เดิมชื่อวัดใดไม่ปรากฏชัดเจนชาวบ้านเมืองนครชุมเรียกตามภูมินามที่พบเห็นเ ช่น เห็นเจดีย์อยู่กลางทุ่ง ก็เรียกวัดเจดีย์กลางทุ่ง อยู่ในบริเวณนาของยายช่วย ก็เรียกว่า วัดหนองยายช่วย วัดหม่องกาเล เช่นเดียวกัน สันนิษฐานว่า บริเวณที่ค้นพบวัด อยู่ในที่จับจอง ของชาวพม่า ที่ชื่อหม่องกาเล ซึ่งสืบหาลูกหลานของท่านไม่ได้ รู้แต่ว่าหลังจากหม่องกาเล ที่บริเวณนั้น เป็นที่ครอบครองของตาหมอหร่อง ตาหมอหร่อง มีลูกเขยชื่อนายจันทร์ ได้ครอบครองที่ดินบริเวณนี้ต่อมา และได้ขายที่ดินทั้งหมดให้ผู้อื่น          

ปัจจุบันวัดหม่องกาเล ตั้งอยู่บนแนวถนนโบราณ ที่ชาวบ้านเรียกว่าถนนพระร่วง หรือถนนตาพระร่วง ยังไม่ถูกบุกรุกทำลายมากอย่างวัดอื่น ผ่านการบูรณะปฏิสังขรณ์แล้ว จากกรมศิลปากร มีเจดีย์ประธานที่มีรูปทรงงดงาม ขนาดย่อมกว่าวัดหนองลังกาเล็กน้อย มีซุ้มที่ฐานเจดีย์ อยู่สามซุ้ม ไม่ทราบว่า ไม่ได้บูรณะ 1 ซุ้ม หรือไม่มีแต่แรก แต่ถ้าสังเกตจากวัดหนองลังกา แล้วน่าจะมี 4 ซุ้ม รูปทรงของเจดีย์ เพรียวและสง่างาม ยอดหักพังมาถึงคอระฆัง ไม่พบ ยอดที่หักตกลงมาเลย ในบริเวณนั้น อาจจะอยู่ในหนองน้ำ หรืออุทกสีมา ที่อยู่รอบๆ บริเวณพื้นที่ นั้นก็เป็นได้         

ด้านหน้า มีวิหารเตี้ยๆ คล้ายวิหารของวัด เจดีย์กลางทุ่ง แต่มีร่องรอยของฐานวิหารที่ชัดเจน โดยรอบไม่มี เจดีย์ราย อาจถูกขุดทำลายหมด เพราะเป็นเจดีย์ ขนาดเล็ก คูน้ำล้อมรอบ เป็นคูน้ำขนาดใหญ่ ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ยังไม่ถูกรื้อทำลาย วัดหม่องกาเล มีกรุพระเครื่อง ที่มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะอย่างพระซุ้มกอ ขุดพบที่บริเวณวัดนี้จำนวนมาก         

วัดหม่องกาเล เป็นวัดในแนวถนนไปวังกระทะ และข้ามคลองไพรไป ซึ่งยังไม่ได้สำรวจกันอย่างจริงจัง ว่าแนวถนนนี้มีโบราณสถาน โบราณวัตถุใดหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ยังดีใจที่วัดหม่องกาเล อยู่ในแผนที่ของกรมศิลปากร และขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้ว จึงมิมีใครมาครอบครองได้