วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตพยาบาลวิชาชีพ สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เริ่มก่อตั้งปี พ.ศ.๒๕๑๕ เป็นโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์ สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และเริ่มเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๑๗
ปี พ.ศ.๒๕๒๓ กระทรวงสาธารณสุขปรับนโยบายการผลิตบุคลากรให้ผลิตระดับวิชาชีพพยาบาล จึงปรับหลักสูตรเป็น “ หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ (ระดับต้น) ” ระยะเวลาการศึกษา ๒ ปี และเปลี่ยนชื่อสถาบันเป็น “วิทยาลัยพยาบาลอุตรดิตถ์” สังกัดกองงานวิทยาลัยพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลิกการผลิตหลักสูตรนี้ พ.ศ.๒๕๓๙
ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เปิดสอนหลักสูตร “ หลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์และผดุงครรภ์ ” ระยะเวลาศึกษา ๔ ปี และปี พ.ศ.๒๕๒๘ ปรับหลักสูตร เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์และผดุงครรภ์ที่เน้นชุมชน
ปี พ.ศ.๒๕๓๐ เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลศาสตร์และผดุงครรภ์(ต่อเนื่อง) ๒ ปี รับพยาบาลเทคนิคเข้าศึกษาต่อเป็นพยาบาลวิชาชีพ (หยุดผลิตในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ – ๒๕๓๔) ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้เปิดสอนจนถึงปีการศึกษา ๒๕๔๘
ปี พ.ศ.๒๕๓๗ ปรับโครงสร้าง ซึ่งเดิม สังกัดกองงานวิทยาลัย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นสังกัดสถาบันพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุข และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็น “วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์”
ปี พ.ศ.๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ ทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามสถาบันพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุขให้เป็น “สถาบันพระบรมราชชนก”
ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ วิทยาลัยฯ เข้าร่วมโครงการร่วมผลิตบัณฑิตสาขาพยาบาลศาสตร์กับมหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดสอน “หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต โครงการร่วมผลิตบัณฑิตพยาบาลศาสตร์กับมหาวิทยาลัยนเรศวร” จนถึงปีการศึกษา ๒๕๔๖
ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ วิทยาลัยฯ ปรับเปลี่ยนจากการร่วมผลิต เป็นสถาบันสบทบของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยใช้หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (สำหรับนักศึกษาที่เข้าศึกษา ชั้นปีที่๑) และพยาบาลศาสตรบัณฑิต(ต่อเนื่อง ๒ ปี) ของสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุขและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรกับมหาวิทยาลัยนเรศวร
ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เปิดสอนหลักสูตรเวชกิจฉุกเฉิน ระยะเวลาเรียน ๒ ปี รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สายวิทยาศาสตร์ เข้าศึกษา เพื่อตอบสนองนโยบายผลิตบุคลากรเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุ โดยวิทยาลัยฯ เปิดทำการสอน ๓ รุ่น ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ , พ.ศ. ๒๕๔๙ และ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ งดการเปิดสอน
ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เปิดสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สำหรับเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน ระยะเวลาศึกษา ๒ ½ ปี รับผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสาธารณสุขชุมชน ประกาศนียบัตรเจ้าพนักงานสาธารณสุข ประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์ หรือ ประกาศนียบัตรผดุงครรภ์อนามัย และเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน ที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข เข้าศึกษาตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถให้ถึงระดับพยาบาลวิชาชีพ เพื่อความก้าวหน้าในงาน การจัดการเรียนการสอนใช้หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต พ.ศ.๒๕๔๕ (เทียบโอนสำหรับเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน รายวิชาที่เทียบโอน ดำเนินการโดยคณะกรรมการกลางจากส่วนพัฒนาการศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก) ซึ่งวิทยาลัยฯ เปิดรับเข้าศึกษาได้ ๓ รุ่น คือ พ.ศ. ๒๕๔๙ - พ.ศ. ๒๕๕๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ชะลอการเปิดสอนไว้ก่อน เนื่องด้วยอยู่ในระหว่างปรับปรุงหลักสูตร และพิจารณาหลักเกณฑ์การเทียบโอนหน่วยกิตสำหรับเจ้าพนักงานสาธารณสุขกับหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตที่ปรับปรุงใหม่
ปีการศึกษา ๒๕๕๒ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ ร่วมกับวิทยาลัยพยาบาล
