บ้านผือทีวีนิวส์ อ่านความจริง อ่านบ้านผือทีวีนิวส์ อำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานี
นายกฯ ห่วงใยประชาชน เดินทางกลับภูมิลำเนา ช่วงเทศกาลสงกรานต์ สั่ง ดูแล อำนวยความสะดวก ลดอุบัติเหตุ บังคับใช้กฎหมาย เข้มข้น ผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร พร้อมกำชับ สธ.ดูแล สุขภาพประชาชน เพื่อป้องกันโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้ คาดว่า จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้ได้มีประชาชนบางส่วนออกเดินทางแล้ว ด้วยความห่วงใย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จึงได้กำชับ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน พร้อมเน้นย้ำมาตรการลดอุบัติเหตุ ให้การเดินทางของประชาชนเกิดความปลอดภัยสูงสุด
ติดตาม
10 เม.ย. 65
จราจรเริ่มหนาแน่นเส้นทางมุ่งหน้าสู่เหนือ อีสาน จ่อเปิดช่องพิเศษระบายรถ (คลิป)
10 เม.ย. 65
เฟอร์รี่สมุย เสริมเที่ยวเรือ ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ หลังนทท.แห่มาคึกคัก (คลิป)
9 เม.ย. 65
กลับสงกรานต์การจราจรหนึบ รถไฟเสริมทุกขบวนเข้มเอาจริง "10 รสขม"
ดูทั้งหมด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ในกรณีพบพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎจราจร และพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมักจะพบในช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็น การขับรถด้วยความเร็วเกินกําหนด เมาสุรา เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจ และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ขับขี่ยานพาหนะด้วยความไม่ประมาท มีสติในการเดินทาง ดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ให้ปีนี้เป็นเทศกาลสงกรานต์แห่งความปลอดภัย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้กระทรวงสาธารณสุข ดูแลด้านสุขอนามัยของประชาชนระหว่างเดินทางด้วย โดยให้มีการประสานกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการรวมกลุ่มบริเวณปั๊มน้ำมัน จุดพักรถ ซึ่งจะต้องไม่แออัดจนเกินไป อันจะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ และขอให้ผู้เดินทางสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงพื้นที่ผู้คนแออัด เพื่อที่จะได้กลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง.
“อัศวิน” พอใจ ผลนิด้าโพล เชื่อ จะขยับขึ้นที่ 1 ในอนาคต เพราะความจริงโพล ตนได้ที่ 2 รองจาก "ชัชชาติ" ยัน เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก นโยบายไม่ได้เลิศหรู แต่ลงมือทำจริง เพราะเป็นนักปฏิบัติ ย้ำ หาเสียง ไม่มีโกหกประชาชน
วันที่ 10 เม.ย. 65 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 6 พร้อมนายอดุลย์ เซะวิเศษ ผู้สมัคร ส.ก.เขตสะพานสูง หมายเลข 1 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดสัมมากร เขตสะพานสูง ช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชน ที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี ขอถ่ายรูปและให้ดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจ
โดยพล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การพบปะพ่อค้าแม่ค้าเช้าวันนี้ มีการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะพี่น้องประชาชนรู้จักตนเองดีและรู้ว่าตนทำงานอะไรให้ชาว กทม. บ้าง
ติดตาม
10 เม.ย. 65
"ชัชชาติ" เสนอ ยกระดับ "มีนบุรี" เป็นเมืองบริวาร กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
10 เม.ย. 65
ย้อนดูผลงานผู้ว่าฯ ทำตามแผนพัฒนากรุงเทพฯ หรือนโยบายหาเสียง
10 เม.ย. 65
“ชญาดา-เนติภูมิ“ ชู นโยบายการศึกษา ผลักดัน เด็กเรียนภาษา “อังกฤษ-จีน”
ดูทั้งหมด
พล.ต.อ.อัศวิน ยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล หัวข้อ “อยากได้ใคร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 11” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้ง ในกรุงเทพมหานคร ที่ผลโพลอยู่ที่อันดับ 3 ว่า "ความจริงตนอยู่อันดับที่ 2 เพราะอันดับ 1 เป็นของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และอันดับ 2 ร้อยละ 26.58 ยังไม่ตัดสินใจ จึงเชื่อว่าตนยังได้รับความนิยมอยู่ในอันดับที่ 2 พร้อมระบุด้วยว่า ตนเพิ่งเปิดตัว แต่ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร และยังมองว่า ไม่ใช่ปัญหา จะยังคงเดินหน้าหาเสียง ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน มาขอคะแนนต่อ ซึ่งทำมาโดยตลอด และมองว่า การทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเป็นเรื่องที่ดี ต้องการให้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนออกมาเยอะๆ ยังมีความมั่นใจและเชื่อว่า ตนจะต้องขยับขึ้นมาอันดับที่ 1 อย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การหาเสียงอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่เดินหน้าหาเสียงทบทวนความจำของพี่น้องประชาชนในสิ่งที่ตนเคยทำไปแล้ว
"และจากนี้ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ย้ำว่า ตนไม่มีนโยบายที่เลิศหรูมากมาย...ตนคือนักปฏิบัติ...ไม่ต้องมีนโยบายใดที่ดูโก้หรือดูเท่ เพียงแค่เราลงมือทำ ซึ่งแบบนี้ในภาษามวยเรียกว่า พูดน้อยแต่ต่อยหนัก ทำมากๆ แล้วจะดีเอง" พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว...
