เส้นทางสู่อาชีพครู

เขียนโดย สมชาย ช่างทอง
https://sites.google.com/view/charngthong
3/7/2566 

ครู” เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ได้รับสมญานามว่า “แม่พิมพ์ของชาติ” หลายต่อหลายคนใฝ่ฝันที่จะประกอบอาชีพนี้ โดยเฉพาะข้าราชการครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นครูส่วนมาก และยังมีข้าราชการครูในสังกัดหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย (ครูโรงเรียนเทศบาล ครูองค์การบริหารส่วนจังหวัด) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ครู ต.ช.ด). ครูสังกัดกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา เป็นต้น

ตอนที่ 1 การเตรียมความพร้อมสู่มหาวิทยาลัย
นักเรียนมัยมศึกษาตอนปลายหลายคนมีความมุ่งมั่นและใฝ่ฝันที่จะประอาชีพครู เนื่องจากรับรู้ว่าเป็นอาชีพรับราชการที่มีความมั่นคงและมีเกียรติอย่างมากอาชีพหนึ่งในสังคม รวมทั้งเป็นจิตอาสาในการถ่ายทอด อบรม และสั่งสอนความรู้ต่างๆ ให้แก่เด็กและเยาวชนให้ได้เหมือนกับหรือดีกว่าครูที่สอนตนเองมา ในการคัดเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นจะมีระบบการคัดเลือกหลายระบบ ได้แก่ ยื่นแฟ้มสะสมงาน โควต้า (ตามภาค โครงการพิเศษ บุตรของบิดามารดาที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาวิชาที่จะสมัคร บุตรของบิดามารดาผู้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ฯ) ผู้มีความสามารถพิเศษ (ด้านกีฬา ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ ฯ) ผู้มีความเป็นเลิศด้านวิชาการ (แข่งขันระดับประเทศ นานาชาติ) รับตรง/สอบตรง และสอบผ่านระบบคัดเลือกกลาง ซึ่งจะเริ่มรับสมัครในระบบยื่นแฟ้มสะสมงานเป็นอันดับแรกในเดือนกันยายน (ติดตามประกาศรับสมัครได้ทางเว็บไซต์ต่างๆ) หากเป็นสมัยก่อนเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งเดียวและเลือกคณะ 5 อันดับ ปัจจุบันเปิดโอกาสให้เลือกได้ถึง 10 อันดับ ถ้าเตรียมอ่านหนังสือและทำโจทย์อย่างหนักจะมีโอกาสสูงในการสอบติดคณะ สาขาวิชา และมหาวิทยาลัยที่เลือกไว้ แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงระบบการรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะรูปแบบที่จะช่วยให้นักเรียนมีโอกาสสูงได้รับคัดเลือกโดยการยื่นแฟ้มสะสมงานแล้วคัดเลือกสอบสัมภาษณ์ ยื่นแฟ้มสะสมงานแล้วคัดเลือกเข้าสอบคัดกรองเบื้องต้น และสอบสัมภาษณ์ มีพัฒนาการสอบ Admission จนถึงระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (Thai University Central Admission System: TCAS) ใช้คะแนนสอบ เลือกคณะ และเข้าสอบสัมภาษณ์

ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงการเตรียมของน้องๆ ว่าความทำอย่างไร และเล่าถึงรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จในสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนี้

ตอนที่ 2 – หลักสูตรปริญญาตรีสำหรับอาชีพครู

ผู้ที่ประสงค์จะสมัครสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการครูต้องเตรียมตัวอย่างไร
ปัจจุบัน ศธ. รับสมัครคัดเลือกผู้ที่สำเร็จการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรีสาขาต่างๆ เข้ามารับราชการครู ดังนั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรีในสาขาใดสาขาหนึ่ง หรือแต่เดิมนิยมเรียกว่า วิชาเอก เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา พละศึกษา เป็นต้น สำเร็จปริญญาตรีสาขาใดจะมีสิทธิ์สมัครสอบครูในตำแหน่งที่ได้ประกาศคุณสมบัติไว้แล้วเท่านั้น

โดยทั่วไปผู้สำเร็จระดับปริญญาตรีที่มีสิทธิ์สมัครสอบเข้ารับราชการครู แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

ตอนที่ 3 ตำแหน่งที่รับสมัครและคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครสอบ

