รายวิชาสื่อสร้างสรรค์ ม.4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้เบื้องต้นงานกราฟิก
เรื่อง พื้นฐานงานกราฟิก
ประวัติของงานกราฟิก
การออกแบบงานกราฟิก ประวัติของงานกราฟิก งานกราฟิกมีประวัติความเป็นมาตามหลักฐานในอดีตเมื่อมนุษย์เริ่มรู้จักการขีดเขียน ขุดจารึกเป็นร่องรอย ให้ปรากฏ เป็นหลักฐานในปัจจุบัน การออกแบบงานกราฟิกสมัยก่อนประวัติศาสตร์จึงเป็นการเริ่มต้นการสื่อความหมายด้วยการวาดเขียน ต่อมาประมาณ 9000 ปี ก่อนคริสตกาล ชาว Sumerien ในแคว้นเมโสโปเตเมียได้เริ่มเขียนตัวอักษรรูปลิ่ม และ ตัวอักษร Hieroglyphic ของชาวอียิปต์ งานกราฟิกเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นเมื่อได้คิดค้นกระดาษและวิธีการพิมพ์ ในปี ค.ศ.1950 การออกแบบได้ชื่อว่า Typographical Style เป็นการพัฒนาโดยนักออกแบบชาวสวิส ตั้งแต่สมัยหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา การออกแบบงานกราฟิกได้พัฒนาและขยายขอบเขตงานออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่จ ากัดอยู่แต่ ในสิ่งพิมพ์เท่านั้น โดยเข้าไปอยู่ในกระบวนการสื่อสารอื่น ๆ เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ วีดีทัศน์ การถ่ายภาพ การโฆษณา ฯลฯ การออกแบบกราฟิกในปัจจุบันเป็นยุคของอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ได้น าเครื่องมือ เครื่องใช้ วัสดุ อุปกรณ์ มาช่วยในการออกแบบกราฟิกได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ มีโปรแกรมด้านการจัดพิมพ์ตัวอักษรที่นิยมมากคือ Microsoft Word และยังมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่สนับสนุนงานกราฟิกอีกมากมาย เช่น Adobe Photoshop, Illustrator, InDesign, CorelDraw, 3D studio, LightWave 3D, AutoCad ฯลฯ ความหมายของการออกแบบงานกราฟิก กราฟิก หมายถึง ภาพลายเส้นหรือภาพที่เกิดจากการวัด จากการขีดเขียนที่แสดงด้วยตารางหรือแผนภาพ การวาด
ความหมายของการออกแบบงานกราฟิก
ความหมายของการออกแบบงานกราฟิก กราฟิก หมายถึง ภาพลายเส้นหรือภาพที่เกิดจากการวัด จากการขีดเขียนที่แสดงด้วยตารางหรือแผนภาพ การวาด เขียนหรือการระบายสี การสร้างงานศิลปะบนพื้นระนาบหรือ กระบวนการออกแบบต่าง ๆ ในสิ่งที่เป็นวัสดุ 2 มิติ คือมี ความกว้างและความยาวเท่านั้น เช่น งานออกแบบบ้านของสถาปนิกในการเขียนแบบ ตัวภาพและรายละเอียดบนแปลนบ้าน เรียกว่าเป็นงานกราฟิก การเขียนภาพเหมือนจริงของจิตกร การออกแบบภาพโฆษณาของนักออกแบบ การออกแบบฉลากหรือ ลวดลายหรือภาพประกอบหรือตัวอักษรที่ปรากฎบนฉลากสินค้า บนตัวสินค้าหรือบนภาชนะบรรจุภัณฑ์สินค้า ฯลฯ การออกแบบ หมายถึง การวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบโดยวางแผนจัดสัดส่วนประกอบของการออกแบบให้สัมพันธ์ กับประโยชน์ใช้สอย วัสดุ และการผลิตของสิ่งที่ต้องการออกแบบนั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางความงามและพิจารณาถึง ประโยชน์ใช้สอยการออกแบบที่ดีนั้นควรจะค านึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ 1. รูปแบบที่สร้างสรรค์ 2. มีความงามที่น่าสนใจ 3. สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอย 4. เหมาะสมกับวัสดุ 5. สอดคล้องกับการผลิต 2 การออกแบบงานกราฟิก หมายถึง กระบวนการทางความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้ความรู้ศิลปะร่วมกับหลักการออกแบบ และเทคโนโลยี เพื่อผลิตผลงาน ซึ่งงานนั้นสามารถถ่ายทอดและสื่อความหมายไปยังผู้รับสารได้เข้าใจอย่างตรงกัน
