หนังที่สร้างจากเรื่องจริง เรื่องราวจากชีวิตจริง ดูหนังฟรี คมชัด HD

เป็นภาพยนตร์แอคชั่นผจญภัยของอเมริกาที่กำกับโดย Otto Bathurst และเขียนโดย Ben Chandler และ David James Kelly ซึ่งสร้างมาจากเรื่องราวของ โรบินฮู้ด วีรบุรุษนอกกฎหมายในคติชนอังกฤษที่มีความเชี่ยวชาญสูงในการยิงธนูและนักดาบ โดยตั้งแต่จุดเริ่มต้นของ ศตวรรษที่ 19 เขาได้กลายเป็นที่รู้จักกันในฐานะ "ปล้นคนรวยและให้กับคนยากจน" โดยอาศัยความช่วยเหลือจากกลุ่มโจรที่รู้จักกัน ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา " เมอร์รี เมน "

ซึ่งเรื่องนี้ถูกสร้างมาแล้วหลายเวอร์ชั่น แต่เวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ต่างจากเวอร์ชั่นอื่น ๆ เนื่องจากเน้นแอคชั่นที่มันส์ดุเดือดขึ้นและถูกนำมาเล่าในมุมมองที่ใหม่ทันสมัยกว่าเดิม เรื่องราวช่วงยุคเริ่มต้นของตำนานโรบินฮูด หลังจากที่เขาไปร่วมรบในสงครามครูเสดและเมื่อกลับมาจึงพบว่าเมืองของเขาถูกคนชั่วยึดครอง โรบินฮูดจึงได้รวบรวมตั้งกองกำลังใหม่เพื่อลุกขึ้นต่อสู้

คะแนน 8.5/10

เป็นภาพยนตร์เชือดเฉือนอารมณ์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่กำกับโดย เดฟ เมเยอรส์ และอำนวยการสร้างโดย ไมเคิล เบย์ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นรีเมคจากต้นฉบับใน ปี 1986 ที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงในการเดินทางของคู่รักหนุ่มสาวที่ต้องไปพบเจอเรื่องลึกลับเขย่าขวัญของชายคนหนึ่งที่ขอติดรถมากับพวกเขา โดยทั้งคู่เดินทางในช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วย รถ 1970 Oldsmobile 442

ว่าด้วยเรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ได้เดินทางท่องเที่ยวช่วงปิดเทอม แต่ในระหว่างการเดินทางพวกเขาได้เจอคนแปลกหน้ายืนโบกรถอยู่หน้ารถ ทำให้รถเสียหลัก ซึ่งในตอนแรกผู้ชายก็คิดจะให้เขาขึ้นรถ แต่แฟนของเขาไม่เห็นด้วย แต่แล้วพวกเขาก็เจอชายแปลกหน้าคนนี้ที่ร้ายสะดวกซื้ออีกครั้ง พร้อมกับขอติดรถไปลงที่โรงแรมระหว่างทาง พวกเขาจึงยอมรับเขาขึ้นรถในที่สุด และการรับเขาขึ้นรถนี้ทำให้พวกเขาต้องถูกตามไล่ล่าไปตลอดทาง

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ รวมหนังเอาชีวิตรอด เมื่อการเดินทางครั้งนี้คือความหายนะ

คะแนน 6.5/10

ว่าด้วยเรื่องราวของ ครอบครัวอัลเมโด ที่ได้ตัดสินใจขายบ้านหลังเก่าย่านชนบทแล้วย้ายเข้ามายังหลังบ้านใหม่ เลขที่ 32 ในตึก ย่านมาลาซาญา กรุงมาดริด เพื่อหางานทำและใช้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมในย่านที่ขึ้นชื่อว่าแหล่งการค้าขนาดใหญ่ที่รุ่งเรืองอย่างมาก

ซึ่งบ้านที่พวกเขาย้ายเข้ามานี้มีราคาถูกมากและพวกเขาก็ได้ทุ่มเงินที่ได้มาจากการขายบ้านหลังเก่าไปจนหมดกับการจ่ายค่าเช่าบ้านหลังใหม่และการเดินทางครั้งนี้ แต่แล้วการตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์และทำให้พวกเขาต้องย้ายบ้านอีกครั้ง

คะแนน 6/10

มีทั้งหมด 2 ภาค ได้แก่

เป็นภาพยนตร์สยองขวัญของออสเตรเลียที่เขียนบทและกำกับโดย Andrew Traucki และ David Nerlich และร่วมผลิตระหว่างประเทศออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของการโจมตีจากจระเข้ในดินแดนทางเหนือของ ออสเตรเลีย ใน เดือนธันวาคม 2546 ซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์พร้อมกับแฟนและน้องสาวของเธอไปทัวร์ล่องเรือชมบึงป่าชายเลนและได้ถูกคุกคามโดยจระเข้น้ำเค็มที่ดุร้าย.

