ลักษณะธรณีสัณฐานภายในถ้ำ
ธรณีสัณฐาน คือ รูปทรงของหินที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างฝนกรดกับแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีอยู่ในหินปูน กลายเป็นสารละลายไหลตามผนังถ้ำ เมื่อเกิดการระเหย จะเกิดเป็นตะกอนที่แข็งตัวเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น หินงอก ซึ่งเป็นตะกอนที่สะสมจากพื้นถ้ำ และหินย้อย ซึ่งเป็นตะกอนที่สะสมจากเพดานถ้ำ ในส่วนของหินงอกและหินย้อยที่สะสมตัวจนบรรจบเข้าหากันจะเกิดเป็นแท่งเสาหินขึ้น เป็นต้น โดยภายในถ้ำผึ้ง มีธรณีสัณฐานทั้งหมด 11 ชนิด ได้แก่ หินย้อย หินงอก หลอดหินย้อย ม่านหิน คราบหินปูนไหล ทำนบหินปูน เสาหิน โพรง ปอปคอร์นถ้ำ ไข่มุกถ้ำ และหลุมยุบ
✨ชนิดของสัณฐานภายในถ้ำผึ้ง✨
หินย้อย เป็นสัณฐานที่มักจะมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก เกิดจากการที่ตะกอนของหินปูนจับตัวกันเป็นแท่งหรือแผ่น และอยู่ในลักษณะแบบแขวนหรือย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ โดยมักมีการสะสมตัวทีละน้อยบริเวณรอบ ๆ และเกิดการพอกตัวยาวลงมาจากเพดานเรื่อย ๆ
หินงอก เกิดจากการพอกตัวจากพื้นถ้ำสูงขึ้นไปในลักษณะแนวดิ่ง โดยเกิดจากการที่หยดน้ำหยดลงมาจากหินย้อย ตอนแรกจะมีลักษณะเป็นสารแคลเซียมคาร์บอเนตที่พอกตัวจนมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก และจะพอกตัวสูงขึ้น จนบางครั้งจะไปบรรจบกับหินย้อยกลายเป็นแท่งหิน
หลอดหินย้อย เป็นสัณฐานที่เกิดจากสารหินปูนจับตัวกันเป็นหลอดหรือท่อย้อยลงมาจากเพดานถ้ำและมีบ้างตามผนัง โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 – 4 นิ้ว ส่วนนอกเกิดการแข็งตัวแต่บริเวณตรงกลางด้านในกลวง และมีหยดน้ำไหลซึมออกมา
ม่านหิน เป็นสัณฐานที่หินมีลักษณะคล้ายม่าน โดยเกิดจากน้ำที่มีสารคาร์บอเนตสูง ไหลตามผนังที่มีความเอียง ซึ่งเกิดจากแรงดึงผิวของน้ำหยดน้ำทีละหยดโดยมักไหลผ่านไปตามแนวเดิม และเกิดการตกตะกอนของแร่แคลไซต์ ทำให้มีลักษณะเป็นแผ่นบางห้อยย้อยลงมาจากเพดานถ้ำติดกันเป็นผืน โดยส่วนมากมักจะมีสีขาว บางแห่งจะมีสีน้ำตาลแดงสลับสีขาว หรือสีเหลืองอ่อนมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ม่านเบคอน
คราบหินปูน เป็นตะกอนแคลเซียมคาร์บอเนต มีลักษณะเนื้อแน่น มีผลึกเล็ก เกิดจากการตกตะกอนทางเคมีและเกิดการระเหยของน้ำ ทำให้เกิดการพอกตัวเป็นชั้น
ทำนบหินปูน เป็นสัณฐานที่เกิดในบริเวณพื้นถ้ำหรือตามแนวทางน้ำไหล เมื่อน้ำไหลจะทิ้งตะกอนหินปูนเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตะกอนปูนเกิดการก่อตัวขึ้นมีลักษณะคล้ายเขื่อน โดยมีการกักน้ำไว้ ทำให้มีลักษณะเป็นแอ่ง นอกจากนี้ในแอ่งหินปูนที่เกิดหากมีตะกอนทรายหรือกรวดขนาดเล็กและมีน้ำเพียงพอ อาจทำให้เกิดการพอกตัวของหินปูนรอบ โดยตะกอนที่กลิ้งไปมาภายในแอ่งจะเกิดเป็นไข่มุกถ้ำ
เสาหิน เป็นสัณฐานที่มีลักษณะของหินเป็นแท่งหรือเสา ยาวจากพื้นถ้ำจรดเพดานถ้ำ เกิดจากหินงอกหินย้อยมาบรรจบกัน จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พบได้ในถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านได้แทบทุกถ้ำ แต่จะมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไปตามขนาดและรูปร่างของถ้ำ
โพรง เป็นสัณฐานทีมีลักษณะเป็นช่อง เกิดจากการหักพังของเพดานถ้ำ เป็นช่องลึกเข้าไปในภูเขาหินปูน
ปอปคอร์นถ้ำ เป็นสัณฐานที่เกิดจากการระเหยของน้ำโดยตรง โดยจะมีลักษณะเป็นลูกกลมเล็ก ๆ คล้ายปะการัง พบในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และมักจะพบบนผิวของแร่ทุติยภูมิอื่น พบทั้งที่เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างหรือเพียงเล็กน้อย ปอปคอร์นถ้ำดูคล้ายกับปะการังถ้ำ แตกต่างกันที่ปอปคอร์นถ้ำเกิดในโถงอากาศไม่ได้เกิดใต้น้ำเหมือนปะการังถ้ำ
ไข่มุกถ้ำ เป็นตะกอนที่มีลักษณะกลมหรือค่อนข้างกลม มีผิวภายนอกเรียบคล้ายไข่มุกหรือลักษณะอื่น ๆ มักเกิดบริเวณพื้นถ้ำที่เป็นแอ่งน้ำตื้นที่เกิดจากน้ำหยด หรือบริเวณทำนบหินปูน แกนกลางอาจเป็นเม็ดกรวดหรือทรายกลิ้งไปมาในแอ่งที่มีน้ำ เกิดการพอกตัวของแร่แคลโซต์เป็นชั้น ๆ รอบแกนกลาง
หลุมยุบ เป็นธรณีสัณฐานประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะพื้นผิวพังทลายเป็นหลุม ซึ่งเกิดจากหินตะกอนที่มีองค์ประกอบทางเคมีจำพวกคาร์บอเนต เช่น หินปูน ชั้นเกลือ หรือ หินตามธรรมชาติที่สามารถถูกละลายด้วยน้ำ ซึ่งเมื่อเกิดการไหลเวียนของน้ำใต้ดิน จะทำให้หินใต้ดินดังกล่าวเกิดการละลาย และ เกิดเป็นช่องว่างใต้ดินขึ้น จนถึงจุดๆหนึ่งที่บริเวณพื้นผิวมีน้ำหนักมากเกินไป จะทำให้เกิดการถล่ม
✨แบบจำลองธรณีสัณฐานสามมิติ✨