ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การใช้วิธีการสอนแบบการจัดการเรียนรู้แบบใช้คำถาม(Questioning Method)
ในวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท23102 หน่วยทื่ 3 เพื่อแก้ไขปัญหาทักษะการคิดวิเคราะห์และการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากการที่ผู้สอนได้รับผิดชอบให้สอนรายวิชาภาษาไทยพื้นฐานชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เบื้องต้นได้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้เรียนมีความสนใจในทางการเรียนที่ต้องปรับปรุง และนอกจากนี้ยังมีผลการเรียน ร ทั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากผู้เรียนมีปัญหาในการสร้างองค์ความรู้ ขาดทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ไม่มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากเวลาเรียน ขาดการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ครูไม่มีสื่อหรือนวัตกรรมที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนเพิ่มเติมขาดวินัยและความรับผิดชอบ แบบฝึกการตั้งคำถามเป็นนวัตกรรมรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องจากการศึกษาเนื้อหา การฝึกฝนหรือการฝึกหัดจะทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง สังเกตความก้าวหน้าของตนเอง ซึ่งการตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะ
ซึ่งนักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าวครูผู้สอนจึงมีความสนใจที่จะใช้รูปแบบการสอนโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะเป็นสื่อซึ่งจะช่วยให้ครูถ่ายทอดเนื้อหาได้ชัดเจน ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนนักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นฝึกการตัดสินใจและแสวงหาความรู้ด้วยตนเองซึ่งจะสามารถพัฒนาความรู้ความสามารถจนทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 ศึกษา วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสูงเม่นชนูปถัมภ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
2.2 ศึกษาเอกสารและแนวคิดที่เกี่ยวกับรูปแบบการสอนโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2.3 จัดทำการออกแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้ การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะ สื่ออินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์ ยูทูป) กิจกรรมกลุ่ม
2.4 ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ต่อการออกแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้แบบฝึก ใบงาน ใบความรู้พร้อมทั้งเสนอแนะ เพื่อปรับปรุง แก้ไข และพัฒนา
2.5 นำการออกแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะมาปรับปรุง แก้ไขตามคำแนะนำของครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
2.6 นำการออกแบบการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมตามบริบท
2.7 บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เกิดขึ้นจากการจัดการเรียนรู้ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ให้จัดกิจกรรมเรียนซ่อมเสริมและทำแบบทดสอบใหม่ จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
2.8 นักเรียนประเมินจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะจากนั้นครูผู้สอนนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ
3. ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 60 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับ 2.5 ขึ้นไป
2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 70 มีความพึงพอใจต่อโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะกิจกรรมกลุ่ม ในระดับมากขึ้น
3.2 เชิงคุณภาพ
1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทยพื้นฐานเป็นไปตาม ค่าเป้าหมายของสถานศึกษา
2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้การตั้งคำถามจากในห้องเรียนและจากในแบบฝึกทักษะ กิจกรรมกลุ่ม