ผู้จัดทำข้อตกลง
ผู้จัดทำข้อตกลง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ -
สถานศึกษา โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 11 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- รายวิชาพลศึกษา หัสวิชา (พ23104) จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.3/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา (พ23103) จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.3/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.3/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา (พ33102) จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/5 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/7 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ รวมจำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
-หน้าที่ดูแลห้องพยาบาล จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
-กิจกรรมชุมนุมระดับชั้น ม.4-6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-กิจกรรมลูกเสือระดับชั้น ม.1 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา รวมจำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- การปฏิบัติหน้าที่ครูที่ปรึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมภาระงานข้อ 1.1 – 1.4 จำนวน 19 ชั่วโมง /สัปดาห์
•─────────• ✨ •─────────•
รวมภาระงาน จำนวน 19 ชั่วโมง/สัปดาห์
• ────── ✾ ────── •
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 14 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
-รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา(พ33101) จำนวน 8 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/5 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/7 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-รายวิชาสุขศึกษาระดับชั้น ม.6/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- รายวิชาพลศึกษา หัสวิชา (พ22102) จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์ ดังนี้
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.2/1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.2/2 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.2/3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.2/4 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.2/5 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
- รายวิชาพลศึกษาระดับชั้น ม.2/6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ รวมจำนวน 7.00 ชั่วโมง / สัปดาห์ ดังนี้
-หน้าที่ดูแลห้องพยาบาล จำนวน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์
-กิจกรรมชุมนุมระดับชั้น ม.4-6 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
-กิจกรรมลูกเสือระดับชั้น ม.1 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 1.00 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การปฏิบัติหน้าที่ครูที่ปรึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น รวมจำนวน 1.00 ชั่วโมง/สัปดาห์
- โครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
•─────────• ✨ •─────────•
รวมภาระงาน จำนวน 23 ชั่วโมง/สัปดาห์
• ────── ✾ ────── •
2.งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู
ด้านการจัดการเรียนรู้
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
(Elastic Ball Trainer)
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
กีฬาฟุตบอล เป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันโดยทั่วไป จัดเป็นกีฬาสากลประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถเล่นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ซึ่งมีการจัดบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไปจนถึงระดับชิงแชมป์โลก ทักษะต่าง ๆ ของกีฬาฟุตบอลเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ การเล่นกีฬาฟุตบอลนั้น นอกจากผู้เล่นจะได้รับความสนุกสนานแล้วยังมีคุณค่าต่อผู้เล่น ทั้งในด้านการพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะกลไกและระบบประสาท
ดังนั้น กีฬาฟุตบอลจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญและเป็นกิจกรรมทางพลศึกษาที่ส่งเสริมในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน อีกทั้งกีฬาฟุตบอลยังช่วยในการเสริมสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างผู้เล่น ทำให้เกิดความสามัคคี ฝึกความรับผิดชอบต่อหน้าที่ การควบคุมอารมณ์ การร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความมีน้ำใจนักกีฬา รวมไปถึงความซื่อสัตย์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์และเป็นจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนในวิชาพลศึกษา
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนักเรียนยังขาดความรู้และทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลที่ถูกต้อง สาเหตุสำคัญมาจากการจัดการเรียนการสอนที่ยังขาดกระบวนการเรียนรู้ด้านทักษะพื้นฐาน ขาดกิจกรรมที่น่าสนใจ และขาดอุปกรณ์เสริมในการฝึกทักษะ ทำให้ผู้เรียนไม่เกิดแรงจูงใจและไม่เห็นความสำคัญของการฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
การนำนวัตกรรม “Elastic Ball Trainer” มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ จึงเป็นแนวทางที่สำคัญ เพราะอุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยให้นักเรียนฝึกการเตะ การยิงประตู และการควบคุมลูกบอลได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเสียเวลาเก็บบอล ทำให้เกิดการฝึกซ้ำบ่อย ๆ จนเกิดความชำนาญ อีกทั้งยังช่วยสร้างแรงจูงใจ ความสนุกสนาน และลดความน่าเบื่อในการเรียนการสอน
ดังนั้น การบูรณาการอุปกรณ์ Elastic Ball Trainer เข้ากับการจัดการเรียนการสอนวิชาฟุตบอล จะช่วยให้นักเรียนมีทักษะพื้นฐานที่ดีขึ้น สามารถพัฒนาความคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาในการเล่นฟุตบอล อีกทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมายของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะทั้งทางร่างกายและกระบวนการคิดไปพร้อมกัน
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1. การวางแผนการวิจัย (Research Planning)
กำหนดวัตถุประสงค์การวิจัย: เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยใช้อุปกรณ์ Elastic Ball Trainer ในการส่งเสริมทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล
กำหนดสมมติฐานการวิจัย: การเรียนรู้ที่ใช้ Elastic Ball Trainer จะช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล
กำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง: นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3
การออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (Learning Design)
พัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยเน้นการฝึกทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล โดยใช้อุปกรณ์ Elastic Ball Trainer เป็นสื่อการเรียนรู้
ออกแบบกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ฝึกการทำซ้ำหลายครั้ง โดยไม่ต้องเสียเวลาเก็บบอล
ตัวอย่าง: นักเรียนฝึกยิงเข้าประตูด้วย Elastic Ball Trainer และครูให้คำแนะนำเรื่องมุมการวางเท้า แรงส่ง และการควบคุมร่างกาย
การพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย (Tool Development)
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องทักษะการการเล่นกีฬาฟุตบอล โดยใช้อุปกรณ์ Elastic Ball Trainer
แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (Pre-test และ Post-test): เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบสอบถามความพึงพอใจ: เพื่อประเมินความคิดเห็นของผู้เรียนต่อการใช้อุปกรณ์ Elastic Ball Trainer
แบบประเมินการปฏิบัติจริง (Performance Assessment): ครูผู้สอนประเมินจากทักษะต่างๆกีฬาฟุตบอล
การทดลองใช้ (Implementation)
นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ไปใช้กับกลุ่มทดลอง โดยมีการฝึกการเล่นกีฬาฟุตบอลด้วย Elastic Ball Trainer
จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มและแบบรายบุคคล เพื่อให้นักเรียนฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ระหว่างกลุ่มทดลอง (ใช้ Elastic Ball Trainer) กับกลุ่มควบคุม (ฝึกแบบปกติ)
การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection)
การทดสอบก่อนและหลังเรียน (Pre-test / Post-test): เพื่อวัดความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบสอบถามและการสัมภาษณ์: เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการใช้อุปกรณ์ Elastic Ball Trainer
การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ: ใช้สถิติ (ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, t-test) วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ: วิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน
การสรุปผลและการรายงาน (Conclusion and Reporting)
สรุปผลการวิจัยว่า การใช้ Elastic Ball Trainer สามารถช่วยพัฒนาทักษะการการเล่นกีฬาฟุตบอลของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จัดทำรายงานผลการวิจัย และนำเสนอในการประชุมหรือสัมมนาทางวิชาการ
เสนอแนวทางการนำ Elastic Ball Trainer ไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ในกิจกรรมพลศึกษาอื่น
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
- นักเรียนในกลุ่มทดลองที่เรียนรู้ผ่านการใช้อุปกรณ์ช่วยพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล
(Elastic Ball Trainer) ร้อยละ 70
มีทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
- ได้รูปแบบการเรียนรู้ด้วยอุปกรณ์ช่วยพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล (Elastic Ball Trainer) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง ทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
สรุปผลการดำเนินงาน
- ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/8 โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม จำนวน 37 คน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา มีเกรดเฉลี่ย 3 ขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 50 ของนักเรียนทั้งหมด
- การปรับประยุกต์ /เทคนิคการสอนแบบ Active Learning รายวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาในการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของครู อยู่ในระดับมากขึ้นไป
ผู้เรียนร้อยละ 50 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟุตบอล ตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป
รายวิชาพลศึกษา ภาคเรียนที่ 2/2567 มีจำนวนผู้เรียน 37 คน มีค่าเฉลี่ยผลการเรียนตั้งแต่ 3.0 ขึ้นไป ร้อยละ 50
คลิปวิดีโอการจัดการเรียนรู้
ด้านการจัดการเรียนรู้