การละเล่นพื้นบ้าน
ขว้างราว เป็นการเล่นที่นิยมของเด็กในจังหวัดกระบี่ กล่าวคือ นำไม้ไผ่มาผ่าเกลาให้ มีขนาดกว้าง ๑ นิ้ว ยาว ๓๐ เซนติเมตร ทำเป็นราว การเล่นไม่จำกัดจำนวนผู้เล่นส่วนใหญ่ประมาณ ๓-๕ คน นำราวมาตั้งโดยมีหินรองปลายราวทั้ง ๒ ข้างให้สูงจากพื้นดินประมาณ ๓ นิ้ว แล้วขีดเส้นเป็นเขตสำหรับยืนขว้างให้ห่างจากราวประมาณ ๕ เมตร หลังจากนั้นก็นำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปวางบนราวตามที่ได้ตกลงกันว่าวางคนละ กี่เมล็ด จากนั้นก็เริ่มขว้าง ถ้าคนแรกขว้างถูกและควํ่าหมดถือว่าจบเกมส์คนขว้างจะได้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ทั้งหมด ผู้เล่นแต่ละคนต้องนำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปวางบนราวใหม่ แต่ถ้าขว้างไม่ถูกหรือควํ่าไม่หมดคนที่สองก็ขว้างต่อ จนกระทั่งควํ่าหมดจึงเริ่มเล่นใหม่
กระโดดเชือก
การกระโดดเชือกเป็นการละเล่นที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีทั้งการกระโดดเชือกเดี่ยวและการกระโดดเชือกหมู่ กติกาการเล่นและการละเล่นที่หลากหลาย ทำให้การกระโดดเชือกเป็นทั้งการออกกำลังกายและกิจกรรมสันทนาการที่สนุกสนาน
ที่มา : https://www.tungsong.com/thaiplay/thaiplay.htm
เป่ากบส่วนมากมักเล่นกันแบบคู่แข่งตัวต่อตัว ลักษณะของยางวงตัวเก่ง คือ จะต้องมีความหนาเป็นพิเศษ มีขอบด้านใดด้านหนึ่งเชิดขึ้น ไม่ติดพื้น เพื่อที่เมื่อเวลาเป่าไปแล้วจะสามารถไปขี่ยางวงของฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆ ตัวเก่งบางตัว จะถูกประมูลจากเพื่อนเด็กด้วยกัน แลกกับยางวงหลายๆ เส้น ขนมหรือเงิน
ที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=dansivilai&month=11-2017&date=28&group=5&gblog=85
ซีละ เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวอันเก่าแก่ที่แพร่หลายในกลุ่มชาวมุสลิม ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบริเวณ ๕ จังหวัดปลายด้ามขวานของไทย การต่อสู้แบบซีละนี้มีมาตั้งแต่ ๔๐๐ ปีที่แล้ว โดยกำเนิดขึ้นที่เกาะสุมาตราและแพร่หลายไปพร้อมกับการขยายตัวของศาสนาอิสลาม ซีละมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามความนิยมของท้องถิ่น เช่น สิละ ศิละ ดีกา บือดีกา หรือศีลัท
ที่มา : https://www.culture.go.th/culture_th/ewt_news.php?nid=4938&filename=index
ลิเกป่า หรือ ลิเกรำมะนา หรือ ลิเกบก หรือ แขกแดง เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวปักษ์ใต้ของไทย ลิเกป่านิยมแถบจังหวัดพัทลุง กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา สตูล ใช้เครื่องดนตรีประกอบด้วย กลองรำมะนา หรือ โทน 2 - 3 ใบ ฉิ่ง ปี่ ฉิ่ง 1 คู่ กรับ 1 คู่ บางคณะอาจจะมีโหม่ง และทับด้วย ลิเกป่ามีนายโรงเช่นเดียวกับหนังตะลุง และมโนราห์ และโร สำหรับการแสดงก็คล้ายกับโรงมโนราห์ ผู้แสดงลิเกป่า คณะหนึ่งมีประมาณ 6 - 8 คน ถ้ารวมลูกคู่ด้วยก็จะมีจำนวนคนพอ ๆ กับมโนราห์หนึ่งคณะ การแสดงจะเริ่มด้วยการโหมโรง "เกริ่นวง" ต่อจากเกริ่นวงแขกขาวกับแขกแดงจะออกมาเต้นและร้องประกอบ โดยลูกคู่จะรับไปด้วย หลังจากนั้นจะมีผู้ออกมาบอกเรื่อง แล้วก็จะเริ่มแสดงเลย