ส่วนกรณีที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ หลายคนให้ความสำคัญกับพ่อค้าแม่ค้าริมทางเท้า หาบเร่แผงลอย โดยสนับสนุนให้มีการค้าขายได้ทุกวันนั้น พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ทั้งหมดจะต้องอยู่บนความถูกต้อง ตามที่ปฏิบัติกันมาแล้ว พร้อมชี้ว่า เรื่องแบบนี้สัญญากันไม่ได้ ใครที่บอกว่า จะทำได้ก็ไม่รู้ว่า จะได้เป็นผู้ว่าฯ หรือไม่ พร้อมย้ำว่า แนวนโยบายของตน คือ การคืนความเป็นธรรมให้กับสังคม ทั้งผู้ค้า และคนเดินถนน หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ ค่อยกลับมาพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้ง
ส่วนแนวนโยบายเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุงเทพฯ ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด และไฟส่องสว่าง ย้ำว่า ได้ทำไปหมดแล้ว และได้ปรับเป็นระบบดิจิทัลเกือบจะครบทั้ง 6 หมื่นตัว หากตนได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่
พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า "การหาเสียงของตนไม่ได้หลอกลวงประชาชน ตนเป็นคนโกหกไม่เป็น สิ่งที่ทำมาแล้วก็บอกว่าทำ สิ่งที่อยากจะทำให้ถูกอกถูกใจพี่น้องประชาชน มันเป็นหน้าที่ของพ่อบ้าน มันเป็นการบ้านของคนเป็นผู้ว่าฯ อยู่แล้ว ไม่ใช่การเมือง ยืนยันว่าตนไม่ใช่พรรคการเมือง หรือ นักการเมือง และตนไม่ได้ทำการเมือง แต่ตนทำการบ้านเพื่อให้สังคมดีขึ้น"
จากนั้นได้ลงพื้นที่หาเสียงพื้นที่ต่อบริเวณตลาดหน้าสวนพฤกษชาติ คลองจั่น เขตบางกะปิ พร้อมนางสาว นฤมล มิ่งขวัญ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางกะปิ เบอร์ 5 และพบปะพี่น้องประชาชน ชุมชนคลองลำพังพวย เขตบางกะปิ โดยตลอด การเดินทางลงพื้นที่ ในตลาดได้รับเสียงตอบรับและได้รับกำลังใจจากพี่น้องประชาชนอย่างอบอุ่นมีทั้งมอบดอกไม้ พวงมาลัย ส่งเสียงเชียร์ ให้เลือก ส.ก.เบอร์ 5 ผู้ว่าฯ เบอร์ 6
และได้พูดขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนบริเวณริมคลองลำพังพวย ซึ่งเป็นผลงานที่เคยทำไว้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่สมัยที่ป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยเคยมาการขุดลอกคลองและดูแลคลองให้ใสสะอาดไม่มีปัญหาทั้งขยะและน้ำเน่าเสียเหมือนเมื่อก่อน และขอคะแนนเสียงเพื่อกลับมาเป็นผู้ว่าฯ อีกครั้งหนึ่ง โดยได้รับเสียงปรบมือ และเสียงตอบรับสนับสนุนอย่างล้นหลาม จากประชาชนในพื้นที่.