ตำแหน่ง

ผู้ที่สอบผ่านและได้รับการบรรจุเข้ารับราชการครู เริ่มแรกจะเป็นตำแหน่ง “ครูผู้ช่วย” จากนั้นจะมีการเลื่อนระดับตามอายุงานและผลงานทางวิชาการ เรียกว่า “เลือนวิทยฐานะ” ซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อไป ทั้งนี้ครูผู้ช่วยจะได้รับอัตราเงินเดือนแตกต่างกัน ดังนี้

คุณสมบัติผู้สมัครสอบ

คุณสมบัติทั่วไป

คุณสมบัติเฉพาะ

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับสมัครคัดเลือกเข้ารัยราชการครู
กำหนดคุณสมบัติตามสาขาวิชาเอกที่สำเร็จปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ดังนี้

☐ กลุ่มวิชาเอกคณิตศาสตร์

☐ กลุ่มวิชาเอกภาษาไทย


☐ กลุ่มวิชาเอกภาษาอังกฤษ


☐ กลุ่มวิชาเอกภาษาจีน


☐ กลุ่มวิชาเอกภาษาเกาหลี


☐ กลุ่มวิชาเอกภาษามลายู


☐ กลุ่มวิชาเอกภาษาฝรั่งเศส


☐ กลุ่มวิชาเอกสังคมศึกษา


☐ กลุ่มวิชาเอกพละศึกษา


☐ กลุ่มวิชาเอกสุขศึกษา


☐ กลุ่มวิชาเอกวิทยาศาสตร์


☐ กลุ่มวิชาเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป


☐ กลุ่มวิชาเอกเคมี


☐ กลุ่มวิชาเอกฟิสิกส์


☐ กลุ่มวิชาเอกชีววิทยา

☐ กลุ่มวิชาเอกคอมพิวเตอร์

☐ กลุ่มวิชาเอกแนะแนว

☐ กลุ่มวิชาเอกดนตรี

☐ กลุ่มวิชาเอกดนตรีไทย

☐ กลุ่มวิชาเอกดนตรีสากล

☐ กลุ่มวิชาเอกนาฎศิลป์

☐ กลุ่มวิชาเอกศิลปะ-ศิลปศึกษา

☐ กลุ่มวิชาเอกทัศนศิลป์

☐ กลุ่มวิชาเอกเกษตร (พืช)

☐ กลุ่มวิชาเอกเกษตร/เกษตรกรรม/เกษตรศาสตร์

☐ กลุ่มวิชาเอกคหกรรม

☐ กลุ่มวิชาเอกโสตทัศนศึกษา

นอกจากกลุ่มวิชาเอกที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีกลุ่มวิชาเอกอื่นๆ เช่น

หมายเหตุ สาขาวิชาเอกในแต่ละกลุ่มอาจมีการกำหนดเพิ่มเติมตามประกาศของ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ของประถมศึกษา และคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษาของมัธยมศึกษา

ตอนที่ 4 การสอบ

การสอบคัดเลือกเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย แบ่งเป็น 3 ภาค ดังนี้

(1) ภาค ก ความรู้ความสามารถทั่วไป ข้อสอบแบบหลายตัวเลือก คะแนนเต็ม 200 คะแนน แป่งเป็น
1.1 ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ (100 คะแนน)
1.1.1 การวิเคราะห์เชิงภาษา
– การใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
– ความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย
– การจับใจความสำคัญ
– การสรุปความ
– การตีความจากบทความ ข้อความ หรือสถานการณ์ต่างๆ
1.1.2 การวิเคราะห์เชิงนามธรรม
– การคิดหาความสัมพันธ์เชื่อมโยงคำ ข้อความ หรือรูปภาพ
– การหาข้อสรุปอย่างสมเหตุสมผลจากข้อความ สัญลักษณ์ รูปภาพ หรือส ถานการณ์ หรือแบจำลองต่างๆ
1.1.3 การวิเคราะห์เชิงปริมาณ
– ความเข้าใจ ความคิดรวบยอด และแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เบื้องต้น
– การเปรียบเทียบและวิเคราะห์เชิงปริมาณ
– การประเมินความเพียงพอของข้อมูล
1.2 ทักษะภาษาอังกฤษ (50 คะแนน)
– ความเข้าใจในหลักการสื่อสาร โดยใช้คำศัพท์ สำนวน โครงสร้างประโยคที่เหมาะสมทั้งในเชิงความหมาย และบริบท
– ความสามารถในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
– การวัดความสามารถด้านการอ่าน โดยทดสอบการทำความเข้าใจในสาระของข้อความหรือบทความ
– การวัดความสามารถด้านดารเขียนภาษาอังกฤษในระดับเบื้องต้น
1.3 ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี (50 คะแนน)
– ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
– หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
– วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง
– หน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
– เจตคติและจริยธรรมสำหรับราชการ

