การดำเนินชีวิตของคนไทยมีความผูกพันกกับพระพุทธศาสนามาช้านาน จนกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาเป็น เอกลักษณ์ ของชาติไทย
เอกลักษณ์ หมายถึง ลักษณะที่คนส่วนใหญ่มีเหมือนกัน มีร่วมกันการที่พระพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยนั้นเราพิจารณาได้จากด้านต่างๆ ดังนี้
1. ด้านวัฒนธรรมและประเพณี
1) วัฒนธรรม เช่น การไว้ กราบ ซึ่งเดิมเป็นการอสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัยของชาวพุทธ ปัจจุบันเป็นการแสดงความเคารพต่อกันของคนไทย
2) ประเพณี เช่น การบวช การแห่เทียนพรรษา การตักบาตรเทโวโรหณะ การชักพระ ซึ่งเป็นประเพณีของคนไทยที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น
2. ด้านนิสัยใจคอ
ประเทศไทยได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้ม ในสายตาของชาวต่างชาติ เพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย มีความเป็นมิตร เนื่องจากได้นำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา เช่น ความเมตตากรุณา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความกตัญญูกตเวที การรู้จักให้อภัยต่อกัน เป็นแนวทางในการปฏิบัติจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย
3. ด้านวิถีชีวิต
คนไทยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา กิจกรรมแทยทั้งหมดตั้งแต่เกิดจนตาย จะมีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาสอดแทรกอยู่ด้วยเสมอ เช่น การแต่งงาน การขึ้นบ้านใหม่ จะนิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีที่บ้าน วันคล้ายวันเกิดจะทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งปฏิบัติการนี้ได้เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยในปัจจุบัน
พุทธประวัติ คือ เรื่องราวที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เริ่มตั้งแต่ประสูติเสด็จออกผนวช ตรัสรู้ จนถึงเสด็จปรินิพพาน เราชาวพุทธ
ควรศึกษาพุทธประวัติให้เข้าใจ เพื่อจะได้เกิดศรัทธาในคุณงามความดีของพระองค์และนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
2.1 ประสูติ
เจ้าชายสิทธัตถะเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์กับพระนางสิริมหามายา พระนางสิริมหามายาทรงพระครรภ์จวนประสูติ พระนางได้เสด็จไปประสูติยังกรุงเทวทหะถิ่นกำเนิดของพระนางตามโบราณราชประเพณี ครั้นเสด็จถึงสวนลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ พระนางได้ประสูติพระราชโอรสที่นั่น ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
ก่อนพุทธศักราช 80 ปึ หลังจากนั้นพระนางได้เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมราชโอรส
หลังประสูติได้ 3 วัน กาฬเทวิลดาบสหรืออสิตดาบส ซึ่งเป็นที่เคารพของพระเจ้าสุทโธทนะได้ทราบข่าวก็มาเยี่ยม และทำนายลักษณะพระราชกุมาารว่าถ้าอยู่ครองบ้านเมืองจะได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถ้าเสด็จออกผนวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก
หลังจาก 5 วัน พระเจ้าสุทโธทนะได้เชิญพราหมณ์ 108 คน มาร่วมพิธีขนานพระนามพระราชกุมาร พราหมณ์ 8 คนที่ได้รับเลือกเป็นผู้แทนพราหมณ์ทั้งหมดได้ทำนายลักษณะของพระราชกุมารอีกครั้งหนึ่ง พราหมณ์ 7 คนทำนายว่า ถ้าพระราชกุมารอยู่ครองบ้านเมืองจะได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าเสด็จออกผนวชจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเพียงพราหมณ์ชื่อโกณฑัญญะเท่านั้นที่ทำนายทางเดียวว่าพระราชกุมารจะเสด็จออกผนวชแน่และจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก พราหมณ์ทั้ง 8 ได้ขนานพระนามพระราชกุมารว่า สิทธัตถะ แปลว่าผู้ประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนาเมื่อประสูติได้ 7 วัน พระราชมารดาก็สิ้นพระชนม์ พะรเจ้าสุทโธทนะทรงมอบให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีพระขนิษฐา (น้องสาว) ของพระนางสิริมหามายาทรงอบรมเลี้ยงดูพระราชกุมารต่อไป