เรื่องราวของอดัมและเกรซกับลีที่ได้ไปพักผ่อนช่วงคริสต์มาสและแวะเที่ยวตามทาง โดยอดัมชวนพวกเธอไปเที่ยวล่องเรือตกปลา โดยมีจิมเป็นไกด์ แต่แล้วเรือถูกคว่ำโดยจระเข้ พวกเขาจึงต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ ซึ่งเปิดเรื่องมาก็ดำเนินเรื่องเร็วดี ชวนติดตามว่าจะเอาชีวิตรอดออกไปได้ยังไง แต่ช่วงที่ติดอยู่ในป่าอาจค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย ยังดีที่มีช่วงให้ลุ้นบ้าง ดูแล้วลุ้นดี เสียวดี เอาใจช่วยตัวละคร โดยหนังใช้ตัวละครน้อยมีเพียงตัวละครหลักในเรื่อง ส่วนจระเข้ทำได้ดีดูสมจริง

คะแนน 6/10

เรื่องราวของวัยรุ่นสี่คนผู้ชื่นชอบการผจญภัย พร้อมกับผู้นำทางอีกหนึ่งคน ที่ได้เดินทางไปสำรวจถ้ำที่ไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อน ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ในป่าฝนเขตร้อนทางตอนเหนือของออสเตรเลีย แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังสำรวจถ้ำอยู่นั้น ได้เกิดพายุโซนร้อนโหมกระหน่ำเข้ามายังถ้ำที่พวกเขากำลังสำรวจ พร้อมทั้งพัดหินถล่มลงมาขวางปากทางออกของถ้ำ พวกเขาจึงต้องหาทางออกจากถ้ำให้ได้ก่อนที่น้ำจะท่วมถ้ำทั้งหมด แต่ทว่าในระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากถ้ำ ได้มีบางสิ่งอยู่ในน้ำ เพื่อรอคอยกระชากเนื้อของพวกเขา

เป็นภาคต่อของเรื่อง BLACK WATER (2007) เหี้ยมกว่านี้ ไม่มีในโลก ซึ่งใช้สถานที่เดียวกันคือ ตอนเหนือของออสเตรเลีย แต่ภาคนี้จะเน้นการเอาชีวิตรอดจากจระเข้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ซึ่งต่างจากภาคแรกที่เอาชีวิตรอดจากจระเข้ในบึงป่าชายเลน และเปลี่ยนตัวละครใหม่หมด ไม่ได้ดำเนินเรื่องต่อเนื่องกัน แต่ให้บรรยากาศหลาย ๆ อย่างคล้าย ๆ กัน ซึ่งจระเข้มีมากกว่าภาคแรกและตัวละครเยอะกว่า และมาแนวคล้าย ๆ เรื่อง Crawl (2019) คลานขย้ำ ซึ่งเปิดเรื่องได้น่าสนใจดีก่อนที่จะตัดเข้าเรื่องฉายถึงกลุ่มตัวละครหลัก โดยช่วงแรกจะมีการปูเรื่องราวของตัวละครเล็กน้อยก่อนเข้าเรื่อง ซึ่งดำเนินเรื่องได้เร็วดีไม่ยืดเยื้อ โดยหนังจะเน้นฉายในถ้ำเป็นหลักด้วยบรรยากาศมืด ๆ ที่มีเพียงแสงไฟฉายของตัวละคร ถึงแม้เนื้อเรื่องอาจไม่ได้แปลกใหม่มากและบางจุดอาจจะเดาเรื่องได้ง่ายไปหน่อย แต่ชวนติดตามลุ้นเอาใจช่วยตัวละครตลอดทั้งเรื่อง ดูแล้วเหนื่อยอึดอัดกดดันชวนหวาดเสียวอยู่ตลอดเวลาและให้อารมณ์เสมือนอยู่ในเหตุการณ์เดียวกับตัวละคร ซึ่งหนังก็ได้สอดแทรกความสัมพันธ์ของตัวละครและความดราม่าลงไปบ้าง ดูแล้วสงสารตัวละคร

คะแนน 6.5/10

เป็นภาพยนตร์สยองขวัญสงครามอเมริกาที่กำกับโดย Julius Avery และเขียนโดย Billy Ray และ Mark L. Smith ผลิตโดย J. J. Abrams ที่อ้างอิงมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2