บรมราชชนนี พุทธชินราช และวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์
ในสมทบของมหาวิทยาลัยนเรศวร ทำการปรับปรุงหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต พ.ศ.๒๕๔๗
เป็น “หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕๒” ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ทำการปรับปรุงหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕๒ เป็น “หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕๕”และในปีการศึกษา ๒๕๕๙ มีการปรับปรุงหลักสูตรพยาบาล ศาสตรบัณฑิต ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕๕ เป็น “หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐” เพื่อใช้จัดการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ปรัชญา
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ เชื่อว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือพัฒนามนุษย์ในด้านความคิด และบุคลิกภาพโดยจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ ศึกษาวิจัย ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย ตลอดจนส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้บุคลากรสามารถให้บริการสุขภาพแก่บุคคล ครอบครัวชุมชนได้อย่างมีคุณภาพ และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ปณิธาน
วิทยาลัยแห่งภูมิปัญญา ส่งเสริมสุขภาพ ส่งเสริมการศึกษา พัฒนาสังคมไทย
วิสัยทัศน์
สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในการผลิต และพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพชุมชน
ค่านิยมร่วม
มุ่งผลสัมฤทธิ์ นำจิตบริการ ใฝ่รู้เชี่ยวชาญ ยึดมั่นคุณธรรม นำแรงร่วมใจ แก้ไขรับผิดชอบ
เอกลักษณ์สถาบัน
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ ได้กำหนดเอกลักษณ์ของสถาบันตามที่สถาบันพระบรมราชชนกกำหนด คือ “สร้างคนจากชุมชนเพื่อตอบสนองระบบสุขภาพของชุมชน” ทั้งนี้ได้กำหนดนิยามของเอกลักษณ์สถาบันดังนี้
สร้างคน หมายถึง การผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข
ระบบสุขภาพชุมชน หมายถึง ความสัมพันธ์ทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โดยมีความหมายและขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบกับสุขภาพ ทั้งด้านบุคคล ครอบครัว ชุมชน สภาพแวดล้อม และการบริการสุขภาพ
อัตลักษณ์บัณฑิต
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ ได้กำหนดอัตลักษณ์ของบัณฑิตตามที่สถาบัน
พระบรมราชชนก กำหนดคือ “บริการสุขภาพด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์” ทั้งนี้ได้กำหนดนิยามของ
อัตลักษณ์บัณฑิต ว่าหมายถึง การให้บริการที่เป็นมิตร มีความรัก ความเมตตา ใส่ใจในปัญหาและความทุกข์ของผู้รับบริการและผู้เกี่ยวข้อง ให้บริการตามปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ
ที่เป็นจริง โดยรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการเป็นหลัก ซึ่งการบริการสุขภาพด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ประกอบด้วยสมรรถนะ ๓ ด้าน คือ
S= Service mind
SAP A= Analytical thinking
P= Participation
จิตบริการ (Service Mind) หมายถึง
การให้บริการที่เป็นมิตร มีความรักความเมตตา ใส่ใจในความทุกข์ที่เป็นปัญหาของผู้รับบริการและผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะให้บริการโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน วางใจเป็นกลางในการให้บริการ โดยคำนึงถึงความเป็นเหตุ เป็นผล บนพื้นฐานของความเข้าใจคนอื่นตามความเป็นจริง โดยมีคุณลักษณะดังนี้
๑. ให้บริการด้วยความเต็มใจโดยเข้าใจผู้อื่นตามเงื่อนไขที่เฉพาะของบุคคลนั้น ๆ ยอมรับในความคิด พฤติกรรม และความเป็นตัวตนของผู้รับบริการ ไม่เอาความคิดของตนเองไปตัดสิน
๒. ให้บริการ หรือกระทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
๓. ให้บริการตามปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ ที่สอดคล้องกับบริบทและสภาพจริงของผู้รับบริการ ด้วยความใส่ใจในปัญหาและความทุกข์ของผู้รับบริการและผู้ที่เกี่ยวข้อง
การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) หมายถึง
การคิดที่อยู่บนฐานของการมีข้อมูลที่หลากหลาย ตามสภาพความเป็นจริง เพื่อเป็นการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการ อย่างมีวิจารณญาณ โดยเชื่อมโยงความรู้เข้าสู่การแก้ปัญหาของผู้รับบริการที่สอดคล้องกับบริบทสภาพการดำรงชีวิต โดยมีคุณลักษณะดังนี้
๑. มองความจริงตามความเป็นจริงของโลก ของชีวิต เพื่อประเมินสภาพการณ์ตามความจริง อย่างเป็นระบบ
๒. รวบรวมข้อมูลที่เป็นจริงอย่างเป็นระบบ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้และกระบวนการคิดอย่างต่อเนื่อง
๓. วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการบนฐานข้อมูลจริงของผู้รับบริการ/ประชาชน
๔. เชื่อมโยงความรู้วิชาการเข้าสู่การแก้ปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการโดยสอดคล้องกับบริบท
๕. สามารถวางแผนให้บริการสุขภาพได้อย่างสอดคล้องกับบริบทชีวิตจริง