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2
การชนวัวเป็นการละเล่นพื้นเมืองอย่างหนึ่งของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันในหลายพื้นที่ โดยจะมีการนำวัวตัวผู้ที่มีลักษณะดีมาชนกันในสนามที่จัดไว้ โดยมีการเปรียบเทียบวัวก่อนชน และมีกติกาการชนที่ชัดเจน
ที่มา : https://clib.psu.ac.th/southerninfo/content/2/84e61c2f
โนรา เป็นชื่อศิลปะการแสดงพื้นเมืองอย่างหนึ่งของภาคใต้ มีรากศัพท์ที่มาจากคำว่า “นระ” เป็นภาษาบาลี – สันสกฤต แปลว่ามนุษย์ เพราะการร่ายรำแต่เดิมแล้ว การรำโนราจะรำให้เสมือนกับท่าร่ายรำของเทวดา เดิมใช้ผู้ชายล้วนในการแสดง จึงเรียกว่า ชาตรี ต่อมามีการนำเรื่อง พระสุธน-มโนราห์เข้ามาแสดง ทำให้มีการเรียกว่า มโนราห์ ชาวใต้นิยมเรียกกร่อนคำจึงเรียกว่า โนรา จนถึงปัจจุบัน
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/articles/578377/
การเล่น "จาโต" หรือหมากรุก เป็นเกมกระดานวางแผนสำหรับผู้เล่นสองคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบและรุกฆาตหมากตัวหลักของฝ่ายตรงข้าม (หมากราชา). ผู้เล่นแต่ละฝ่ายจะผลัดกันเดินหมากตามกฎที่กำหนดไว้ โดยมีหมากหลายแบบ แต่ละแบบมีวิธีการเดินต่างกัน
ที่มา : https://www.openbase.in.th/node/8060
หมากเก็บเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่นิยมในหมู่เด็กผู้หญิง ปกติจะใช้เล่น ๒-๔ คน หรือมากกว่า และใช้ก้อนกรวดกลมๆ ๕ ก้อนเป็นอุปกรณ์การเล่น เล่นในสถานที่มีพื้นเรียบ วิธีการเล่นต้องเสี่ยงทายว่าใครจะได้เล่นก่อน โดยวิธี “ขึ้นร้าน” คือแบบมือถือหมากทั้ง ๕ ก้อนไว้ แล้วโยนหมาก ก่อนจะหงายมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับหมากอีกที ใครมีหมากอยู่บนมือมากที่สุด คนนั้นจะได้เป็นผู้เล่นก่อน จากนั้นจะแบ่งการเล่นเป็น ๗ หมาก
ที่มา : https://petmaya.com/17-thai-retro-playing/
ชนหญ้าขี้เตรย เป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกัน ๒ คน โดยผู้เล่นทั้ง ๒ คนจะหาหญ้าขี้เตรย (หญ้าเจ้าชู้) มาคนละกี่ช่อก็ได้จำนวนฝ่ายละเท่า ๆ กัน เด็ดให้ติดก้านประมาณ ๑ คืบ แต่ละฝ่ายรวบหญ้าขี้เตรยให้มั่น เอาปลายหญ้าทั้ง ๒ ฝ่ายมาทาบกัน แล้วต่างฝ่ายต่างเกลียวไปคนละทางอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งหญ้าที่รวบไว้ทั้ง ๒ ฝ่ายพันเกลียวกันแน่น ถ้าหญ้าของฝ่ายใดขาดก่อน หรือขาดมากกว่าฝ่ายนั้นจะแพ้ จะถูกลงโทษตามที่ตกลงกันไว้
ที่มา : https://www.openbase.in.th/node/8093
ไก่ขึ้นร้าน เป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก นั่งเล่นในที่ร่มได้ทุกแห่ง ในเวลายามว่าง อีกอย่างหนึ่งเครื่องมือและอุปกรณ์จะต้องพร้อมถึงจะเล่นได้
ที่มา : https://www.openbase.in.th/node/8098