องค์ประกอบงานกราฟิก
เส้น (Line) รูปทรงของเส้นจะสื่อถึงความรู้สึกที่ต่างกันออกไป
เส้นแนวนอน = สงบ ราบเรียบ
เส้นแนวตั้ง = มั่นคง
เส้นทแยง = ไม่มั่นคง
เส้นตัดกัน = แข็งแกร่ง หนาแน่น
เส้นโค้ง = อ่อนน้อม
เส้นประ = ไม่สมบูรณ์
เส้นโค้งแบบคลื่น = นิ่มนวล
เส้นโค้งก้นหอย = ไม่มีที่สิ้นสุด
เส้นซิกแซ็ก = อันตราย
รูปร่าง (Shape) , รูปทรง (Form) , น้ำหนัก (Value)
รูปร่าง = องค์ประกอบต่อจากเส้น ในรูปร่าง 2 มิติ ความกว้างและความยาว หรือสูง
รูปทรง = รูปร่าง 3 มิติ เป็นการเพิ่มความลึกเข้ามา
น้ำหนัก = เป็นส่วนเสริมให้รู้ว่ารูปทรงจะมีขนาดหนักเบา หรือโปร่ง
พื้นผิว (Texture) เป็นอีกองค์ประกอบว่างานนั้นจะออกมาในแนวไหน สื่อถึงความเก่า-ใหม่ สื่อถึงงานปาร์ตี้ ฯลฯ รวมทั้งวัสดุที่ใช้พิมพ์จะเพิ่มให้ผลงานเหมาะวมมากยิ่งขึ้น เช่น การ์ดเชิญไปงานเลี้ยง ก็อาจจะเป็นกระดาษที่หรูหรา แวววาว เป็นต้น
ที่ว่าง (Space) พื้นที่หรือพื้นหลัง ที่ผู้ออกแบบอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจให้มี ซึ่งที่ว่างจะช่วยให้สามารถควบคุมองค์ประกอบไม่ให้หนักหรือบางเกินไป เป็นการช่วยเสริมจุดเด่นมากขึ้น
สี (Color) หัวใจสำคัญของการออกแบบ เพราะสีจะสีอารมณ์ได้อย่างชัดเจน เช่น งานร็อคคอนเสิร์ต ใช้สีโทนร้อน เป็นต้น
สีแดง = อันตราย เร่าร้อน รุนแรง
สีส้ม = สว่าง เร่าร้อน
สีเหลือง = สว่าง สดใส
สีเขียว = สดชื่น พักผ่อน
สีน้ำเงิน = สงบ ผ่อนคลาย
สีม่วง = มีเลศนัย
สีน้ำตาล = สงบเงียบ
สีขาว= บริสุทธิ์ สะอาด
สีดำ =หดหู่ เศร้าใจ
นอกจากสีจะแสดงถึงความรู้สึกต่าง ๆ แล้ว เมื่อนำมาใช้ร่วมกันยังสามารถสื่ออารมณืได้อีกแบบเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 วรรณะ คือ วรรณะร้อน (Warm Tone Color) และ วรรณะเย็น (Cool Tone Color)
เทคนิคการใช้สีมีอยู่มากมาย เพื่อให้ภาพนั้นมีจุดเด่น มีอารมณ์ ตามผลงานหรือวัตถุประสงค์นั้นๆ โดยการใช้สีมีอยู่ 4 รูปแบบ คือ
Mono = การใช้สีโทนเดียว เช่น สีแดง เป็นจุดเด่น ส่วนที่เหลือก็จะเป็นสีที่ใกล้เคียงกับสีแดงหรือลดความเข้มของสีแดงลงไป
Complement = การใช้สีที่ตัดกัน แดง-เขียว หรือ น้ำเงิน-ส้ม เป็นต้น ควรใช้สีหนึ่ง 80% อีกสีที่สอง 20% หรือ 70%-30%
Triad = การใช้ 3 สี สามเหลี่ยมด้านเท่ามาใช้งาน
Analogic = การใช้สีข้างเคียงที่ติดกันในวงจรสีด้านละสีมาใช้งาน
ตัวอักษร (Type) เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้สีเช่นกัน เพราะนักออกแบบบางคนก็ใช้เพียงแค่ตัวอักษร ก็สามารถทำให้สื่อถึงผลงานนั้นได้ดีเยี่ยม มี Proportion ของฟอนต์ 3 แบบ คือ ธรรมดา(Normal) ตัวหนา(Bold) ตัวเอียง(Italic) แต่ละส่วนก็จะแยกย่อยไปอีก บางคนอาจจะกล่าวว่า “แค่ตัวอักษรเอง ทำไม?” แต่ถ้าได้เรียนรู้แล้วจะทำให้ผลงานของเราดียิ่งขึ้น โดยตัวอักษรหลักๆ ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี 4 แบบ คือ
Serif = เป็นระเบียบ เป็นทางการ
San Serif = อ่านง่าย ดูทันสมัย ไม่เป็นทางการมากนัก
Antique = แสดงถึงความชัดเจน ยุดสมัย
Script = ไม่เป็นทางการ มีความเป็นกันเอง
การเลือกฟอนต์ไปใช้ควรคำนึงถึง ความหมายต้องเข้ากัน และอารมณืของฟอนต์ต้องไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้การวางตำแหน่งก็สำคัญเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วธรรมชาติของคนไทยจะอ่านจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง จุดเด่นควรมีจุดเดียว และไม่ควรใช้ฟอนต์หลายแบบเกินไป
อ้างอิงจากหนังสือ Graphic Design Artwork