"ลูก"ติดมือถือ สมาธิสั้น
ปัญหาที่คุณแม่ๆทุกคนต้องเจอ
ปัญหาที่คุณแม่ๆทุกคนต้องเจอ
อัพเดทข่าวล่าDHA Auswelllife
อัพเดทโปรโมชั่นของเดือน มิถุนายนกันจร้า
อัพเดทข่าวล่าDHA Auswelllife
ครอบครัวตันจรารักษ์ ครอบครัวดีเด่นแห่งปีปีล่าสุดและผู้บริหารของบริษัทAuswelllife ทั้ง4 ร่วมเปิดงานDha Meet&greet2023 เพื่อพบปะตัวแทนจำหน่ายของบริษัทAuswelllife มีมินิคอนเสิร์ตของพ่อบีมและน้องธีร์ ขอบคุณตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศที่ทำยอดขายถล่มทลายในไตรมาสแรกของปี พร้อมกับต่อสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพิมอีก 1 ปีพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ secret collagen กับพรีเซ็นเตอร์สุดเซอร์ไพร เป็นใครไว้รอชมนะค่ะ
อนาคตของ"ลูกนั้น" อยู่ในมือของคนเป็น"แม่"
สิ่งที่คุณแม่คาดหวังในตัวลูกนั้น แน่นอนว่า อยากเห็นลูกๆนั้นมีพัฒนาการที่ดี แข็งแรง สมวัย ไม่ดื้อ ไม่ติดมือถือ กินเก่ง เรียนเก่ง ฉลาด ที่คือสิ่งที่คุณแม่ทุกๆคนคาดหวังนั้นกลับตรงกันข้ามหมดเลย สิ่งที่คิดกลับสิ่งที่ได้ สิ่งที่คาดหวังมักเป็นผู้แพ้
เฮ้อ แอดมินล่ะเหนื่อย เอาค่ะ สู้ค่ะเพื่อลูก เรามาดูกันค่ะว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่แม่ๆสายสตรองอย่างเราต้องเจอ ผลที่ตามมา และแนวทางค่ะ
สมาธิสั้นใกล้ตัวเด็กกว่าที่คิด
รู้จักโรคสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้น (ADHD – Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือ ภาวะผิดปกติทางจิตเวชที่ส่งผลให้มีสมาธิสั้นกว่าปกติ ขาดการควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้มีลักษณะอาการซุกซน วอกแวกง่าย ไม่เคยอยู่นิ่ง เวลาที่พูดด้วยจะไม่ตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดไม่ค่อยได้ ขาดความรับผิดชอบ พบได้ค่อนข้างบ่อยในเด็กที่มีช่วงอายุระหว่าง 3 – 7 ปี แต่ในรายที่เป็นไม่มาก อาการจะแสดงออกชัดเจนกว่าในช่วงหลัง 7 ขวบขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ต้องเข้าโรงเรียน มีงานและการบ้านต้องรับผิดชอบหลาย ๆ ชิ้นในเวลาเดียวกัน มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและคุณครู รวมไปถึงการที่จะต้องรู้จักปรับตัวในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นและการเข้าสังคม โดยสาเหตุแท้จริงนั้นไม่สามารถทราบได้ชัดเจน แต่หนึ่งในนั้นคือการที่สมองส่วนหน้าซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการควบคุมสมาธิและการยับยั้งชั่งใจทำงานน้อยกว่าปกติ
อาการเด็กสมาธิสั้น
การจะรู้ว่าเจ้าตัวเล็กเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่ นอกจากต้องสังเกตจากลักษณะอาการที่ปรากฏแล้ว ยังจำเป็นจะต้องพิจารณาจากระยะเวลาที่เป็น และสถานที่ที่เด็กมีอาการ กล่คือ
อาการอยู่ไม่นิ่ง (Hyperactivity)
หยุกหยิก อยู่ไม่สุข ชอบขยับมือและเท้าไปมา หรือนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้
มักลุกจากที่นั่งในห้องเรียนหรือในสถานการณ์อื่นที่เด็กจำเป็นต้องนั่งอยู่กับที่
มักวิ่งไปมาหรือปีนป่ายสิ่งต่าง ๆ ในที่ ๆ ไม่สมควรกระทำ
ไม่สามารถเล่นหรือทำกิจกรรมอย่างเงียบ ๆ ได้
มัก “พร้อมที่จะวิ่งไป” หรือทำเหมือนเครื่องยนต์ที่เดินเครื่องอยู่ตลอดเวลา
มักพูดมาก พูดไม่หยุด
อาการหุนหันพลันแล่น (Impulsivity)
มักโพล่งคำตอบโดยที่ฟังคำถามไม่จบ
มักไม่ชอบการเข้าคิวหรือการรอคอย
มักขัดจังหวะหรือสอดแทรกผู้อื่น (ระหว่างการสนทนาหรือการเล่น)
ปัญหา ต่อมาที่ แม่ แม่ ทุกคนจ้องเจอ"ลูกไม่ยอมกินข้าว"
อะไรคือนิยามของ “เด็กกินยาก” ?