"ชัชชาติ" เสนอ ยกระดับ "มีนบุรี" เป็นเมืองบริวาร กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
โพล ชี้ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. "ชัชชาติ" ยังนอนมา-"อัศวิน" แซง "สุชัชวีร์"
"วิโรจน์" รับ พลังคนรากหญ้า คือ ตัวแปรสำคัญ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้
"ศิธา" ชู "ตลาดน้อย" โมเดลท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม Bangkok Creative City
ติดตาม
เลือกตั้งผู้ว่ากทมเลือกตั้งผู้ว่ากทม 2565ผู้สมัครผู้ว่ากทมผู้ว่าฯ กทม.เลือกตั้งข่าวการเมืองอัศวิน ขวัญเมืองนิด้าโพลพูดน้อยต่อยหนักไม่โกหกประชาชนชัชชาติ สิทธิพันธุ์ข่าวเลือกตั้งข่าวทั่วไป
หากความดันโลหิตเกิน 130/90 ให้ทำความสะอาดหลอดเลือด!
PR(ค้นหาตอนนี้!)
พม่าส่งกลับ บังลาย พ่อค้ายาเสพติด เผยเคยช่วย "เปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ"
หมอไม่ยอมบอกความจริง! เส้นเลือดขอดหายขาดได้ง่ายด้วยตัวเอง!
PR(ค้นหาตอนนี้!)
ถอดปมลึก เด็กหญิงวัย 14 ฆ่าแม่ วางแผนให้แฟน ใช้มีดจวกแทง ตายไปต่อหน้า
เลิกใส่แว่นแต่ไม่ต้องผ่าตัด ทำได้ไง? ลองวิธีนี้สิ
PR(ค้นหาตอนนี้!)
ลูกค้าอาคเนย์ประกันภัย ไทยประกันภัยต้องรู้ ก่อนยื่นขอเงินจากกองทุนประกันวินาศภัย
Recommended by
วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2565 เวลา 16:32 น.
ติดต่อโฆษณาร่วมงานกับเราติดต่อเรา
เกี่ยวกับไทยรัฐมูลนิธิไทยรัฐศูนย์ข้อมูลไทยรัฐบริการข่าวไทยรัฐ - App & SMSFAQศูนย์ช่วยเหลือนโยบายความเป็นส่วนตัวเงื่อนไขข้อตกลงการใช้บริการไทยรัฐโลจิสติคส์
เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookie Policy)
รับทราบ
"นภัสสร" ผู้สมัคร ส.ก.บางกะปิ พรรคเพื่อไทย ห่วงปากท้อง-หนี้ครัวเรือนพุ่ง หลังลงพื้นที่พบประชาชน บอกได้รับเสียงสะท้อนมา อ้อน ชาวกทม.เทคะแนน เลือก 'เพื่อไทย' แบบแลนด์สไลด์ มั่นใจ พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้มั่งคั่ง
-Advertisement-
วันที่ 10 เม.ย. 65 น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางกะปิ เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่หาเสียงเยี่ยมเยียนพ่อค้าแม่ค้าในตลาด รวมทั้งเคาะประตูบ้านในชุมชนและหมู่บ้านต่างๆ ของเขตบางกะปิ พบว่า ประชาชนต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกัน คือ ปัญหาปากท้อง ข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง รายได้ลด แต่รายจ่ายสูง ค่าใช่จ่ายในครัวเรือนไม่สมดุล ทำให้เกิดความเครียดกับปัญหาต่างๆ ที่ตามมาโดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน
น.ส.นภัสสร กล่าวต่อว่า เมื่อดูข้อมูลยิ่งน่ากังวล เพราะศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า หนี้ครัวเรือนจะยังสูงขึ้น โดยคาดว่า ปี 65 หนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 94.1% ของจีดีพี
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าปี 2565 หนี้ครัวเรือนไทย จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง อาจสูงแตะระดับ 15 ล้านล้านบาท เห็นได้ว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่ เงินเฟ้อ ก็เป็นแรงกดดันเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน และราคาสินค้า ส่งผลกระทบเศรษฐกิจปากท้องที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งปัญหานี้จะต้องใช้ศักยภาพและความเป็นมืออาชีพในการแก้ปัญหา
ดังนั้นตัวเชื่อมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย คือพรรคที่มีศักยภาพและความเป็นมืออาชีพในด้านนี้ ทั้งเข้าใจ และแก้ไขได้อย่างตรงจุด และด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ของพรรคเพื่อไทย จะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมามั่งคั่งอีกครั้ง ตนจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาว กทม.ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ออกไปใช้สิทธิ์ในวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. เข้าคูหา เลือกผู้สมัคร ส.ก.จากพรรคเพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน.