๖. พัฒนาตนเองโดยไม่ยึดติดกับกรอบแนวคิด หรือความรู้วิชาการ หรือประสบการณ์ของตนเองเพียงอย่างเดียว
การให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วม (Patient Participation) หมายถึง
การให้บริการสุขภาพที่คำนึงถึงความแตกต่างของบุคคล ซึ่งเกิดจากความเข้าใจ สภาพการดำรงชีวิต บริบท เงื่อนไข ศักยภาพ ความสามารถ ที่มีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้รับบริการ ทั้งนี้ผู้ให้บริการสามารถ กลั่นกรอง คัดเลือกความรู้ที่เหมาะสมและเสนอเป็นทางเลือก เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง โดยให้ผู้รับบริการมีส่วนร่วมรับรู้ ตัดสินใจและแก้ปัญหาสุขภาพของตนเองและครอบครัว ตลอดจนสนับสนุน และส่งเสริมให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองด้านสุขภาพได้ โดยมีคุณลักษณะดังนี้
๑. ผู้ให้บริการต้องให้บริการที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ
๒. ให้ผู้รับบริการมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ร่วมรับรู้ ร่วมคิด และร่วมตัดสินใจในการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว
๓. ผู้ให้บริการทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน กระตุ้น เสนอทางเลือกที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาแก่ผู้รับบริการ แต่มิใช่เป็นผู้กำหนดวิธีการแก้ปัญหาของประชาชน
๔. กระตุ้น ส่งเสริมให้ผู้รับบริการมีการพัฒนาศักยภาพ สามารถแก้ปัญหาสุขภาพของตนเองและครอบครัวเพื่อนำไปสู่การพึ่งตนเองด้านสุขภาพได้
การพัฒนาหลักสูตร
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ ทำหน้าที่ในการผลิตบัณฑิตพยาบาลมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ เริ่มจากหลักสูตรประกาศนียบัตรพยาบาลและผดุงครรภ์ (ระดับต้น) และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันได้มีการพัฒนาหลักสูตรเป็น หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐ ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ.๒๕๕๘ และให้ใช้ประกาศกระทรวงนี้สำหรับหลักสูตรระดับปริญญาตรีทุกสาขาวิชาที่จะเปิดใหม่ และหลักสูตรเก่าที่จะปรับปรุงใหม่ ของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน โดยให้มีเนื้อหาที่ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงการพัฒนาของประเทศ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการปฏิรูประบบสุขภาพ เพื่อให้การผลิตบัณฑิตมีคุณภาพ สอดคล้องกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ จึงได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งความก้าวหน้าของวิทยาการเทคโนโลยี และภาวะสุขภาพของประชาชนไทย เป็นประเด็นนำเข้าที่มีผลต่อการพัฒนาหลักสูตรที่สามารถผลิตพยาบาลวิชาชีพที่มีศักยภาพ โดยมีแนวทางการพัฒนาปรับปรุง ดังนี้
๑) หลักสูตรต้องสนองความต้องการของสังคมในภาพรวม และสภาพเฉพาะของพื้นที่ โดยนำปรัชญาการศึกษาแบบผสมผสานที่เน้นการพัฒนาให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถในการใช้ความรู้
อย่างบูรณาการศาสตร์ทางวิชาชีพและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพแก่บุคคลวัยเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
๒) สมรรถนะบัณฑิตที่สะท้อนศักยภาพในการดูแลสุขภาพระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชนแบบองค์รวมที่เน้นการบริการสุขภาพด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ได้แก่ การเข้าใจและเข้าถึงผู้ใช้บริการทั้งความต้องการด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและวัฒนธรรม ประเพณีในบริบทต่างๆ ที่แตกต่างกันรวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพของบุคคล ครอบครัวและชุมชนในการดูแลสุขภาพของตนเองได้สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพ โดยคำนึงถึงค่านิยมที่ดีงาม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนามนในการดูแลสุขภาพของตนเองงวัยสามารถใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ความสามารถในการใช้ภาษาสากล เพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
๓) วิธีการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อพัฒนาพยาบาลวิชาชีพที่มีความพร้อมทางกาย ใจ สติปัญญา มีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล การคิดอย่างสร้างสรรค์นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทางการพยาบาล มีวินัย เคารพกฎหมาย มีคุณธรรมจริยธรรม เพื่อพร้อมในการให้บริการสุขภาพ และทำงานในสังคม
๔) ปรับกระบวนทัศน์การเรียนรู้เป็นการเรียนเพื่อสั่งสมความรู้และประสบการณ์ รู้จักที่จะสร้างคุณค่าในตนเอง ทำให้ตนเป็นคนที่มีศักยภาพรอบด้านทั้งการเรียนรู้ การเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์การสื่อสาร การมีวินัยในตนเอง และภาวะผู้นำ
๕) สร้างโอกาสในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้มากขึ้น ให้สามารถสื่อสารได้ สามารถติดต่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้