ปัญหา “ลูกกินยาก” หรือ “ลูกไม่ยอมกินข้าว” เป็นปัญหาที่ผู้ปกครองพบเจอได้บ่อย และทำให้ผู้ปกครองหลายคนมีความกังวล กลัวว่าลูกจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการเลือกกินอาหารในเด็ก (ที่เรียกว่า “กินยาก”) นั้นเป็นพฤติกรรมที่พบได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากช่วงเวลาที่เด็กโตขึ้นมาจากวัยทารก น้ำหนักและส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นต่อปีจะค่อย ๆ ลดลง โดยจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น
ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตช้าลง ความต้องการพลังงานก็จะลดลงด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงวัยก่อนหน้า จึงทำให้ความอยากอาหารลดลง ผู้ปกครองจึงอาจไม่สบายใจว่า ทำไมลูกถึงไม่ค่อยกินข้าว หรือ กินอาหารได้น้อยลง
ดังนั้น ความหมายที่ชัดเจนของอาการ “กินยาก” (picky eating) จึงไม่ได้มีตัวเลขกำหนดที่ตายตัว อย่างไรก็ตาม คำจำกัดความคร่าว ๆ ก็คือการที่เด็กปฏิเสธการกินอาหารบ่อยครั้ง หรือมักจะกินแต่อาหารเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ผู้ปกครองอาจเกิดความกังวลใจขึ้น
หากลูกไม่ค่อยกินข้าวเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากความจำกัดของอาหารที่บริโภคไม่รุนแรงมาก ก็ไม่ถือเป็นภาวะอันตรายต่อลูก เพียงแต่ต้องอาศัยการปรับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ปกครองเพื่อแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม หากลูกไม่ยอมกินข้าวจนส่งผลกระทบทำให้น้ำหนัก ส่วนสูงไม่เพิ่มตามปกติ มีสัญญาณของการขาดสารอาหาร ความจำกัดของอาหารเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ลูกไม่สบายบ่อยหรือมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น สำลัก อาเจียน ท้องเสีย ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง ลูกมีอารมณ์รุนแรงอย่างมาก ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคหรือสภาวะที่เป็นที่มาของอาการกินยากนั้น ๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากเป็นปัญหาเชิงพฤติกรรมที่ไม่ได้มีความรุนแรงมาก การปรับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ปกครองร่วมกับลูกจะช่วยให้พฤติกรรมการกินอาหารดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมากจึงจะประสบความสำเร็จ แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ เพื่อปลูกฝังให้เกิดพฤติกรรมการกินอาหารที่ดีอย่างยั่งยืน
อนาคตของลูกอยู่ที่คุณแม่เลือก หนิงให้น้องณิริณ ทานเป็นประจำทุกวัน หนิงมั่นใจใน DHA Auswelllife ค่ะ เพื่อให้เค้ามีพัฒนาการที่ดี พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา 💫และยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เค้าอีกทางด้วย เลือกเลยค่ะ
รีวิว แน่นๆ ลูกๆทานได้ แม่ปลื้มใจสุดๆ Auswelllife Algaloil DHA
หมอของขวัญย้ำ"ต้องDHAเท่านั้น"
"รักลูก" อยากให้ลูก "ฉลาด"
อย่าให้ขาด "DHA"