ประเพณีการแข่งเรือ (ส่วงเฮือ) เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน โดยจัดขึ้นระหว่างงานบุญออกพรรษา มีความ มุ่งหมายให้ชาวบ้านได้สนุกสนานร่วมกัน ก่อให้เกิดความสามัคคี ความเสียสละและเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ประชาชนลาวและชาวไทย
ประเพณีการแข่งเรือ (ส่วงเฮือ) เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน โดยจัดขึ้นระหว่างงานบุญออกพรรษา มีความ มุ่งหมายให้ชาวบ้านได้สนุกสนานร่วมกัน ก่อให้เกิดความสามัคคี ความเสียสละและเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ประชาชนลาวและชาวไทย
12 จานส่อนใบ
ธ.ค. 2551 — นอกเหนือจากความสนุกสนานแล้วยังเป็นการละเล่นที่ปลูกฝังเรื่องการเคารพกฎ กติกา ฝึกให้เป็นคนมีระเบียบวินัย ทั้งยังเป็นการสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
โปงลาง ดนตรีพื้นเมืองอีสานถือว่าจังหวะสำคัญมาก เครื่องดนตรีประเภทตีใช้ดำเนินทำนองอย่างเดียวคือ โปงลาง โปงลางมีวิวัฒนาการมาจากระฆังแขวนคอสัตว์เพื่อให้เกิดเสียงโปงลางที่ใช้บรรเลงอยู่ในภาคอีสาน
12 ธ.ค. 2551 — - ถ้าฝ่ายวิ่งคนใดถูกคนเต้นขาเดียวแตะต้อง จะถือว่าตาย - ถ้าฝ่ายเต้น ขาถูกพื้นทั้งสองขาพร้อมกัน จะถือว่าตาย - ฝ่ายไหนตายหมดก่อนถือว่าแพ้ จะต้องเล่นเป็นฝ่ายไล่ในตาต่อไป
ขาโถกเถก" หรือ "ไม่โถกเถก" (ภาคใต้เรียกว่า "ทองสูง" ภาคเหนือเรียก "สิกไม้ย่างกางเกง") คือการละเล่นพื้นบ้าน หรือกีฬาพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำด้วยไม้ไผ่ท่อน โตยาวประมาณ ๑ คืบ ๑ คู่ ยกไม้ไผ่ท่อนเล็กขึ้น คะเนดูสูงตามต้องการ แล้วทำเครื่องหมายไว้ เจาะรูตรงเครื่องหมายให้ทะลุไปอีกข้างหนึ่งหาไม้เหนียวๆ หรือเหล็กสอดนำ
เป็นการฟ้อนประเพณีที่มีมาแต่บรรพบุรุษ ที่สร้างบ้านแปลงเมือง การฟ้อนภูไทนี้ถือว่าเป็นศิลปะเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม ประจำเผ่าของภูไทเรณูนคร ถือว่าฟ้อนภูไทเป็นการฟ้อนที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมานมัสการพระธาตุพนมในปี พ.ศ. 2498 นั้น
เพลงโคราชเป็นการแสดงพื้นบ้านของจังหวัดนครราชสีมา มีลักษณะเป็นการขับร้องโต้ตอบปฏิภาณไหวพริบกันระหว่างหมอเพลงสองฝ่าย โดยไม่มีดนตรีประกอบ. เพลงโคราชสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาจนถึงปัจจุบัน.
วงมโหรี เป็นวงดนตรีไทยประเภทหนึ่งที่มีวิวัฒนาการมาจากการผสมผสานวงดนตรีหลายชนิด โดยมีต้นกำเนิดจากการรวมวงบรรเลงพิณและวงขับไม้เข้าด้วยกัน พัฒนามาเป็นวงมโหรีเครื่องสี่, เครื่องหก, เครื่องคู่ และเครื่องใหญ่ตามลำดับ
ฟ้อนผีนางด้ง เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทยที่มีลักษณะเป็นการเข้าทรงและเสี่ยงทาย โดยมีความเชื่อว่าผีนางด้งจะลงมาประทับร่างทรงและสื่อสารกับชาวบ้านผ่านการร่ายรำและตอบคำถามต่างๆ การละเล่นนี้มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชุมชน
เดินกะโป๋" เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทยประเภทหนึ่ง ที่ผู้เล่นจะใช้กะลามะพร้าวเป็นอุปกรณ์ในการเดิน โดยนำกะลามาผูกเชือกแล้วสวมที่เท้าทั้งสองข้าง เดินให้เป็นจังหวะหรือแข่งความเร็วกัน การละเล่นนี้มีความสนุกสนานและช่วยฝึกการทรงตัว
"โค้งตีนเกวียน" หรือ "ระวงตีนเกวียน" เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน ลักษณะการเล่นคือ ผู้เล่นจะจับมือกันเป็นวงกลม แล้วหมุนไปรอบๆ คล้ายกับล้อเกวียน โดยอาจมีผู้เล่นบางส่วนนั่งยันเท้ากันเป็นรูปกากบาท หรือเครื่องหมายบวก การละเล่นนี้มักเล่นในงานเทศกาลต่างๆ เช่น บุญข้าวสาก หรือสงกรานต์
"งูกินหาง" มีสองความหมายหลักในภาษาไทย: ประการแรก คือการละเล่นพื้นบ้านของไทยที่เลียนแบบลักษณะการเคลื่อนที่ของงู โดยมีผู้เล่นเป็น "แม่งู" และ "ลูกงู" ที่เกาะเอวต่อๆ กันไป ประการที่สอง "งูกินหาง" เป็นสำนวนที่ใช้เปรียบเทียบกับสิ่งที่เกี่ยวพันกันไปเป็นทอดๆ จนหาจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดไม่ได้
"ตีนเลียน" หรือ "ล้อเลื่อน" เป็นการละเล่นพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน เป็นการละเล่นที่ใช้ไม้กระดานวงกลมที่มีรูตรงกลางและไม้ไผ่ยาวเป็นคันสำหรับดันให้ล้อเลื่อนไปข้างหน้า การเล่นจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ การควบคุมการเคลื่อนไหว และฝึกความสามัคคี