“ชญาดา-เนติภูมิ“ ชู นโยบายการศึกษา ผลักดัน เด็กเรียนภาษา “อังกฤษ-จีน”
“เสี่ยโต” ลุยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ก. พรรคพลังประชารัฐ 3 บาง รวด
เพื่อไทย หาเสียง ส.ก.ชู “50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์” ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้
เพื่อไทย หาเสียง ช่วย ส.ก. ชู “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายมั่งคั่ง"
ผู้สมัคร ส.ก.เพื่อไทย ปิ๊งไอเดีย! เอาป้ายถูกกรีด ไปทำ “กระเป๋าหาเสียง”
ครบ 12 ปี 10 เมษา 53 พรรคเพื่อไทย นำโดย ชลน่าน ศรีแก้ว นำแกนนำและพลพรรค แห่ร่วมงานรำลึก ชุมนุม นปช. ยัน ไม่ลืมประชาชนที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขอคารวะทุกการต่อสู้ของ "นักสู้ธุลีดิน" พร้อมส่งหรีดดอกไม้ ที่มีใจความร้อยต่อกัน
วันที่ 10 เม.ย. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมพรรคเพื่อไทย นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. และโฆษกพรรค, นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อม ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมใจร่วมงานรำลึก 12 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553 ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นการยืนยันหลักการการต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยต้องไม่ถูกลบเลือน
นายแพทย์ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ‘12 ปี 10 เมษา’ คือโศกนาฏกรรมและอาชญากรรมที่กระทำโดยรัฐ พี่น้องคนเสื้อแดงออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งและรัฐบาลต้องมาจากประชาชน แต่สิ่งที่ประชาชนได้กลับไปคือหีบศพและร่างไร้วิญญาณ และวันนี้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คือ จุดเริ่มต้นการสั่งฆ่าโดยรัฐ ที่วันนี้ยังไร้ผู้รับผิดชอบ พร้อมยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยลืมการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน และขอยืนหยัดร่วมต่อสู้บนวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป
ขณะที่ นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่ลืมการต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดง คารวะทุกการต่อสู้ของ "นักสู้ธุลีดิน" และขอเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยและคนรุ่นใหม่ในพรรค ร่วมรำลึกวีรกรรมของวีรชน และจะขอร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกับพี่น้องประชาชนต่อไป
พร้อมกันนี้ พรรคเพื่อไทย คนรุ่นใหม่จากพรรคเพื่อไทย และกลุ่ม Care คิด เคลื่อน ไทย ได้ส่งหรีดดอกไม้ที่มีใจความร้อยต่อกัน คือ “นักสู้ธุลีดิน 12 ปีเราไม่ลืม – พรรคเพื่อไทย” , “นักสู้นิรนามไม่สิ้น - Care คิด เคลื่อน ไทย” และ “ผองธุลีดินจักพลิกชะตา – ทีมนาตาชาและคนรุ่นใหม่เพื่อไทย” ที่เมื่ออ่านเรียงกันได้ใจความคือ “นักสู้ธุลีดิน 12 ปีเราไม่ลืม นักสู้นิรนามไม่สิ้น ผองธุลีดินจักพลิกชะตา” ซึ่งเป็นใจความตอนหนึ่งของเพลง นักสู้ธุลีดิน แต่งโดย จิ้น กรรมาชน ที่เสมือนหนึ่งเป็นเพลงของพี่น้องคนเสื้อแดง
"จตุพร" โผล่ปราศรัย รำลึก 12 ปี 10 เมษา 53 ปลุกแนวร่วม เตรียมเคลื่อนไหวต่อต้าน สนธิสัญญาไทย-สหรัฐฯ "อินโด-แปซิฟิก" อ้าง ห่วงเอกราชของชาติ เพราะจะทำให้เป็นปฏิปักษ์กับจีน ซ้ำรอย "ยูเครน-รัสเซีย"
-Advertisement-
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 เม.ย. 65 ที่ห้องประชุม อภิวันท์ วิริยะชัย อาคารพีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 แยก 33/1 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ฟากฝั่งของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ร่วมกันจัดงาน "รำลึก 12 ปี วีรชน 10 เมษา 53" เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ทหารเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ที่ถนนราชดำเนินกลาง จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันมีคนเสื้อแดงและทหาร เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สำหรับบรรยากาศในงานมีการนิมนต์พระสงฆ์ มาทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิต มีแกนนำ นปช. ญาติผู้เสียชีวิต ตลอดจนมวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ที่ยังคงภักดีต่อนายจตุพร เดินทางมาร่วม อาทิ นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ บิดานายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ คนเสื้อแดงที่ถูกยิงเสียชีวิต นายสมใจ เข็มทอง พี่ชายมงคล เข็มทอง อาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ถูกยิงเสียชีวิต นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษก นปช. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋งดอกจิก นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอมดันดี เป็นต้น
หลังเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ ตัวแทนญาติผู้สูญเสียขึ้นเวที มากล่าวขอบคุณผู้จัดงาน โดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิต กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมถูกยกฟ้องหมด มองว่า ถูกกลั่นแกล้งรังแก จึงถึงเวลาที่ญาติทุกคนที่จะเริ่มต้นเรียกร้องความยุติธรรมอีกครั้ง นับตั้งแต่วันนี้ จะมีการนัดหมายญาติผู้เสียหาย ที่มีความพร้อม เดินทางไปทุกที่ ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องการสลายการชุมนุม เมื่อ 12 ปีก่อน ไม่ว่า จะหน้ากองทัพบก ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องความยุติธรรมต่อไป
ขณะที่นายนันทพงศ์ ปานมาศ แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในแนวร่วมม็อบราษฎร กล่าวว่า 12 ปี ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เผด็จการยังอยู่ โดยเฉพาะ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราต่อสู้โดยไม่มีอาวุธแต่เราไม่ได้ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ แม้หาฆาตกรไม่เจอ ไร้ความยุติธรรม คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ จะสานต่ออุดมการณ์ขอสัญญาว่า จะสืบสานเจตนารมณ์ของวีรชนที่ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ
ขณะเมื่อเวลา 11.30 น. นายจตุพร ขึ้นกล่าวปราศรัย ว่า หลายเดือนที่ผ่านมานั้น ที่ต้องยุติบทบาทไป เพราะถ้าขยับเมื่อไร คนในรัฐบาลที่กำลังแตกแยกกันก็จะหันหน้ามาจับมือกัน แล้วถล่มกลับ แต่วันนี้ตีกันจนมองหน้าไม่ติดแล้วจึงสามารถออกมาได้ เรื่องที่ใหญ่กว่าการเมืองเส็งเคร็ง คือ เรื่องของบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงอย่างไรก็ไม่มีวันอยู่ครบ 8 ปี แต่ที่ทำความเดือดร้อนมากที่สุด และจะเป็นปัญหาคือการลงนามกับสหรัฐฯ ในความร่วมมือสนธิสัญญา อินโด-แปซิฟิก เมื่อปี 62 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านประเทศจีน ตนไม่ได้เข้าข้างประเทศจีน แต่การที่รัฐบาลไทยไปเซ็นสัญญาเป็นปฏิปักษ์ประเทศจีน แล้วถ้าวันหนึ่งจีนคิดแบบรัสเซียกับยูเครน จะเป็นอย่างไร สถานกงศุลสหรัฐฯ ที่ก่อสร้างใน จ.เชียงใหม่ เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี จนถึงวันนี้รัฐบาลไทยไม่ได้แสดงอะไร ที่จะยกเลิกสัญญาดังกล่าว ดังนั้นถ้าเรามีความจำเป็นจะต้องต่อสู้กับสนธิสัญญาแปซิฟิก เหมือนสมัยยุคสงครามเวียดนาม ที่มีการเคลื่อนไหวขับไล่ฐานทัพสหรัฐฯ ในไทยเราก็คงไม่มีทางเลือก จึงขอเรียกร้องว่า ให้คิดไกลๆ เอกราชสำคัญกว่าเรื่องการเมือง ถ้าต่อสู้แบบเดิมเอานักเลือกตั้งมาเป็นตัวตั้ง เราจะแพ้ตลอดไป ถึงชนะเลือกตั้งก็ปกครองประเทศภายใต้ รธน.60 ไม่ได้ เอาบ้านเมืองเอาเอกราชมาเป็นตัวตั้ง จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย ที่ผ่านมา ตนไม่ได้หายหน้าไปแค่เพียงคิดว่าจะออกมาเมื่อไหร่ ตอนนี้พร้อมที่จะต่อสู้แล้ว จนกว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงตามเจตนารมณ์ของวีรชนที่สูญเสีย
"ความสูญเสียของวีรชน 12 ปีนี้ ฝ่ายตายไม่เคยได้รับความยุติธรรม ฝ่ายทำให้ตายไม่เคยได้รับโทษ เราแสวงหาความยุติธรรม ถึงขั้นเคยไปฟ้องถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ ก็ไม่เป็นผล วันนี้จึงอยู่กับความทุกข์ระทม ไม่เคยมีอนุสาวรีย์ ไม่เคยมีการชำระประวัติศาสตร์ และไม่เคยได้รับความยุติธรรม แต่ยืนยันจะยังคงต่อสู้ต่อไป และอยากสะกิดเตือนให้นักสู้ได้ทราบว่า ต้องทำใจพวกเราเหมือนวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วทิ้งขอนัดหมายอีกครั้งงานรำลึกสลายก