เรื่องราวของกลุ่มทหารอเมริกาที่อยู่ฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาได้รับมอบหมายให้ไปถล่มหอส่งวิทยุที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสที่ทหารเยอรมันยึดครองอยู่ ความโชคร้ายเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังเดือด และพบว่าใต้ฐานทัพนั้นเองมีการทดลองลับของฝ่ายนาซีอยู่ นำพาความสะพรึง สยดสยองมาสู่พวกเขา

เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมาก เป็นหนังแนวคล้าย ๆ ซอมบี้ผสมผสานสงครามโลกครั้งที่ 2 เปิดเรื่องด้วยฉากสงคราม ดำเนินเรื่องเร็วดี ลุ้นดี ชวนติดตาม มีฉากโหดบ้าง มีแอคชั่นบ้าง พอเดาเรื่องได้บ้าง บางช่วงค่อนข้างน่าเบื่อฉายนานไปหน่อย

คะแนน 6.5/10

เป็นภาพยนต์สยองขวัญที่กำกับโดย Corin Hardy เขียนบทโดย Gary Dauberman ซึ่งเป็นเนื้อเรื่อง spin-off มาจากภาพยนต์เรื่อง The Conjuring 2 และเป็นภาคที่ห้าในแฟรนช์ไชส์ Conjuring โดยเป็นเรื่องราวสยองขวัญที่เกิดขึ้นใน โรมาเนีย ปี 1952 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Name of the Rose ปี 1986 และได้รับอิทธิพลมาจาก Lorraine Warren นักมารวิทยา ที่สัมผัสได้ถึงแรงตามหลอนของปีศาจตนนี้ ซึ่งวนเวียนภายในบ้านของเธอเองที่มาในรูปแบบเงาคล้ายกับพายุหมุนดำมืดรุนแรงที่มาพร้อมกับผ้าคลุมอยู่ในนั้น อีกทั้งวัดวาอารามโรมาเนียที่ปรากฏในภาพยนตร์มีจริง ซึ่งเคยมีนักบวชพร้อมกับอดีตที่ตามหลอกหลอนและแม่ชีฝึกหัดถูกส่งไปยังวิหาร Abbey of St. Carta (ปัจจุบันคือ Cârța Monastery) ประเทศโรมาเนีย ในช่วง ต้นปี 1950 เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในการฆ่าตัวตายของแม่ชีวัยเยาว์รายหนึ่ง นอกจากนี้ยังออกไปถ่ายทำตามสถานที่ต่าง ๆ ในโรมาเนียอีกด้วย

เรื่องราวของนักบวชและแม่ชีฝึกหัดที่ถูกส่งไปยังวาติกัน เพื่อสืบหาความจริงเบื้องหลังการฆ่าตัวตายของแม่ชีคนหนึ่งในศาสนจักรแห่งโรมาเนียที่ได้ปลิดชีวิตตนเองลงอย่างเป็นปริศนา จนได้พบว่าเบื้องหลังการตายของเธอเกี่ยวข้องกับวาลัค

ในเรื่องนี้จะเล่าถึงจุดกำเนิดของปีศาจแม่ชีวาลัคที่เคยปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring ซึ่งเป็นเรื่องราวเริ่มต้นก่อนเกิดเหตุการณ์ใน The Conjuring โดยเริ่มเรื่องได้น่าสนใจดีด้วยการตายอย่างเป็นปริศนาของแม่ชี ทำให้ตัวละครหลักต้องเดินทางมา เพื่อสืบหาความจริง ซึ่งหนังจะออกแนวสืบสวนเล็กน้อยไปพร้อมกับความสยองขวัญของปีศาจแม่ชีวาลัค โดยหนังค่อนข้างเน้นตุ้งแช่เยอะพอสมควรและเน้นบรรยากาศมืด ๆ หลอน ๆ ด้วยการใช้สถานที่จริงที่ถูกทิ้งร้างในประเทศโรมาเนีย จึงทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น จากนั้นหนังก็ค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวช่วงกลาง ๆ เรื่อง มีช่วงให้ลุ้นบ้าง แต่ก็มีบางช่วงที่น่าเบื่อไปบ้างและบางจุดที่พอเดาเรื่องได้บ้าง พร้อมทั้งจบทิ้งท้ายต่อเนื่องไปยัง THE CONJURING

