9 เคล็ดลับนักเขียนมือใหม่
เคล็ดลับ นักเขียนมือใหม่ สร้างรายได้จาก Ebook ภายใน 1 เดือน
# 9 เคล็ดลับนี้ ได้รวบรวมมาจากหลายๆ ท่านที่เป็นนักเขียนแบบปันให้ความรู้สำหรับนักเขียนมือใหม่ ขอให้น้องหรือมือใหม่ทุกท่านนำไปเป็นแนวทาง สร้างราายได้ในยุคนี้ นำไปใช้กับงานเขียนมือใหม่่ แนวคิดนี้ต้องขอบคุณรุ่นพี่นักเขียนต่างๆ ที่แบ่งปันไว้ ผู้เขียนเองก็นำมาจากรุ่นพี่ต่างๆ ที่แบ่งปันให้เพื่อช่วยเหลือนักเขียนมือใหม่ทุกคน
เคล็ดลับนี้สามารถนำไปดัดแปลงใช้กับงานออนไลน์ได้ด้วยคะ เพราะผู้เขียนนำไปสร้างเปิดคอร์สสอนออนไลน์ ทำเงินหลัก 6 ถึงหลัก 7 ภายใน 6 เดือน ไม่จำเป็นเฉพาะตลาด Ebook ใน Amazon อย่างเดียว ขายได้กับทุกตลาด
#ขั้นที่ 1 คำว่า keyword หนังสือของคุณต้องมีคำนี้ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้คน ค้นหาได้ง่ายเร็ว
หมายถึง ว่าพวกเราในฐานะนักเขียนต้องหา keyword ให้เหมาะสมกับหนังสือของเรา keyword ตัวไหนที่คนชอบให้คนจดจำและค้นหาง่าย search ชอบหา เป็น Top search เราควรบรรจุคำเหล่านี้ไว้ใน คำโปรย ปกหน้า ปกหลัง หรือที่อื่นๆ ในหนังสือของเราด้วย เพื่อให้เวลาลูกค้าหา keyword พวกนี้จะได้หาเจอง่าย ค้นหาง่าย หนังสือเราจะขายดี ติดชื่อหนังสือของเราไปด้วย
Keyword ที่ดีไม่ควรเป็นคำธรรมดาเกินไป ควรมีหลายคำ ที่มันสอดคล้องกับหนังสือของเรา ยกตัวอย่าง เช่น คำว่า รัก หรือ Love เพราะใครๆ ก็หา คำนี้กันเยอะแยะ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเราล่ะ อาจเป็นหน้าที่ 1,890 ดังนั้นควรจะมีคำอื่น รวมด้วยในการค้นหา คำที่คนหาเยอะ แต่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงลงไป เช่น love story หรือ love home & kitchen เป็นต้น
#ขั้นที่ 2 หัวข้อหนังสือ หรือ ชื่อหนังสือต้องโดน เรียกคนเข้ามาอ่าน หรือ หัวชื่อเรื่องดึงดูด เรียกคนอ่าน หรือ ล่อให้คนเข้ามาสนใจเนื้อหาหนังสือของเรา
#สูตรลับจากรุ่นพี่ส่งต่อๆ กัน 5 กฎ ขายครั้งแรกก็จับเงินได้เร็วง่ายๆ
1. เนื้อหาสั้น จำง่าย มีจังหวะของคำ
(คงไม่มีใครจำชื่อหนังสือยาว เป็นวาได้ สังเกตดู ชื่อหนังสือ ชื่อยี่ห้อสินค้า ส่วนใหญ่มักกระชับ สั้น 3-4 พยางค์แค่นั้น บางทีคล้องจองกันด้วย)
2. ภาษาอ่านง่าย ไม่ต้องใช้ภาษาที่สับซ้อนถ้อยคำยาก และยาวเกินไป (ถ้ายากเกิน อ่านแค่ ชื่อปกก็ท้อล่ะ ขี้เกียจอ่าน แล้วใครจะซื้อ)
3. ชื่อและหัวข้อเรื่อง จะต้องสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย (เช่น ขายหนังสือลดน้ำหนัก คำอะไรที่คนลดน้ำหนักอยากเห็น หรือขายหนังสือทำกับข้าว ก็ไม่ควรจะพูดถึงความอ้วน—เกิดเค้ากลัวขึ้นมาแล้วใครจะซื้อ)
4. อ่านแล้วรู้ว่าหนังสือเล่มนี้ พูดถึงเรื่องอะไรภายใน 3 วินาที
(ไม่ใช่อ่านจบแล้วยัง งง นี่หนังสืออะไรอ่ะ)
5. บอกสิ่งที่ผู้อ่านจะได้รับเมื่ออ่านจบแล้ว หรืออ่านแล้วจะรู้เรื่องอะไรบ้าง (เช่น บอกว่าจะผอม บอกว่าจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม บอกว่าจะพัฒนาสมองซีกซ้าย บอกว่าจะรู้ว่าไปเที่ยวเมืองไทยแล้วสนุกยังไง ฯลฯ)
#ขั้นที่ 3 คำโปรย (subtitle) ปกหนังสือ ต้องโดน ขยายความหมายที่ชัดเจน
ต้องมีคุณสมบัติคล้ายๆ กับปกหนังสือค่ะ อย่างน้อยต้องส่งเสริมกัน ไม่ใช่ไปคนละทาง สมมติว่าชื่อหนังสือบอกว่า “ออกกำลังกายทุกวันแล้วจะสวย” คำโปรยปกก็ควรจะประมาณว่า “เทคนิคสร้างการออกกำลังกายให้เป็นนิสัย ถึงแม้ว่าเราจะโคตรขี้เกียจก็ตาม”