(2) ภาค ข มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ข้อสอบแบบหลายตัวเลือก คะแนนเต็ม 200 คะแนน แป่งเป็น
2.1 มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการในเนื้อหาวิชาที่สอน -วิชาเอก (100 คะแนน)
2.2 มาตรฐานความรู้ทั่วไปในการจัดการเรียนการสอน (75 คะแนน)
– การเปลี่ยนแปลงบริบทของโลก สังคม และแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
– จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาการศึกษา และจิตวิทยาให้คำปรึกษาในการวิเคราะห์และพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
– หลักสูตร ศาสตร์การสอน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้
– การวัดประเมิยผลการเรียนรู้และการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน
– การออกแบบและการดำเนินการเกี่ยวกับงานประกันคุณภาพการศึกษา
2.3 ความรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานและแนวทางการปฏิรูปการศึกษา (25 คะแนน)
2.3.1 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานที่บังคับใช้ในปัจจุบัน
– รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน
– กฎหายว่าด่วยการศึกษาภาคบังคับ
– กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
– กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
– กฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
– กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหาราชการกระทรวงศึกษาธิการ
– กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก
– กฎหมายว่าด้วยการศึกษาปฐมวัย
2.3.2 แนวทางการปฏิรูปการศึกษาที่บังคับใช้ในปัจจุบัน
– ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
– แผนการศึกษาแห่งชาติ
– นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ

3. ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่ง วิชาชีพ และการปฏิบัติงานในสถานศึกษา สอบสัมภาษณ์ แสดงผลงาน และสาธิตการสอน มีการให้คะแนนแบบรูบิค (แบ่งคะแนนการประเมินออกเป็นช่วงๆ) คะแนนเต็ม 100 คะแนน แป่งเป็น
3.1 คุณลักษณะส่วนบุคคล (25 คะแนน)
– บุคลิกลักษณะ ท่วงทีวาจา
– วุฒิภาวะทางอารมณ์และการมีปฏิภาณการแก้ปัญหา
– ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เจตคติ และอุดมการณ์ความเป็นครู
3.2 การพัฒนาตนเองและวิชาชีพ (25 คะแนน)
– แฟ้มสะสมงาน (ประวัติการศึกษา ผลงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพและวิชาเอกที่สำเร็จการศึกษา
การเข้าถึงชุมชนและการมีจิตสาธารณะ)
3.3 ความสามารถด้านการสอน (50 คะแนน)
– การวิเคราห์หลักสูตร การออกแบบ และการวางแผนการจัดการเรียนรู้
– ทักษะและวิธีการสอนที่เหมาะสมกับสาขาวิชาและบริบทของชั้นเรียน
– ทักษะกรใช้คำถามและการตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้เรียน
– การใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีการจัดการการเรียนรู้
– การวัดและการประเมินผลการจัดการเรียนรู้

เกณฑ์การประเมินผู้สอบผ่าน

รอบที่ 1 ต้องได้คะแนนภาค ก และภาค ข ภาคละ 60% (ภาคละ 120 คะแนแ) จึงจะมีสิทธิ์เข้าสอบรอบที่ 2 คือ ภาค ค และภาค ค ต้องได้คะแนน 60 คะแนนขึ้นไป หรือ 60% ขึ้นไป นำคะแนนเรียงลำดับจากมากไปน้อยนำไปประกาศผลรอบสุดท้าย และขึ้นบัญชีไว้เป็นเวลา 2 ปี

