คือการรวบรวมชุดความรู้ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนทุกช่วงวัย
เป็นประจำทุกเดือนในรูปแบบสารสนเทศที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจ
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้กำหนดสิทธิประโยชน์ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อและผู้ได้รับผลกระทบ ดังนี้
1. การอุปการะเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน 4 แห่ง คือ นนทบุรี เชียงใหม่ อุดรธานี และสงขลา
2. การสงเคราะห์ครอบครัวๆละ ไม่เกิน 2,000 บาท ติดต่อกันได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ต่อปี
3. การสงเคราะห์เงินทุนประกอบอาชีพสำหรับสตรีที่ติดเชื้อ หรือ ได้รับผลกระทบจากปัญหาเอดส์ รายละไม่เกิน 5,000 บาท
4. การสงเคราะห์เด็กในครอบครัวๆละไม่เกิน 1,000 บาท ต่อเด็กหนึ่งคน และไม่เกิน 3,000 บาท ในกรณีที่มีเด็กมากกว่าหนึ่งคน
สามารถส่งข้อมูล การขอรับเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อเอดส์และครอบครัวได้ที่ https://service.dsdw.go.th/Form/01/0102
ติดเชื้อ HIV ยังไม่เท่ากับเป็นเอสด์ หากได้รับการรักษาได้ทัน
โรคเอดส์ (AIDS) หรือ กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัส HIV จาก 3 ระยะ
ระยะที่ 1 ระยะแรกเริ่มของการติดเชื้อ (Primary infections: Acute HIV) ร่างกายจะตอบตอบสนอง เข้าสู่ภาวการณ์ติดเชื้อ โดยจะปรากฏอาการประมาณ 1-2 สัปดาห์แรกหลังจากติดเชื้อ โดยจะมีอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีเหงื่อออกตอนกลางคืน ผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นแผลในปาก ผู้ที่ติดเชื้อบางรายอาจมีอาการ เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว
น้ำหนักตัวลดลง และมีฝ้าขาวในช่องปาก
ระยะที่ 2 ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ (Clinical latent infection: Chronic HIV) หรือระยะสงบ ในช่วง 5-10 ปี โดยประมาณหลังติดเชื้อ HIV โดยจะไม่แสดงอาการใด ๆ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของเชื้อ HIV ที่ได้รับและภูมิคุ้มกันร่างกายของแต่ละบุคคล
ระยะที่ 3 ระยะเอดส์เต็มขั้นหรือระยะโรคเอดส์ (Progression to AIDS) ผู้ที่ติดเชื้อ HIV 10 ปี โดยประมาณหลังติดเชื้อ HIV หรือระยะโรคเอดส์เต็มขั้น จะปรากฏสัญญาณและอาการของโรคเอดส์ คือการเกิดขึ้นของโรคแทรกซ้อน หรือโรคฉวยโอกาสอื่น ๆ โรครุมเร้าพร้อม ๆ กัน อันเนื่องมาจาก ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลาย
การรักษาและการป้องกัน
ปัจจุบันการรักษา HIV มีความก้าวหน้า สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็ว มียาต้านไวรัสประสิทธิภาพสูงที่ให้ผลดีในการรักษา ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ควรรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ดูแลรักษาและใช้ยาต้านไวรัส HIV อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณไวรัสในร่างกายและลดโอกาสการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
การป้องกันการติดเชื้อ HIV สามารถทำได้ โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด ควรตรวจเลือดและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อการเข้าสู่การรักษาได้ทันท่วงที และป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก โดยให้หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV ควรรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง