วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เวลา 10.00 น. นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ และภาคีเครือข่ายรวม 17 หน่วยงาน ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) การกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness) ของประเทศไทย ณ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรุงเทพฯ
พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์ธนวัฒน์ พันธุ์สนิท ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือด้านการปศุสัตว์ระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ผู้แทนกองสารวัตรและกักกัน ผู้แทนองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กรมการสัตว์ทหารบก หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาม้าแข่งไทย สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย นายกสัตวแพทยสภา ประธานภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย สมาคมสัตวแพทย์สวนสัตว์และสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย มูลนิธิม้าไทย และชมรมสัตวแพทย์บำบัดโรคม้า
การลงนามใน MOU เพื่อเป็นการยืนยันความร่วมมือและบูรณาการระหว่างหน่วยงานในการสนับสนุนกิจกรรมดำเนินการมาตรการควบคุม
และกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าให้หมดไปจากประเทศไทย ทั้งด้านการสร้างความตระหนักในการร่วมมือด้านนโยบายและการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในด้านทรัพยากร บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และด้านงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการรับรองเป็นประเทศที่ปลอดจากโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าจาก OIE ภายในปี 2565 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินการตามเป้าหมายให้สำเร็จคือ ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership ดังนั้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของความร่วมมือ PPP กรมปศุสัตว์จึงได้จัดพิธีลงนามร่วมกันในเอกสารบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ขึ้น เพื่อเป็นการยืนยันความร่วมมือกันของภาคีเครือข่ายแต่ละภาคส่วนจะปฏิบัติตามกรอบเวลา 3 ระยะคือ ระยะเผชิญเหตุ ระยะเฝ้าระวังและป้องกันการอุบัติซ้ำ และระยะขอคืนสภาพปลอดโรค AHS ของประเทศไทยจาก OIE และร่วมบูรณาการความรับผิดชอบตามเงื่อนไขที่กำหนดในหนังสือฉบับนี้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ทั้งในด้านนโยบายและการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารและการประชาสัมพันธ์ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลประชากรม้า การขึ้นทะเบียน และความร่วมมือด้านวิชาการองค์ความรู้ในการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เพื่อยืนยันความร่วมมือที่ได้รับจากทุกภาคส่วนจะดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรมที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถกำจัดโรคนี้ให้หมดไปจากประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยได้รับการรับรองให้เป็นประเทศที่ปลอดจากโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าจาก OIE ภายในปี 2565 ได้ตามเป้าหมายต่อไป
อธิบดีกรมปศุสัตว์ให้สัมภาษณ์เรื่อง โรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เพิ่มมาตรการเข้มคุมโรค "นำม้าลายเข้ามุ้ง" ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ที่ประกาศเพิ่มกำหนดให้ม้าลายเป็นสัตว์ชนิดอื่น ตามพรบ.โรคระบาดสัตว์ 2558 (ฉบับที่ 3) มีผลตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2563
ขั้นตอนการนำเข้ามีการทำงานร่วมกัน 3 หน่วยงาน คือ กรมปศุสัตว์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมศุลกากร การนำเข้าสัตว์ต้องทำตามมาตรการและเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กำหนด มีการตรวจสุขภาพสัตว์เบื้องต้น ตรวจเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certificate) และมีการตรวจเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ เฉพาะสัตว์ที่ปกติและตรงตามเงื่อนไขเท่านั้นสามารถนำเข้าได้ กรณีที่ผิดปกติ/ไม่ตรงตามเงื่อนไข จะส่งกลับหรือทำลาย ซึ่งจากการรายงาน "ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2563 ยังไม่มีรายงานการนำเข้าม้าลาย" และจากการรายงานพบว่า "สัตว์ที่ผ่านการนำเข้าตามขั้นตอนและมาตรการของกรมปศุสัตว์ ยังไม่มีรายงานการเกิดโรคในสัตว์ที่กำหนดตาม พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558"
แนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันโรค AHS ในม้าลาย กรมปศุสัตว์มีมาตรการสำหรับการป้องกันโรค ดังนี้
1. คอกพักสัตว์ต้องติดตั้งมุ้งหรือตาข่ายสำหรับกันแมลง ที่มีขนาดความถี่ 32 ตา เป็นอย่างน้อย ทำการฝึกสัตว์ให้คุ้นชินต่อการกักตัวในคอกพัก และให้นำม้าลายเข้าพักในคอกที่มีมุ้งตาข่ายในเวลากลางคืน ทำความสะอาดคอกและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทำลายเศษอาหารหรือกองมูลบริเวณที่เลี้ยงสัตว์ และพ่นน้ำยากำจัดแมลงบริเวณคอกพักสัตว์รวมถึงมุ้งตาข่าย ทุกๆ 7-14 วัน
2. ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงพาหะ และแมลงบินต่างๆ ด้วยการฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลง ที่ปลอดภัยต่อม้าลาย หรือพ่นยาฆ่าแมลงชนิดพ่นควัน
3. พ่นยาฆ่าแมลงที่ตัวม้าลายด้วยยาในกลุ่มที่มีความปลอดภัยต่อตัวสัตว์ เช่น ยาในกลุ่ม Etofenprox หรือสารสกัดจากธรรมชาติ
กรมปศุสัตว์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่เลี้ยงม้าลายทุกรายให้ดำเนินการตามข้อกำหนด ซึ่งได้ดำเนินการนำม้าลายเข้ามุ้งเรียบร้อยแล้ว 2 แห่ง คือ สวนสัตว์นครราชสีมา และสวนสัตว์เขาเขียวสงขลา ในองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะมีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตาม ถ้าไม่ทำตามมาตรการจะมีบทกำหนดลงโทษตาม พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการ OIE ประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกไกล และโอเชียเนีย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 เพื่อเป็นความมั่นคงของวัคซีนลดการแพร่กระจายของโรค หากมีการเกิดในประเทศเพื่อนบ้าน อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้เสนอให้มี Vaccine bank แบบชั่วคราวในภูมิภาคนี้ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการแล้ว ซึ่งจะพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
ณ ห้องประชุมซุ้มเรือนแก้ว ชั้นล่างตึกอำนวยการ กรมปศุสัตว์ พญาไท
“ กรมปศุสัตว์พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ-เอกชน ร่วมหารือการจัดทำ MOU เร่งคืนสถานะปลอดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าโดยทำ Public Private Partnerships (PPP) ”
นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานการประชุม หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ-เอกชน สร้างความร่วมมือคืนสถานะปลอดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า(AHS) ผ่านการทำ Public Private Partnerships (PPP) ในรูปแบบ MOU ตามข้อแนะนำองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) รวมทั้งเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการและมาตรการควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าให้ตรงกันทุกหน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย คุณนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ ผู้แทนกรมการสัตว์ทหารบก พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือด้านการปศุสัตว์ระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพิรุณ ชั้น 1 ตึกอำนวยการ กรมปศุสัตว์ พญาไท
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้สัมภาษณ์สารคดีเชิงข่าว “รายการสารตั้งต้น” ช่อง PPTV HD 36 ในประเด็นสถานการณ์ และความคืบหน้าและผลการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า
เนื่องจากสถานการณ์การเกิดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (AHS) ในประเทศไทย ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อวงการเลี้ยงม้าในประเทศไทยอย่างมาก โดยเป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ยังไม่เคยมีรายงานการเกิดโรคในประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวให้เร็วที่สุด กรมปศุสัตว์รับแจ้งครั้งแรกวันที่ 25 มีนาคม 2563 และได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคมหาวิทยาลัย สมาคมฯ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น สามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงพื้นที่จำกัด ไม่มีรายงานม้าตายต่อเนื่องติดต่อกันประมาณ 10 วันแล้ว สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความร่วมมือจากผู้เลี้ยงม้า ที่ให้ความร่วมมือในการนำม้าเข้ามุ้ง กำจัดแมลงพาหะ และไม่ทำการเคลื่อนย้าย เพื่อจะได้เข้าสู่สถานการณ์ปกติได้โดยเร็ว