ลูกลมเป็นทั้งของเล่น และเครื่องมือไล่นก การทำงานคล้ายกังหัน คือใช้ลมเป็นตัวขับเคลื่อน ลูกลมมีเสียงดังก้อง ดังไปไกลถึง 3 กิโลเมตร เพราะลูกร้องที่ติดไว้สองข้างเปรียบเสือนลิ้น เมื่อตัวกังหันแกว่งด้วยแรงลม ปากลูกร้องกระทบกับแรงลม จึงทำให้เกิดเสียงดังยิ่งลมพัดแรงตัวกังหันแกว่งเร็ว ทำให้เกิดเสียงแหลมต่อเนื่องเรียกกันว่า “ลิ้นลมเอ่ย” คล้ายการเอ่ยบทร้องของหนังตะลุง จึงเป็นที่มาของชื่อ ส่วนใหญ่ลูกลมจะพบได้ทางใต้ เดิมมักติดตั้งลูกลมไว้บนยอดไม้ที่มีลำต้นสูงและแข็งแรง ใกล้ศาลาพัก เพื่อให้ผู้พักได้พักทั้งกายและและใจ ได้ฟังเสียงลูกลมชื่นอุรา เอาไว้ไล่นกไล่กาตอนทำนา นอกจากนี้ยังช่วยบอกทิศทางลมด้วย
ที่มา : https://traditional-objects.sac.or.th/th/equipment-detail.php?ob_id=486
การเล่นทาย หรือ การเล่นปริศนาคำทาย เป็นกิจกรรมที่สนุกสนานและมีประโยชน์หลายอย่าง ช่วยฝึกไหวพริบ เชาวน์ปัญญา และยังช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และอนุรักษ์วัฒนธรรมได้อีกด้วย
ที่มา : https://sareefia100.blogspot.com/2013/09/blog-post_4880.html
จุ้มจี้ หรือจ้ำจี้ เป็นการเล่นเสี่ยงทายคัดเลือกคนออกไปจากวงโดยการนับและใช้นิ้วชี้ไปยังมือ หรือนิ้วของผู้เล่น จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน สถานที่เล่นนิยมเล่นในร่ม ก่อนเริ่มเล่นต้องเสี่ยงทายคนจี้เสียก่อน เมื่อได้ตัวคนจี้แล้ว ผู้เล่นทุกคนรวมทั้งผู้จี้ด้วยต้องนั่งล้อมเป็นวงกลม คว่ำฝ่ามือทั้ง ๒ ข้างลงบนพื้นข้างหน้ายกเว้นคนจี้จะคว่ำฝ่ามือลงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งจะใช้สำหรับจี้หลังมือทุกมือที่วางอยูในวง โดยเริ่มจี้จากมือของตนเองก่อน ขณะที่จี้ผู้เล่นช่วยกันร้องเพลงประกอบการเล่น ๑ พยางค์ต่อการจี้ ๑ ครั้งหรือ ๑ มือ เมื่อพยางค์สุดท้ายของเพลงตกตรงที่มือไหนมือนั้นจะต้องยกออกจากวง ผู้จี้จะร้องเพลงประกอบและจี้ไปเรื่อยๆจนเหลือผู้เล่นเหลือมืออยู่ในวงคน เดียวและเป็นสุดท้ายก็เป็นผู้ชนะ ถ้าจะเล่นต่อไปผู้ชนะก็จะเป็นผู้จี้แทนคนเดิม
ที่มา : https://www.openbase.in.th/node/8057
เป็นการจับปูลมของเด็กเพื่อความสนุกสนาน ปูลมเป็นปูชนิดหนึ่งซึ่งขุดรูอยู่ชายหาดตอนบน คือบริเวณที่เป็นทรายขาวนวลและคลื่นสาดไม่ถึง มีลำตัวสีขาวคล้ายสีพื้นทรายตามลักษณะการปรับตัวตามธรรมชาติ มีขนาดเท่าๆกับปูเปี้ยววิ่งได้เร็วและเปลี่ยนทิศทางวิ่งได้เก่ง เมื่อรู้สึกตัวว่ามีภัยจะรีบวิ่งลงรูหรือไม่ก็เข้าซ่อนตัวตามกองทราย การจับปูลมนิยมมากในหมู่เด็กทั้งหญิงและชายที่มีบ้านเรือนอยู่ริมชายทะเลโดย ผู้จับปูลมมักจะไปเป็นกลุ่ม เมื่อพบปูลมก็จะตะโกนบอกกันแล้วช่วยกันไล่จับ อันเป็นการแข่งขันไปในทีด้วยว่าใครจะเป็นผู้สามารถจับปูลมตัวนั้นได้ การที่ปูลมเป็นปูที่วิ่งเร็วและหลบหลีภัยได้เก่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความ สามารถของเด็กๆมาก เมื่อจับปูลมได้หรือจับไม่ได้เพราะปูลมหนีลงรูหรือฝังตัวตามกองทรายเสียก่อ นกตาม ผู้จับปูลมอาจไล่จับปูลมเพียงลำพังตนก็มีบ้าง
ที่มา : https://www.openbase.in.th/node/8059