#ขั้นที่ 4 รูปปกต้องเด่น ดึงดูด ชัดเจน คือ ข้อความใหญ่ ชัด ถูกใจคน ตรงจุดลูกค้าเป้าหมาย เห็นแล้วต้องอย่างเปิดข้างหน้า
เพราะเมื่อเวลาเรา นำหนังสือไปวางขาย ไม่ว่าจะเป็น Ebook หรือหนังสือเล่ม เราจะต้องเจอคู่แข่งจำนวนมากมหาศาล มโหฬาร รูปปกที่ดี ดึงดูดเหมือน ใบหน้าที่สวยงาม ใครๆ ก็ชอบ เหมือนรักเริ่มแรก เห็นครั้งแรกตกหลุมรัก ต้องเห็นแวบเดียวแล้วรู้เลยว่านี้คือใช่ ไม่งั้นลูกค้าอาจผ่านไปเลือกตัวเลือกอื่นๆ ก็ได้
#สิ่งสำคัญได้แก่ ตัวหนังสือต้องอ่านง่าย และขนาดใหญ่พอที่จะอ่านออก ตัวหนังสือไม่จมไปกับ background และ background อย่ามีเนื้อหามากและยากเกิน จนเหมือนประหนึ่งว่าใครอ่านออกสามารถไปขูดเลขแทงหวยได้
#ขั้นที่ 5 หมวดหมู่ต้องถูก
ปกติเวลาหนังสือเอาไปขายตามร้าน จะต้องมีพนักงานร้านมาจัดหนังสือลงเป็นหมวดๆ ให้ลูกค้าหาเจอใช่ไหมคะ แต่เพราะว่านี่เป็น Ebook เราจำเป็นต้องลงหมวดหมู่เองค่ะ การจัดหมวดนี่สำคัญมากกกกกก (กอไก่ล้านตัว) หลายคนไม่ตั้งใจทำให้ดี กลับมาตกม้าตายตอนจัดหมวดซะงั้น
คิดง่ายๆ จัดหมวดผิดลูกค้าหาไม่เจอ หนังสือดียังไงแต่คนซื้อหาไม่เจอก็จบห่านค่ะ ประหนึ่งว่าหนังสือเราขายวิธีการ DIY จัดสวนแต่เอาไปไว้หมวดวรรณกรรมเยาวชนแฮรี่ พอตเตอร์ยังไงยังงั้น (คนอ่านแฮรี่คงมีน้อยคนที่คิดอยากจัดสวนหลังบ้านอ่ะ)
#ขั้นที่ 6 รายละเอียดหนังสือต้องเยี่ยม
หนังสือทั่วไปจะมีปกหลัง หรือคำนิยมข้างหน้าสรุปสั้นๆ ว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร Ebook ก็เหมือนกันค่ะ จะมีช่องเรียกว่า description ให้เขียนบรรยายหนังสือตัวเอง พูดง่ายๆ description คือใบปิดโฆษณาอย่างย่อของหนังสือนั่นเองค่ะ
#วิธีการ คือ เขียนให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย (ถึงแม้ว่าหนังสือคุณจะเป็นหนังสือเฉพาะทางมากกๆๆ แต่พยายามเขียนให้อ่านง่ายเข้าไว้ เค้าจะได้ตัดสินใจซื้อได้ง่าย) บอกคนอ่านว่าจะได้อะไร และอย่าลืม (ถ้ามีโอกาส) แทรก keywords ไว้บ้าง (ตามแผนบันไดขั้นที่ 1 )
#ขั้นที่ 7 หาคนมาเชียร์ของ หรือ รีวิว
สำหรับ Ebook ใน Amazon จะมีช่องให้ customer review ค่ะ เค้าแนะนำว่าเราสามารถให้เพื่อน ญาติ คนรู้จักมาช่วยเขียนรีวิวในหน้านี้ได้ วิธีนี้จะช่วยสร้าง traffic ของหนังสือเราให้มากขึ้น จนส่งผลให้ผ่านสายตาลูกค้าตัวจริงในที่สุด
#ขั้นที่ 8 อย่าลืมโปรโมทหนังสือตัวเอง ทุกช่องทาง
ในร้านหนังสือทั่วไป บางทีเราจะเห็นซุ้มโปรโมทหนังสือเล่มนู้นนี้ ติดป้าย “แนะนำ” ติดป้าย “ออกใหม่” และติดป้าย “ขายดี” ฯลฯ เหล่านี้เป็นวิธีโปรโมทหนังสือในร้านหนังสือค่ะ
ใน Amazon ก็มี วิธีโปรโมทหนังสือแบบนี้เหมือนกัน แต่คนเขียนต้องเข้าไปทำเองเพราะเป็น self-publishing 100% วิธีที่ว่าได้แก่ แจกให้โหลดฟรีในระยะเวลาที่กำหนด ลดราคาภายในวันเวลาที่กำหนด ให้คนอื่นเป็นของขวัญ ทำโฆษณาแบบเสียตังค์ (คล้ายๆ facebook ad) ฯลฯ ขึ้นอยู่กับงบของนักเขียนและวิธีการค่ะ
#ขั้นสุดท้าย ขั้นที่ 9 ใช้ social media ช่วยกระตุ้นยอด
#หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนอ่านนะคะ หากสนใจเรื่องอื่นๆ จขกท.มาลงเพิ่มอีกค่ะ^^
ขอบคุณคะ
Ami Lawyer