กรมปศุสัตว์มีเป้าหมายควบคุมโรคและขอคืนสภาพปลอดโรคจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) โดยเร็วที่สุด ได้ทำแผนปฏิบัติการกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เพื่อคืนสภาพปลอดโรคของประเทศไทย ประกอบด้วย 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 คือระยะเผชิญเหตุ (กำลังอยู่ในระยะนี้) ระยะที่ 2 คือการเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดโรคอุบัติซ้ำ และระยะที่ 3 คือการขอคืนสภาพปลอดโรคจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) มีแผนเป้าหมายการฉีดวัคซีนในพื้นที่รอบจุดเกิดโรคในรัศมี 50 กิโลเมตร และในพื้นที่เสี่ยงสูงที่วิเคราะห์จากหลักระบาดวิทยา รวมใน 19 จังหวัด เป้าหมายในม้าจำนวน 7,999 ตัว ดำเนินการฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 6,641 ตัว (คิดเป็น 83.66%) (ข้อมูลวันที่ 4 มิถุนายน 2563) และได้แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง รวม 6 คณะ ครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย วิชาการ การใช้วัคซีน การสอบสวนโรคและการเฝ้าระวัง การลงพื้นที่ภาคสนาม และศึกษาด้านแมลงพาหะ เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ จากความร่วมมือกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน สมาคมและผู้เลี้ยงม้า นักวิชาการ และภาคมหาวิทยาลัย ซึ่งในทางปฏิบัติได้ดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในทิศทางและรูปแบบเดียวกัน มีความเข้าใจที่ตรงกัน จะมีการทำความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน Public Private Partnerships (PPP) อย่างเป็นทางการเป็นลายลักษณ์อักษร ในรูปแบบข้อตกลงร่วมกัน (MOU) โดยมีเป้าหมายหลัก 3 เป้าหมาย คือ 1. การขอคืนสถานะปลอดโรคจาก OIE 2. การกำจัดโรค AHS ให้หมดจากประเทศไทย และ 3. การวางมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมโรค มีขอบข่ายความร่วมมือในการรายงานแจ้งสถานการณ์โรคให้ OIE การควบคุมโรค (ควบคุมการเคลื่อนย้าย การทำวัคซีน และการเฝ้าระวัง) และการวางนโยบายและมาตรการในการนำเข้า-ส่งออก และการอำนวยความสะดวกและประสานงานร่วมมือกันในด้านต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากโรค AHS และวงการเลี้ยงม้ากลับสู่สถานการณ์ปกติได้โดยเร็วที่สุด
เนื่องจากสถานการณ์การเกิดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (AHS) ในประเทศไทย มีแนวโน้มดีขึ้น สามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงพื้นที่จำกัด กรมปศุสัตว์ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคมหาวิทยาลัย สมาคมฯ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความร่วมมือจากผู้เลี้ยงม้า
กรมปศุสัตว์มีเป้าหมายควบคุมโรคและขอคืนสภาพปลอดโรคจาก OIE โดยเร็วที่สุด เพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งมีแผนปฏิบัติการกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เพื่อคืนสภาพปลอดโรคของประเทศไทย ประกอบด้วย 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 คือระยะเผชิญเหตุ (กำลังอยู่ในระยะนี้) ระยะที่ 2 คือการเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดโรคอุบัติซ้ำ และระยะที่ 3 คือการขอคืนสภาพปลอดโรคจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) มีแผนเป้าหมายการฉีดวัคซีนในพื้นที่รอบจุดเกิดโรคในรัศมี 50 กิโลเมตร และในพื้นที่เสี่ยงสูงที่วิเคราะห์จากหลักระบาดวิทยา รวมใน 19 จังหวัด เป้าหมายในม้าจำนวน 7,999 ตัว ดำเนินการฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 6,500 ตัว (คิดเป็น 81.26%) (ข้อมูลวันที่ 3 มิถุนายน 2563) ซึ่งขอความร่วมมือผู้เลี้ยงม้าให้ทำตามมาตราการและข้อกำหนดก่อนและหลังการทำวัคซีนในม้าอย่างเคร่งครัด
องค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) ได้ให้คำแนะนำให้ประเทศไทยทำ Public Private Partnerships (PPP) อย่างเป็นทางการเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นหลักฐานและคู่มือในการดำเนินการเพื่อประกอบการขอสภาพปลอดโรค ซึ่งในทางปฏิบัติกรมปศุสัตว์ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนอยู่แล้ว จึงเห็นควรทำ PPP ในรูปแบบบันทึกข้อตกลงร่วมกัน MOU ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมฯ ภาคมหาวิทยาลัย และนักวิชาการต่างๆ โดยจะมีการพิจารณากำหนดขอบเขตความร่วมมือ รูปแบบความร่วมมือ และหน่วยงานที่ร่วมข้อกำหนดต่อไป นอกจากนี้ เพื่อเป็นความมั่นคงด้านวัคซีนและการป้องกันและควบคุมโรค AHS ในระดับภูมิภาคของอาเซียน มีการตั้ง OIE Sub-Regional Representation for South-East Asia ที่ประเทศไทย อธิบดีกรมปศุสัตว์ในฐานะ OIE Delegate of Thailand จะเสนอประเด็นให้พิจารณามี Vaccine Bank ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ ทางระบบ conference กำหนดในวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เพื่อความมั่นคงทางวัคซีนและสำรองวัคซีนไว้ใช้ในประเทศเพื่อนบ้านสำหรับภูมิภาคนี้ด้วย
กรมปศุสัตว์เน้นย้ำแนวทางและมาตรการในการดูแลม้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน AHS และซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจภูมิคุ้มกันภายหลังฉีดวัคซีน
เริ่มฉีดวัคซีนAfrican Horse Sickness รอบที่ 2
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้สัมภาษณ์ ข่าว3มิติ ช่อง 3
เรื่อง สถานการณ์การระบาดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า
พร้อมด้ว นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ และนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล เข้าร่วมให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ สรุปประเด็นสัมภาษณ์ดังนี้
1. การนำเข้าม้าลายเเละสัตว์ที่เสี่ยงต่อการนำพาโรคเข้ามาในไทย ในห้วง 1-2 ปี ก่อนหน้า หรือ ช่วงปลายปี 62 ถึงต้นปี 63 มีของบริษัทใดบ้าง
2. ขั้นตอนนำเข้า ผ่านกระบวนการกักกันโรค อย่างไรหรือไม่
3. วิเคราะห์สาเหตุ กาฬโรคม้า
4. ความคืบหน้าการสืบหาต้นตอของโรค
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เชิญเกษตรกรผู้เลี้ยงม้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเข้าร่วมหารือเพื่อชี้แนะแนวทางการป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า
พร้อมด้วยอาจารย์จากภาคมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในม้า สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคในสัตว์ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ช่อง 3 นำไปออกอากาศรายการเรื่องเด่นเย็นนี้
โดยมีประเด็นสัมภาษณ์เกี่ยวการตายของม้าอย่างต่อเนื่อง การดูแลม้าและระยะเวลาสร้างภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีน มาตรการช่วยเหลือเยียวยาเจ้าของม้าที่ตาย การเอาผิดผู้ที่นำเข้าสัตว์จากต่างประเทศแล้วสร้างความเสียหายเกิดโรค และคำแนะนำในการดูแลม้าสำหรับเจ้าของม้าในแต่ละฟาร์มเพื่อป้องกันโรค ณ ห้องซุ้มเรือนแก้วตึกอำนวยการ กรมปศุสัตว์ พญาไท
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ครั้งที่ 1/2563
พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคลรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สมาคมผู้เลี้ยงม้าแห่งประเทศไทย สมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย สโมสรขี่ม้า กลุ่มผู้เลี้ยงม้า องค์การสวนสัตว์ หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ กรมการสัตว์ทหารบก กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ สัตวแพทย์สภา สัตวแพทย์สมาคม สมาคมสัตวแพทย์โลก อาจารย์จากภาคมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในม้า สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคในสัตว์ กองสารวัตรและกักกัน สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กองความร่วมมือด้านการปศุสัตว์ระหว่างประเทศ สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ สำนักกฎหมาย กองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วัคซีน African Horse Sickness (serotype 1,3,4) ที่กรมปศุสัตว์จัดซื้อจากประเทศแอฟริกาใต้ จำนวน 4,000 โด๊ส ถึงประเทศไทย
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธานการประชุม web conference
เรื่องติดตามความก้าวหน้าในการป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness) เข้ามาระบาดในกรุงเทพมหานครร่วมกับ ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ ผู้อำนวยการกองสารวัตรและกักกัน ผู้อำนวยการกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ ปศุสัตว์เขต 1 ปศุสัตว์พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปศุสัตว์จังหวัดในเขตปริมณฑลได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธานการประชุม web conference
เรื่องความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness) ร่วมกับ ผอ.สคบ. ผอ.กสก. ปศุสัตว์เขต และปศุสัตว์จังหวัด ทั่วประเทศ โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานการพบจุดเกิดโรคใหม่ การดำเนินการควบคุมโรคในพื้นที่ที่พบการเกิดโรคใหม่ และพื้นที่ข้างเคียง และรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของจังหวัด ปัญหา และอุปสรรคในการดำเนินงาน
