แนวคิดเรื่อง “สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน” เป็นแนวการดำเนินงานตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เพื่อเป็นสื่อในการสร้างจิตสำนึกด้านอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยเน้นให้เยาวชนได้ใกล้ชิดกับพืชพรรณไม้เห็นคุณค่า
ประโยชน์ ความสวยงามอันจะก่อให้เกิดความคิดที่จะอนุรักษ์พืชพรรณไม้ต่อไป
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลากร อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรพันธุกรรมพืชให้เกิดประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทย
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเห็นความสำคัญของพันธุกรรมพืช ให้ร่วมคิด
ร่วมปฏิบัติจนเกิดประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง และให้มีระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชสื่อถึงกันได้ทั่วประเทศ
โดยมีกิจกรรมหลัก 8 กิจกรรม ได้แก่
กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมสำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมอนุรักษ์และประโยชน์พันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 5 กิจกรรมศูนย์ข้อมูลพันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 6 กิจกรรมวางแผนและพัฒนาพันธุ์พืช
กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
กิจกรรมที่ 8 กิจกรรมพิเศษสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
ซึ่งงาน “สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน” เป็นการดำเนินงานตามกิจกรรมที่ 7 คือสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
โดยในการจัดสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนนั้น จะจัดเป็นแหล่งที่รวบรวมพันธุ์ไม้ที่มีชีวิต มีแหล่งข้อมูลพันธุ์ไม้ มีการศึกษาต่อเนื่อง
มีการเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้แห้ง พันธุ์ไม้ดอง มีการรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นมาปลูกไว้ในโรงเรียนและภูมิปัญญาท้องถิ่น
มีการบันทึกรายงานและข้อมูล รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ มีมุมสำหรับนักศึกษาค้นคว้าและมีการนำไปใช้ประโยชน์เป็นสื่อการเรียนการสอนในวิชาต่าง ๆ เป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น ไม่ฝืนธรรมชาติ และเป็นไปตามความสนใจและความพร้อมของโรงเรียน
โรงเรียนอุดมดรุณีได้ดำเนินงาน “สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน” ในปีการศึกษา 2541 ภายหลังจากการเข้าร่วม
ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2537
โดยได้ดำเนินการตามองค์ประกอบของการจัดสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนได้แก่ 1) การสำรวจพันธุ์ไม้ 2) การจัดทำป้ายชื่อพรรณไม้
3) การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน 4) การศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ การเขียนรายงานผลการเรียนรู้ และ
5) การนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษาโดยการนำกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนไปใช้ประโยชน์เป็นสื่อการเรียนการสอนในวิชาต่าง ๆ
เพื่อให้ครูอาจารย์ในโรงเรียนและนักเรียนใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และสามารถบูรณาการเข้าสู่รายวิชาต่างๆ
ซึ่งสอดคล้องกับแนวการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2546)
มาตรา 25 ที่ระบุไว้ว่า “รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์
อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูลและแหล่งการเรียนรู้อื่นอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ”
และมาตรา 23 ที่ระบุ “การจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
ต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษา.......”
ในการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนนั้น โรงเรียนอุดมดรุณีได้มีการวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานและคณะอนุกรรมการต่างๆ มีการจัดทำแผนปฏิบัติงาน และสรุปผลการปฏิบัติงานในแต่ละปีการศึกษา
เพื่อเป็นสารสนเทศในการวางแผนพัฒนาของปีการศึกษาต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรายงานผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้
เป็นการรายงานผลการดำเนินงานตามองค์ประกอบสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและสาระ ธรรมชาติแห่งชีวิต สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว
และประโยชน์แท้แก่มหาชน โดยมุ่งเน้นรายงานผลการศึกษาในปีการศึกษา 2550 ถึงปัจจุบัน
และรายงานผลการศึกษาวิจัย “พืชผักปลัง” ของโรงเรียนอุดมดรุณี จังหวัดสุโขทัย
โรงเรียนอุดมดรุณี ได้ดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน รหัสสมาชิก 7-64000-001
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนมีความรัก และเห็นคุณค่าของพืชพรรณไม้พร้อมทั้งเป็นแหล่งรวบรวมตัวอย่าง
และเก็บรักษาข้อมูลพรรณไม้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา แก่ ครู นักเรียน และผู้สนใจ
โรงเรียนอุดมดรุณี มีพื้นที่ดำเนินการ 20 ไร่ 77 ตารางวา และมีพรรณไม้จำนวน 105 ชนิด
ได้แก่ ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และไม้เลื้อยมีการจัดการเรียนรู้ทุกระดับชั้นตั้งแต่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6
โดยมีครู-บุคลากรเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 81 คน นักเรียน จำนวน 2,224 คน มีการบริหารและจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมอย่างเป็นระบบ
มีการดำเนินการ ติดตาม ประเมินผล และพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินงาน 5 องค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 การจัดทำป้ายชื่อพรรณไม้ จัดทำป้ายชื่อตัวอย่าง จำนวน 105 ชนิด ภาพถ่ายพรรณไม้ 379 ภาพ
ตัวอย่างพรรณไม้แห้ง จำนวน 47 ชนิด พรรณไม้ดอง จำนวน 32 ชนิด องค์ประกอบที่ 2 การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน
มีการวิเคราะห์ สำรวจพื้นที่และปลูกเพิ่ม นักเรียนระดับชั้น ม.1 ปลูกต้นไม้เพิ่มจำนวน 250 ต้น องค์ประกอบที่ 3 การศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ การศึกษาตามแบบ อพ.สธ. ครบทุกชนิด นักเรียนทุกระดับชั้นมีการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกทุกรายวิชา
และนักเรียนระดับ ม.2 ของทุกปีการศึกษา ประมาณ 500 คน มีการเรียนรู้บูรณาการสหวิทยาการเรื่อง “พืชพรรณไม้”
องค์ประกอบที่ 4 การรายงานผลการเรียนรู้ แบบบูรณาการจากรายวิชาต่างๆ องค์ประกอบที่ 5 การนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา
เป็นสื่อและแหล่งเรียนรู้ ให้กับครูและผู้เรียนอย่างบูรณาการด้านกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งกันและกันของทุกกลุ่มสาระวิชา
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีการศึกษาสาระธรรมชาติแห่งชีวิต สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว และประโยชน์แท้แก่มหาชน
ซึ่งได้เลือกผักปลังเป็นพืชศึกษาโดยจัดการเรียนรู้ตามรายวิชาชีววิทยา นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ในปีการศึกษา 2550 - 2551 ผลการศึกษานักเรียนใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และคิดสร้างสรรค์โครงงานวิทยาศาสตร์จำนวน 38 เรื่อง
ในจำนวนนี้มีโครงงานที่ได้จากการวิเคราะห์ศักยภาพ ของผักปลัง 2 เรื่อง ได้แก่ เจลผักปลังลดไข้ และผักปลังอบกรอบ ในปีการศึกษา 2550 ได้รับคัดเลือกจากทางโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชให้โรงเรียนได้เข้าร่วมนำเสนอผลงาน องค์ประกอบที่ 3 การศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ
