เป็นสาขาที่ได้รับความนิยมระดับต้น ๆ ของสายอาชีพ เนื่องจากมีโอกาสในการประกอบอาชีพหลังจากจบการศึกษาสูง ทุก ๆ วันนี้ แต่ละครอบครัวมีรถอย่างต่ำบ้านละ 1 คันขึ้นไป โดยส่วนใหญ่แล้วมีมากกว่า 1 คัน ซึ่งการใช้รถจะมีระยะเวลาบำรุงรักษาทุก ๆ รอบ เช่น 3 เดือนครั้ง หรือ 6 เดือนครั้ง หรือตามสภาพรถ โอกาสในความเจริญก้าวหน้าของช่างยนต์จึงมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก และสามารถประกอบส่วนตัวได้
คือ ผู้มีความรู้ความชำนาญมีทักษะในเรื่องของเครื่องยนต์กลไกต่างๆ จัดเป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาที่ชายหนุ่มหลายคนต้องการจะเข้าไปศึกษาต่อ อันเนื่องมาจากนิสัยโดยพื้นฐานของเด็กผู้ชายส่วนมาก มักจะชอบการสร้าง , การดัดแปลง โดยเฉพาะในเรื่องของเครื่องยนต์กลไกอยู่แล้วก็ตาม บวกกับ ความหลงใหลในเรื่องของรถยนต์รุ่นเท่ๆ รวมทั้งมีตลาดแรงงานรองรับค่อนข้างสูง จึงทำให้‘ช่างยนต์’ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ
อาชีพและความก้าวหน้าของช่างยนต์
สำหรับอาชีพช่างยนต์ จัดว่าเป็นสายอาชีพที่สามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย เช่น ถ้าชอบในสายข้าราชการ ก็สามารถเข้าสังกัด กรม , กอง ทางด้านซ่อมบำรุงได้เลย หรือถ้าต้องการทำงานด้านเอกชนก็สมัครงานเข้าอู่ได้เลย โดยมีตั้งแต่อู่ระดับชุมชนทั่วไป จวบจนถึงอู่หรือโรงงานระดับประเทศ แต่ถ้าใครอยากอยากทำธุรกิจด้วยตัวเอง ก็มาเปิดอู่เองทำเองได้ ถ้ามีทุนพอ บวกกับการศึกษาความรู้ด้านธุรกิจก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ถ้าคุณร่ำเรียนจนมีความรู้ความสามารถ ทั้งทางด้านทฤษฎี และการปฏิบัติ ก็นำทักษะเหล่านี้ไปพัฒนา พร้อมประยุกต์ต่ออุตสากรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมอื่นๆได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังนำไปประกอบ อาชีพส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียานยนต์ด้านต่างๆได้อีกด้วย ลักษณะการประกอบวิชาชีพ ก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งในสายงานตรงตามวิชาชีพคือตามบริษัทผลิตยานยนต์ หรือผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ โดยในประเทศไทยมีบริษัทเอกชนรองรับมากกว่า 1,500 บริษัท
เป็นผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
เป็นผู้ชอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบฝึกปฏิบัติ
เป็นผู้สนใจงานช่างยนต์ และสนใจเครื่องยนต์ต่าง ๆ
เป็นผู้มีความละเอียดรอบคอบ
เป็นผู้มีวินัยในการทำงาน
ชื่นชอบเทคโนโลยี
มีความสามารถขั้นพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์
มีความสามารถพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษ
1. ขับขี่อย่างนุ่มนวล
การขับขี่รถอย่างนุ่มนวล ทั้งการออกตัวที่ไม่กระโชกโฮกฮากและการเว้นระยะเบรกอย่างเหมาะสม ไม่เพียงช่วยรักษาความสมบูรณ์ของตัวรถให้คงอยู่ยาวนานเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย
2. ล้างรถสัปดาห์ละครั้ง
การล้างรถช่วยให้ตัวรถดูสะอาดน่าใช้ พร้อมกับชำระล้างสิ่งสกปรกที่อาจมีฤทธิ์กัดกร่อนและฝังอยู่ในร่องหลืบที่เรามองไม่เห็น ควรทำความสะอาดภายในห้องโดยสารให้สะอาดเอี่ยมด้วยเช่นกัน
พรมปูพื้นควรนำออกมาล้างและตากแดดเป็นครั้งคราวเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งหมักหมมและเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ ไม่ควรลืมลงแว็กซ์รถให้ทั่วเพื่อรักษาคุณภาพสีรถให้สวยเงางามหลายปี
3. จอดรถในร่ม
พยายามหาที่จอดรถในร่มเพื่อรักษาสีของตัวรถและปกป้องห้องโดยสารจากแสงแดดที่แผดเผาของบ้านเรา ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อาจใช้แผงกันแดดปิดบังคอนโซลไว้เพื่อป้องกันความเสียหายของวัสดุพลาสติก
4. เช็คระยะสม่ำเสมอ
ความสำคัญของการเข้าเช็คระยะตามกำหนด คือการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตรวจสอบชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ซึ่งมีความจำเป็นทั้งกับรถใหม่และรถมือสอง ช่วยยืดอายุการใช้งานตัวรถและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
5. ดูแลยางรถยนต์
ตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอโดยเติมลมยางตามคู่มือรถอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งไม่เพียงจะให้ความปลอดภัยในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันด้วย
6. ล้างห้องเครื่องยนต์
ล้างห้องเครื่องยนต์อย่างน้อยปีละครั้ง เพราะเครื่องยนต์ที่สะอาดจะมีอุณหภูมิการทำงานที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ที่สกปรก
นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถตรวจสอบได้ง่ายว่ามีชิ้นส่วนใดเสียหายบ้าง โดยอาจทำความสะอาดด้วยตนเองก็ได้แต่ควรระมัดระวังชิ้นส่วนสำคัญอย่างกรองอากาศ สายไฟและชิ้นส่วนที่เกี่ยวกับระบบอิเลกทรอนิก
7. เปลี่ยนหัวเทียน
หลายค่ายรถแนะนำให้เปลี่ยนหัวเทียนทุก 50,000 กม. ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะเครื่องยนต์
8. ดูแลรักษาแบตเตอรี่
ถึงแม้แบตเตอรี่ในรถของคุณจะเป็นแบบ maintenance free หรือไม่จำเป็นต้องดูแลรักษา แต่ก็ควรตรวจสอบสภาพตัวแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยควรทำความสะอาดให้ใหม่อยู่ตลอดเวลาและตรวจดูว่ามีความเสียหายใดๆ หรือไม่
ที่มา https://www.autospinn.com/2015/05/8-tips-maintanance-for-cars