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ประชุมปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์เขต และห้องปฏิบัติการกรมปศุสัตว์
เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์โรค AHSและรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานควบคุมโรค AHS ในพื้นที่ 8 จังหวัด (นครราชสีมา/ชัยภูมิ/ชลบุรี/สระแก้ว/ราชบุรี/เพชรบุรี/ประจวบคีรีขันธ์/สระบุรี) รวมถึงพิจารณาปัญหา อุปสรรค แนวทางการแก้ไข และข้อเสนอแนะในการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค AHS
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ประชุมร่วมหารือหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ และกรมการสัตว์ทหารบก เพื่อภารกิจสวนสนามราชวัลลภ ของทหารรักษาพระองค์
พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ พันเอก สมพงษ์ สุขประดิษฐ์ ผู้บัญชาการหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ พันเอกสมรรถชัย ณ พัทลุง กรมการสัตว์ทหารบก พันโท ศันสนะ เพ็ชร์สุข ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์และคณะ ผู้อำนวยการสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ผู้อำนวยการกองสารวัตรและกักกัน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วย นายริชาร์ด ฮัมเป
รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์สายงานการตลาด บริษัทเพอร์เฟค
คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม ในฐานะนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย และนายนารา เกตุสิงค์ เลขาธิการสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว มาตรการคุมเข้มโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness : ASH) และการนำเข้าวัคซีนควบคุมโรค
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานประชุมหารือเกี่ยวกับแผนการปฏิบัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคกาฬแอฟริกาในม้า (AHS)
โดยที่ประชุมได้รับทราบมาตรการข้อกำหนดเงื่อนไขการฉีดวัคซีนและเน้นย้ำให้ปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับผู้เลี้ยงม้าในพื้นที่เป้าหมายที่จะฉีดวัคซีน ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และความเข้าใจการใช้วัคซีนป้องกัน AHSให้คำแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนและหลังการฉีดวัคซีน และข้อปฏิบัติภายหลังการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามมาตรการข้อกำหนดเงื่อนไขการฉีดวัคซีน รวมไปถึงการเบิกจ่ายวัคซีนสำหรับสัตว์ในพื้นที่และกำชับให้ปศุสัตว์จังหวัดกำกับดูแลการใช้วัคซีน ไม่ให้เกิดการรั่วไหลไปฉีดในสัตว์นอกพื้นที่เป้าหมายตามแผนฯอย่างเคร่งครัด
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้สั่งการให้สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์และปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรีร่วมกับสัตวแพทย์สถานเสาวภา ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าแห่งแรกของประเทศไทย
ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าแห่งแรกของประเทศไทยที่สถานีเพาะเลี้ยงม้าและสัตว์ทดลอง สถานเสาวภา สภากาชาดไทย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 560 ตัว เนื่องจากเป็นสถานที่ทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ตลอดจนการดูแลม้าภายหลังการฉีดวัคซีนเป็นไปตามมาตรการหลักเกณฑ์การใช้วัคซีนป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าของกรมปศุสัตว์
อธิบดีกรมปศุสัตว์ อนุมัติแผนปฏิบัติการกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness) เพื่อคืนสถานภาพปลอดโรคจากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธานการประชุมกับคณะกรรมการพิจารณาการใช้วัคซีนกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness)
พร้อมด้วย ศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ ส่งเสริม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผอ.สกม. ผอ.กองคลัง ผอ.กรป. ผอ.สทช. ผู้แทนจาก สคบ. และ กสก. เพื่อพิจารณา แผนการควบคุมโรค กาฬโรคแอฟริกาในม้า และหลักเกณฑ์ ขั้นตอน ข้อกำหนดการใช้วัคซีนกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า
วัคซีนบริจาค African Horse Sickness Vacccine Polyvalent(serotype1,3,4) จำนวน 4,000 โด๊สจากแอฟริกาใต้ ถึงประเทศไทย และนำไปเก็บที่ ห้องควบคุมอุณหภูมิของ สทช.
