยฟังด้วยการเขียนภาพ 3 มิติ ภาพฉาย เพื่อให้เห็นรายละเอียดของชิ้นงานมากขึ้น
ตัวอย่างภาพ 3 มิติ และภาพฉายของเครื่องช่วยฟัง
ตัวอย่างภาพ 3 มิติ และภาพฉายของเครื่องช่วยฟังที่ใช้ซอฟต์แวร์ในการออกแบบ
ตาราง ตัวอย่างกิจกรรมและระยะเวลาในการสร้างเครื่องช่วยฟัง
ตาราง ตัวอย่างแผนปฏิบัติงานการสร้างเครื่องช่วยฟัง
หลังจากวางแผนการทำงานเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปเป็นการลงมือสร้างชิ้นงานตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ ในการสร้างชิ้นงานควรเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกับประเภทของงาน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานก็ต้องใช้ให้ถูกต้องและคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน
การสร้างชิ้นงานหรือลงมือแก้ปัญหา โดยนำทรัพยากรต่าง ๆ มาดำเนินการตามที่ได้ออกแบบไว้ โดยอาศัยทักษะในการทำงานเพื่อแก้ปัญหา เลือกใช้วัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการสร้างจนได้ชิ้นงานหรือวิธีการแก้ปัญหา เพื่อนำไปทดสอบการทำงานต่อไป
ในการพัฒนาชิ้นงานให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจนำเทคนิค SCAMPER มาช่วยในการวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการปรับปรุงชิ้นงาน
S = Substitute (การทดแทน) การหาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ มาทดแทนผลิตภัณฑ์เดิมที่มีปัญหา หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น เช่น การเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน Grab จากเมื่อก่อนที่ผู้คนมีปัญหาในการเรียกรถแท็กซี่มักปฎิเสธผู้โดยสาร แต่เมื่อนำแอปพลิเคชัน มาใช้ก็สามารถแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ได้ ทำให้เกิดความสะดวก และความพึงพอใจอย่างมากของผู้ใช้งาน
C = Combine (ผสมผสาน) เป็นการนำสิ่งสองสิ่งหรือมากกว่ามารวมกัน เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น โทรศัพท์ในปัจจุบันสามารถผสมผสานฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งกล้องถ่ายรูป ฟังเพลง เครื่องคิดเลข ตลอดจนการรับส่ง email
A = Adapt (การปรับใช้) ผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการส่วนใดที่สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขเพื่อลบจุดอ่อน และเพิ่มโอกาสให้สินค้าบริการดียิ่งขึ้นได้บ้าง เช่น การปรับเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งในโรงภาพยนตร์ เป็นแบบโซฟามีผ้าห่ม ให้ความรู้สึกเหมือนการนอนดูหนังที่บ้าน
M = Modify/Magnify/Minify (การปรับปรุง/ขยาย/ลด) ผลิตภัณฑ์สามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ เพิ่มหรือลดคุณสมบัติส่วนไหนได้บ้าง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การคิดค้นจอ LCD ทำให้จอทีวีในปัจจุบันมีขนาดเล็กลง เบาบางลงรวมถึงสามารถนำไปปรับใช้เป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้
P = Put to Other Uses (การประยุกต์ใช้) เป็นการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ไปใช้ประโยชน์ให้เข้ากับสิ่งอื่น เช่น การนำมูลสัตว์มาทำเป็นแก๊ส การนำห้องพักที่ว่างไม่ได้ใช้มาให้บริการปล่อยเช่าแก่คนที่สนใจ จะเห็นได้ว่าจากสิ่งเดิมที่มีอยู่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้สร้างประโยชน์กับเราได้
E = Eliminate (การตัดทิ้ง/การขจัดออก) การตัดบางส่วนของผลิตภัณฑ์ออกเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นหรือสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงของผลิตภัณฑ์บางอย่างให้รูปลักษณ์ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันตัดเอาปุ่มกดออกและสามารถใช้แบบสัมผัสแทนการกดปุ่ม อีกทั้งรูปทรงยังมีความบางเบาสะดวกแก่การพกพา ทำให้ผู้ใช้งานประทับใจเป็นอย่างมาก
R = Rearrange/Reverse (การเรียงใหม่) เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการใหม่หรือย้อนปรับกระบวนการ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม เช่น การออกแบบโทรศัพท์เปลี่ยนตัวแหน่งของไมโครโฟนและตำแหน่งช่องเสียบหูฟัง เพื่อให้สามารถรับเสียงได้ดีขึ้นและเกิดความสะดวกในการใช้งาน เป็นต้น
การนำเสนอผลงานทั้งในรูปแบบของการบรรยายประกอบภาพ หรือการเขียนสรุปในแผ่นโปสเตอร์ต้องให้เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น ซึ่งต้องนำเสนอกระบวนการของการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานตั้งแต่เริ่มต้นของการทำงาน คือ การระบุปัญหา การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาทั้งวิธีการ และข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมข้อมูล การออกแบบแนวทางในการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน
การลงมือสร้างชิ้นงาน ตลอดจนการทดสอบ ปรับปรุงแก้ไข และปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
การนำเสนอผลงานโดยใช้โปรแกรมประยุกต์
การนำเสนอผลงานรูปแบบโปสเตอร์