1.ความเป็นมาของผลิตภัณฑ์
ต้มโคล้งปลาเม็ง เกิดจากการนำเอาปลาเม็งมาย่างรมควัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาต่อยอดทำเป็นต้มโคล้ง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอมอาหารของคนไทยสมัยก่อน โดยการที่นำปลาย่างหรือปลาแห้งมาปรุงรสเป็นแกง แต่เมื่อนำปลาเม็งย่างรมควันที่มีรสชาติเฉพาะตัวมาประกอบอาหาร ทำให้เกิดเป็นเมนูต้มโคล้งปลาเม็งที่แสนอร่อย และมีความเป็นเอกลักษณ์ โดยปลาเม็ง เป็นปลาน้ำจืดพื้นถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งในอดีตไม่นิยมนำบริโภคเพราะมีเงี่ยงแหลมและหาได้ยาก จึงถูกนำมาแปรรูปเป็น ปลาเม็งย่างรมควันเป็นส่วนใหญ่ และเพื่อถนอมอาหารและเพิ่มรสชาติที่หอมอร่อย โดยต้มโคร้งปลาเม็งมีที่เกิดมาจากวิถีชีวิตของคนไทย ที่นำปลาแห้ง หรือ ปลาย่างมาทำอาหารแต่เมื่อมีปลาจำนวนมาก และไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน จึงต้องหาวิธีการถนอมอาหารเพื่อที่จะทำให้วัถตุดิบที่หาได้มาไม่เสียเปล่า
ซึ่งการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มจากปลาเม็งย่างรมควันที่ชุมชนผลิตขึ้น สู่ปลาเม็งต้มโคล้งกึ่งสำเร็จรูปที่สามารถรับประทานได้ง่ายเพียงต้มในน้ำเดือดแค่ 5 นาที และยังคงไว้ซึ่งกลิ่นหอมหวน ชวนรับประทานของปลาเม็งที่ย่างรมควันอันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานกับกลิ่นรสของสมุนไพรไทยที่ผ่านการอบแห้งอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง พริก มะเขือเทศได้พัฒนาแปรรูปยกระดับมาตรฐานการผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์ต้มโคล้งปลาเม็งกึ่งสำเร็จรูป
2.ขั้นตอนการทำ
1.คัดเลือกปลาเม็งที่สมบูร์ณไม่มีโรค มีน้ำหนักอยู่ที่ขนาด 20-30 ตัวต่อกิโล และก่อนนำมารมควันหรือแปรรูปควรงการให้อาหารก่อนหนึ่งวัน
2.นำปลาเม็งสดที่ยังมีชีวิต มาล้างทำความสะอาด ต่อมานำมาน้อคน้ำแข็ง และเสียบไม้จัดระเบียบให้มีรูปร่างไปในทิศทางเดียวกัน
3.นำไปยางรมควัน บนตะแกรงเหล็กหรือใช้ตู้อบ โดยใช้เชื้อเพลิงจากเปลือกมะพร้าวหรือเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในชุมชน ซึ่งต้องใช้เวลารมควันจนปลาแห้งเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 13 ชั่วโมง หากใช้ตู้อบจะต้องใช้อุณภูมิอยู่ที่ 70 องศา เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
4.หลังจากย่างรมควันแล้ว ควรตั้งไว้ให้เย็นโดยใช้อุณภูมิห้องปกติ โดยต่อมาจัดเก็บในภาชนะที่สะอาดเพื่อเตรียมจำหน่ายหรือนำไปแปรรูบ
5.ตั้งหม้อใส่น้ำประมาณพอเหมาะ ตั้งไฟกลางจนร้อน จากนั้นใส่ ข่า, ตะไคร้, หอมแดงเผา และใบมะกรูด ลงไปให้เครื่องสมุนไพรเริ่มส่งกลิ่นหอม
6.เมื่อน้ำเริ่มเดือด ใส่พริกแห้ง (หรือตำ/คั่วให้กรอบก่อนใส่) เพื่อให้ได้กลิ่นพริกหอม ๆปรุงรสด้วย น้ำปลา, น้ำมะขามเปียก (หรือน้ำมะนาว) และเกลือ ชิมให้ได้รส เปรี้ยว เค็ม เผ็ด กลมกล่อม
7.พอปลาใกล้สุกดี ให้ใส่ผักเครื่องเคียง เช่น ใบกะเพรา, ผักชีใบเลื่อยลงไป แล้วปิดไฟได้เลย เพื่อรักษากลิ่นและความสดของผัก
8.เมื่อเสร็จแล้วเตรียมใส่แพ้คเกจ ตรวยสอบความเรียบร้อย และคุณภาพสำหรับรอจำหน่าย