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานการประชุม แผนปฏิบัติการกำจัดโรค “กาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness AHS)”
เพื่อคืนสภาพปลอดโรคจากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศของประเทศไทย
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหากาฬโรคแอฟริกาในม้า
สั่งการให้ปศุสัตว์เขต ปศุสัตว์จังหวัดเข้มงวดเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายไปพื้นที่อื่น โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่กระจายมายังกรุงเทพและปริมณทล
อธิบดีกรมปศุสัตว์แถลงสถานการณ์ความก้าวหน้ามาตรการป้องกันโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness : ASH)
กรมปศุสัตว์ ประชุมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบหมายให้สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ ประชุมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกา
ในม้า (African Horse Sickness) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของ สคบ. สสช. กสก. , อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , เจ้าหน้าที่หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ , ตัวแทนภาคเอกชนสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยเพื่อประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ แนวโน้มของโรค รวมทั้งการพิจารณาแนวทาง/มาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เดินทางมาตรวจติดตามสถานการณ์ของโรค
กาฬโรคแอฟริกาในม้า พบว่า
-อัตราการป่วยและตายของม้าลดลง
-ผู้เลี้ยงจัดทำมุ้งกันแมลงในฟาร์มม้าเกือบ100%
-มีการใช้ยาพ่นไล่แมลงร่วมกับการใช้น้ำส้มควันไม้ไล่แมลงทุกฟาร์ม
-มีการตั้งจุดตรวจสัตว์5จุดพร้อมกับการขอความร่วมมือผู้เลี้ยงม้าห้ามการเคลื่อนย้ายม้าเข้าออกโดยเด็ดขาดซึ่งไม่มีการเคลื่อนย้ายม้าเข้าและออกแต่อย่างใด
-ทุกฟาร์มหากมีม้าตายจะฝังโดยทันที
-ทุกฟาร์มหลีกเลี่ยงการใช้แหล่งน้ำร่วมกัน
อธิบดีกรมปศุสัตว์ ประชุม Video Conference บูรณาการหน่วยงานภาคีเครือข่ายหารือแนวทางการควบคุมโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า
1.กำหนดมาตรการในการควบคุมโรค
2.ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและควบคุมโรค
3.สำรวจข้อมูลประชากรม้าและสถานที่เลี้ยงม้า
4.ข้อมูลการนำเข้า ม้า ลา ล่อ อูฐ ม้าลาย
5.การทำบันทึกสั่งกัก
6.เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ
7.รายงานในระบบE-Smart surveillance
8.ประกาศเขตเฝ้าระวังโรคตาม พ.ร.บ โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
อธิบดีกรมปศุสัตว์ Video Conference สั่งการเฝ้าระวังโรคม้า ทั่วประเทศ
1.ตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคในพื้นที่
2.สั่งกักสัตว์ป่วยทุกตัว
3.ตั้งด่านควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์
4.ระงับการเคลื่อนย้ายเข้า-ออกพื้นที่เกิดโรค
5.ให้คำแนะนำในการป้องกันโรค
6.เน้นย้ำให้เจ้าของม้าสังเกตอาการม้าอย่างใกล้ชิด
อธิบดีกรมปศุสัตว์ มอบ รอธ.ชัยวัฒน์ โยธคล ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ
ควบคุมโรคม้า จังหวัดนครราชสีมา
1.ติดตามสถานการณ์โรค AHS ในพื้นที่เกิดโรค
2.ด่านกักกันสัตว์ตั้งจุดตรวจควบคุมเคลื่อนย้าย
3.ประสานฝ่ายปกครอง ตำรวจ เข้มงวดตรวจสอบการควบคุม เคลื่อนย้าย
4.ประสานเจ้าของสวนสัตว์ ฟาร์ม/คอกม้า เฝ้าระวังโรค
5.ประชาสัมพันธ์ความรู้และมาตรการกรมปศุสัตว์
อธิบดีกรมปศุสัตว์แถลงข่าวพบโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าครั้งแรกในประเทศไทย
1.สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติรายงานผลตรวจพบโรค AHS
ครั้งแรกในประเทศไทย
2.ประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ชั่วคราวตามพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
3.ตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคม้าในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
4.สั่งกักม้าป่วยทุกคอก/ฟาร์ม
5.ตั้งด่านควบคุมการเคลื่อนย้าย/ห้ามเคลื่อนย้ายเข้า-ออกพื้นที่
รัศมี 150 กม.รอบจุดเกิดโรค
6.ประสานสมาคมและเครือข่ายผู้เลี้ยงม้า ให้แจ้งโรค เตือนภัย และเฝ้าระวังโรค
7.แจ้งปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศให้เข้มงวดเฝ้าระวังโรคและชะลอการเคลื่อนย้าย
8.รายงานการพบโรคไปยัง OIE (WAHIS Alert)
ชุดปฏิบัติการสอบสวนโรคและควบคุมโรคกรมปศุสัตว์ลงพื้นที่อำเภอปากช่อง โดยทำการสอบสวนโรค เก็บตัวอย่างส่งตรวจ และสรุปผลการสอบสวนโรคเบื้องต้น