และจัดนิทรรศการ นอกจากนั้นยังได้รับเชิญจากกระทรวงสาธารณสุข การแพทย์แผนไทยและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นำเสนอผลงานและจัดนิทรรศการ นักเรียนได้นำผลการเรียนรู้ที่ได้จากการศึกษาพืช มาสู่การปฏิบัติตนเอง มีคุณธรรมจริยธรรมเป็นแบบอย่าง
ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งการปฏิบัติตนต่อสังคม โดยนำผลจากการทำงานหลาย ๆ ด้านมาผสมผสานสำนึก
และจัดตั้งโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ความหลากหลายทางชีวภาพ) เพื่อพัฒนาเยาวชนสืบไป
ได้รับป้ายสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน วันที่ 9 พฤษภาคม 2546
ได้รับเกียรติบัตรงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ขั้นที่ 1 วันที่ 19 ตุลาคม 2552
ได้รับเกียรติบัตรงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ขั้นที่ 2 วันที่ 21 มิถุนายน 2555
โรงเรียนอุดมดรุณี ตั้งอยู่เลขที่ 351 ถนนจรดวิถีถ่อง ตำบลธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย เริ่มเปิดทำการสอนตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2461
ปัจจุบันจัดการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 รวม 55 ห้องเรียน จำนวนนักเรียนในปีการศึกษา
2564 เป็นดังตารางต่อไปนี้
ปัจจุบันมีข้าราชการครูในโรงเรียนจำนวน 107 คน ชาย 29 คน หญิง 78 คน ครูมีวุฒิ
ทางการศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 53 คน ระดับปริญญาโท จำนวน 53 คน ระดับปริญญาเอก 1 คน
เจ้าหน้าที่และบุคลากร 53 คน ผู้บริหารคนปัจจุบันชื่อ นายสาโรช เกตุสาคร ตำแหน่งผู้อำนวยการ มีรองผู้อำนวยการ 4 กลุ่มงาน
คือ นางจิณณรัตน์ อัครรังสีธนกุล ดร.ปราณี จันทราราชัย นายเกรียงไกร เตชา และนางสุภาพ ไฝสัมฤทธิ์
โรงเรียนอุดมดรุณี มีพื้นที่ 20 ไร่ 77 ตารางวา จำนวนอาคารเรียนทั้งหมดมี 5 หลัง คือ อาคารเรียนแบบ 318 จำนวน 1 หลัง
18 ห้องเรียน อาคารเรียนแบบ 318 ก. จำนวน 1 หลัง 418 จำนวน 1 หลัง อาคารเรียนแบบพิเศษ 4 ชั้น จำนวน 2 หลัง
มีอาคารประกอบ เช่น อาคารหอประชุม – โรงอาหารแบบ 100/27 จำนวน 1 หลัง ใช้เป็นที่เรียนยิมนาสติก อาคารหอประชุม – โรงอาหารแบบ 101ล/27 จำนวน 1 หลัง อาคารฝึกงานแบบ ฝ 10 (ใช้เป็นที่เรือนพยาบาล) จำนวน 1 หลัง อาคารฝึกงานแบบ ฝ 204/27 จำนวน 2 หลัง
บ้านพักครูแบบ 202 ก จำนวน 7 หลัง ห้องน้ำห้องส้วมนักเรียนหญิงทั้งหมด 4 หลัง จำนวน 72 ที่นั่ง มีสนามกีฬาหน้าโรงเรียน 1 สนาม
แบ่งเป็นสนามฟุตบอล บาสเกตบอล มีห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องศูนย์กลุ่มสาระวิชา และมีห้องต่างๆ
สำหรับใช้ประกอบการเรียนการสอนครบทุกกลุ่มสาระ ส่วนบริเวณโรงเรียนสามารถจัดบริเวณโรงเรียนให้มีบรรยากาศที่ร่มรื่นสวยงาม
มีพืชพรรณไม้ และมีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเป็นจำนวนมาก
โรงเรียนตั้งอยู่ในใจกลางตลาดเมืองสุโขทัย ติดกับวัดไทยชุมพล ตรงกับเทศบาลเมืองสุโขทัย ลักษณะเป็นชุมชนเมืองชนบทเก่าแก่
มีโรงเรียนประถมศึกษาที่อยู่ใกล้มีจำนวน 3 แห่ง และในรัศมี 1 กิโลเมตรมีจำนวน 4 แห่ง วัด 3 แห่ง ห้องสมุดประชาชน 2 แห่ง
พร้อมด้วยที่ทำการส่วนราชการจังหวัด ธนาคาร ร้านค้า โรงภาพยนตร์ ตลาดสด และตลาดขายส่งพืชผัก ผลไม้ จากชาวไร่ ชาวสวน
ด้านหลังโรงเรียนประมาณ 500 เมตร มีแม่น้ำยมไหล่ผ่านในแนวเหนือใต้ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประกอบอาชีพค้าขาย
เกษตรกร รับจ้าง รับราชการ และส่วนใหญ่มีฐานะปานกลาง มีรายได้เฉลี่ยคนละประมาณ 120,000 บาทต่อปี
โรงเรียนได้รับความนิยมเชื่อถือคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับดีมาก นักเรียนส่วนใหญ่ที่มาเรียนส่วนมากมีฐานะปานกลาง
เป็นโรงเรียนที่มีศักดิ์ศรีมีชื่อเสียงทางด้านการเรียนและการทำกิจกรรมต่างๆ ผู้ปกครองส่วนมากมีความต้องการให้นักเรียนศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป สถานศึกษาได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากชุมชนอยู่ในเกณฑ์มาก การเดินทางมาเรียนของนักเรียนส่วนมากเดินทางไป – กลับโดยรถโดยสารรับจ้าง
ผู้ปกครองมาส่ง และเดินทางด้วยเท้า นักเรียนส่วนมากจะอยู่กับครอบครัวของตนเอง