คะแนน 6.5/10

คฤหาสน์วินเชสเตอร์ มาจากเรื่องจริงตามประวัติศาสตร์ของชายที่ว่า โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ มหาเศรษฐีที่คิดค้นปืนแบบใหม่ที่สามารถบรรจุลูกกระสุนได้ 13 นัดภายในครั้งเดียว อันเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่สำหรับปืนไรเฟิล จนได้รับฉายาว่า " The Gun That Won The West " เมื่อ วิลเลี่ยม บุตรชายของ โอลิเวอร์ สืบต่อธุรกิจจากผู้เป็นพ่อ เขาขายปืนดังกล่าวให้กับรัฐบาลอเมริกา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านการทหาร ทำให้ตระกูลวินเชสเตอร์ร่ำรวยขึ้นมา จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1862 วิลเลี่ยม ได้แต่งงานกับ ซาร่าห์ จนได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรกหลังจากแต่งงานมา 4 ปี ที่ชื่อว่า แอน แต่หลังจากลืมตาดูโลกได้ไม่นานนัก แอน มีความผิดปกติทางร่างกาย เธอไม่สามารถดูดซึมโปรตีนได้ จึงเป็นโรคขาดสารอาหารและตายในขณะที่เธอยังมีอายุไม่ถึง 2 เดือน ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ซาร่าห์ ถึงกับเสียสติและต้องเข้ารับการบำบัดนาน 10 ปี แต่หลังจากที่เธอหายดีได้เพียงไม่นาน ใน ปีค.ศ. 1880 โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ วิลเลียม วินเชสเตอร์ ต้องเข้ามาดูแลกิจการของครอบครัวอย่างเต็มตัว แต่แล้ว 1 ปีให้หลังเขาก็จากไปด้วยวัณโรค ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 กระแสคนทรงกำลังมาแรงในอเมริกา เพื่อนของ ซาร่า จึงแนะนำให้เธอไปหาคนทรง เพื่อพูดคุยกับสามีผู้ล่วงลับของเธอและหาหนทางหลีกหนีจากความเศร้า แต่กลายเป็นว่าร่างทรงกลับบอกเธอว่า ทรัพย์สินของเธอมาจากเหยื่อที่ถูกสังเวยชีวิตด้วยปืนไรเฟิลวินเชสเตอร์และเธอกำลังถูกรังควานด้วยวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่าเหล่านั้น พร้อมทั้งแนะนำว่าวิธีการปัดรังควาญคือ เธอต้องไม่หยุดต่อเติมบ้าน เพื่อทำให้วิญญาณสับสน และหากเธอไม่หยุดต่อเติม เธอจะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ใน ปี 1884 ซาร่าห์ ได้ปลูกบ้านที่ เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในพื้นที่กว้างกว่า 24,000 ตารางเมตร ตัวบ้านถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์วิคตอเรียน การก่อสร้างบ้านทำต่อเนื่องไม่มีวันหยุดพักมาโดยตลอด จนกระทั่งใน ปี 1922 เสียงการเลื่อยไม้และการก่อสร้างทุกอย่างได้หยุดลงเมื่อ ซาร่า วินเชสเตอร์ ถึงแก่ความตายในวัย 82 ปีจากอาการหัวใจล้มเหลว รวมระยะเวลาการก่อสร้างทั้งสิ้น 38 ปี

สำหรับ บ้านวินเชสเตอร์ จะมีประตูทางเข้าหน้าบ้านถูกปิดตาย บันไดที่มุ่งไปสู่ทางตัน ประตูที่เปิดแล้วพบกับกำแพง ประตูชั้นสองที่เปิดแล้วสามารถตกลงไปสู่เบื้องล่างได้หากไม่ระวัง และยังมีข่าวลือว่ามีผู้พบเห็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอยู่ภายในตัวบ้านด้วย ในช่วงที่ ซาร่าห์ ยังมีลมหายใจ เธอให้ความสำคัญกับเลข 13 เป็นอย่างมาก เพราะเธอคิดว่ามันคือเลขนำโชค ทำให้สิ่งที่อยู่ในบ้านจึงเป็นเลข 13 เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น กระจกลายใยแมงมุมที่ฝังหิน 13 ก้อน เพดานที่มีฝ้าไม้ 13 แผ่น เชิงเทียนที่ใส่เทียนได้ 13 แท่ง หรือแนวต้นปาล์มนอกบ้านที่ประกอบไปด้วยต้นปาล์ม 13 ต้น

เรื่องราวของหมอที่ถูกเรียกตัวมายังคฤหาสน์วินเชสเตอร์ เพื่อประเมินสภาพจิตใจของซาร่าห์ วินเชสเตอร์ หม้ายสาวใหญ่แห่งตระกูลวินเชสเตอร์ ที่เสียสติและเศร้าโศกเสียใจจากการสูญเสียครอบครัวของเธอไป จึงได้สร้างบ้านของเธอตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันในสัปดาห์ไม่มีวันหยุดพักผ่อน แต่เธอไม่ได้สร้างเพื่อตัวเธอเองหรือหลานของเธอ แต่สร้างเพื่อขังบางอย่าง

คะแนน 6/10