เว็บไซต์ของ ลงณ์ชัย - นักลงทุน VI ส่วนใหญ่ยังเข้าใจ P/E ผิด

นักลงทุน VI ส่วนใหญ่ก็ยังเข้าใจ P/E ผิด

หลายท่านคงเคยได้ยินคำพูดทำนองว่า

P/E บอกเราแค่ครึ่งแรก ครึ่งเดียว ว่า กิจการนี้กำไรได้เท่าไร เทียบกับราคาหุ้น

แต่ไม่ได้บอกครึ่งหลังเลย ว่าในที่สุดแล้ว กำไรนั้นไปที่ไหนต่อ

ตัวอย่างเช่น บริษัทนาหนึ่ง ราคาหุ้น 100 บาท

บริษัทนี้ทำนาเก่งมาก สามารถขายข้าวได้กำไรปีละ 20 บาทต่อหุ้น

P/E จะเท่ากับ 100/20 = 5

สมมุติว่า บริษัทตัเสินใจไม่ปันผล แต่นำกำไรทั้งหมด ไปเช่าที่แปลงใหม่แล้วลองปลูกข้าวโพด

พอจบปีที่สอง ปรากฎว่า กิจการทำนายังดีเหมือนเดิม แต่ข้าวโพดตายหทด เงินที่ลงไปกลายเป็น 0

สรุปผลประกอบการปีที่สอง = ทำนาได้กำไร 20 บาทต่อหุ้นเหมือนเดิม + 0 จากข้าวโพด

กำไรเก่าสูญไป กำไรใหม่ 20 เท่าปีที่แล้ว

ถ้าทุกปี ได้กำไรจากการทำนา 20 บาทต่อหุ้น แล้วก็เอาไปลองปลูกโนน่ปลูกนี่ แล้วก็สูญหมด

ถ้าราคาหุ้นยัง 100 เท่าเดิม P/E = 100/20 = 5 เหมือนเดิม

P/E 5 เท่าแบบนี้ อย่าว่าแต่ คืนทุนใน 5 ปีเลย ต่อให้ร้อยปีพันปี ก็ไม่ได้ทุนคืนสักบาท

แต่ถ้า บริษัทนาสอง ราคาหุ้น 100 บาท ทำนาได้กำไร 20 บาทต่อหุ้น

แล้วนำกำไรจ่ายปันผลปีละ 20 บาท

แบบนี้สิ ครบ 5 ปีตามค่า P/E ผู้ถือหุ้นก็ได้ทุน 100 บาทคืน

หรือจะทำแบบ บริษัทนาสาม พอได้กำไรแล้ว ไม่จ่ายปันผล

ในเมื่อเก่งทำนา ก็เอากำไรไปลงทุนซื้อที่นาเพิ่ม ทำนาเพิ่ม สิ้นปีก็ได้กำไรเพิ่ม

ได้กำไรเพิ่มก็เอาไปขยายนาเพิ่มอีก

แบบนี้ กำไรก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราคาหุ้นก็จะขึ้นตามผลประกอบการในอัตราทบต้น (exponential)

ถ้าขยายกิจการในอัตราปีละ 20% แบบนี้ ไม่เกิน 5 ปี ราคาหุ้นจะขึ้นไปเป็นสองเท่า

ถ้าขายเอาทุนคืนมาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะเป็นหุ้นฟรีไม่มีต้นทุน

สรุปว่า

การเลือกหุ้นแบบ VI ค่า P/E เป็นเพียงด่านแรกที่ต้องผ่าน

แต่ดูแค่ P/E อย่างเดียวไม่พอ

ต้องดูต่อด้วยว่า E ได้ถูกปันผล หรือ ได้ถูกนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อให้ E เติบโตขึ้นหรือเปล่า