การเรียกบรรจุเข้ารับราชการเป็นครูผู้ช่วย

การเรียนบรรจุเข้ารับราชการเป็นครูผู้ช่วย จะดำเนินการภายหลังได้รับอนุมติให้บรรจุครูทดแทนในตำแหน่งที่ว่าง โดยจะมีการเรียกตามลำดับก่อนหลัง เขตพื้นที่การศึกษาฯ อื่นๆ ที่ไม่ได้เปิดสอบ หรือเรียกบรรจุครบตามบัญชีประกาศฯ แล้ว แต่ยังมีอัตราว่างอยู่สามารถใช้บัญชีประกาศฯ จากเขตพื้นที่การศึกษาอื่นได้ถ้ายังไม่หมดอายุ

ตอนที่ 5 ความก้าวหน้า สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการ

ผู้สอนในสถานศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครู แบ่งตามวิทยฐานะครูจากต่ำไปสูง ดังนี้

การเลื่่อนวิทยะฐานะขึ้นระดับที่สูงขึ้นต้องผ่านการปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอนมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี นอกจากครูผู้สอนดังกล่าวยังสามารถสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา ได้แก่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นต้น

ค่าวิทยฐานะและค่าตอบแทนพิเศษ
วิทยฐานะชำนาญพิเศษ 11,200 บาท
วิทยฐานะเชี่ยวชาญ 19,800 บาท
วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ คศ.4 26,000 บาท
วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ คศ.5 31,200 บาท

สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการครู
สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการครูที่เป็นตัวเงิน
1. เงินเดือน
2. ค่าวิทยฐานะ
3. ค่าตอบแทนพิเศษ
4. ค่าตอบแทนวิทยากร
5. ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และค่ายานพาหนะในการเดินทางไปราชการ
6. ค่ารักษาพยาบาลตัวเอง คู่สมรส บุตร (อายุไม่เกิน 20 ปี) บิดา และมารดา
7. ค่าการศึกษาบุตร ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย เบิกได้ตั้งแต่อายุครบ 3 ปีบริบูรณ์ จนถึงอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ (ไม่ว่าบุตรจะทำงานแล้วหรือจดทะเบียนสมรสแล้วก็ตาม) มีสิทธินำบุตรมาเบิกได้ไม่เกิน 3 คน ไม่ว่าจะเป็นบุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งใด โดยนับเรียงตามลําดับเกิดก่อนหลัง [ดูรายละเอียด]
8. สมาชิกกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
9. เงินบำเหน็จบำนาญภายหลังเกษียณอายุราชการ (อายุครบ 60 ปี ถ้ารับราชการ 10-24 ปี รับบำเหน็จ (จ่ายเงินก้อนให้ครั้งเดียว) และ 25 ปีขึ้นไป เลือกรับบำนาญรายเดือนไปจนเสียชีวิต-มีสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล หรือรับบำเหน็จ)
10. หักลดหย่อนภาษีเงินได้ในแต่ละปี
สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการครูที่ไม่เป็นตัวเงิน
1. เครื่องราชอิสริยาภรณ์
2. สิทธิการลาป่วย ลาคลอด ลาดูแลบุตรคลอดใหม่ ลากิจ ลาพักผ่อน ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮัจญ์
3. สิทธิลาศึกษาต่อ ลาไปอบรม ดูงาน หรือปฏิบัตการวิจัย
4. สิทธิลาติดตามคู่สมรส
5. สิทธิการขอพระราชทานเพลิงศพ
6. สิทธิการรับเงินค่าการฌาปนกิจสงเคราะห์
7. สิทธิการตรวจสุขภาพประจําปี
8. สิทธิการข้อย้ายเมื่อทำงานครบ 2 ปี ขอย้ายได้ปีละ 2 ครั้ง (ครูในบางสังกัดจะขอย้ายได้เมื่อทำงานครบมากกว่า 2 ปี อาจจะถึง 8 ปี)
9. สิทธิยกเว้นการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้ชาย
10. สิทธิค้ำประกันบุคคล

สรุป

อาชีพครูนับว่าเป็นอาชีพรับราชการหนึ่งที่มีความมั่นคงในด้านหน้าที่การงานและค่าตอบแทน โดยเฉพาะต้องเป็นจิตอาสาในการถ่ายทอดความรู้และสั่งสอนเด็กเพื่อหล่อหลอมเป็นประชากรที่มีความสามารถ ทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการเรียนรู้ การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติที่สงบสุข ร่มเย็น และพัฒนาอย่างยั่งยืน