ประวัติ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์

ลอร์ด เบเดน โพเอลล์


บิดาชื่อ เอช.จี.เบเดน โพเอลล์ เป็นศาสตราจารย์ สอนวิชาเรขาคณิต และธรรมชาติศึกษา ณ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มารดาชื่อ เฮนริเอทต้า เกรซ สไมธ์ เป็นธิดาของพลเรือเอก ดับบิว.ที.สไมธ์ แห่งราชนาวีอังกฤษ สมรสกับนางสาวโมลาฟ เซ็นต์แคลร์ เมื่ออายุได้ 55 ปี


ชีวิตในวัยเด็ก

เมื่อ บี.พี. อายุได้ 11-12 ปี ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาชื่อ     โรสฮิลล์  ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมชื่อชาเตอร์เฮาส์ กรุงลอนดอนได้ 2 ปี ต่อมาโรงเรียนได้ย้ายไปตั้งอยู่ในชนบท ณ เมืองโกคาลมิง ในแคว้นเซอร์เรย์ มีน้ำไหลผ่านและมีป่าใหญ่อยู่ติดบริเวณโรงเรียน เขามักใช้เวลาว่างหลบเข้าไปใช้ชีวิตและศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติโดยลำพัง

ชีวิตในวัยเด็ก บี.พี. ได้รับความรู้พิเศษจากพลเรือเอกสไมธ์ผู้เป็นตา เกี่ยวกับการว่ายน้ำ เล่นสเกต ขี่ม้า การวัดแดดและดูดาว นอกจากนี้เขายังชอบวาดภาพ ร้องเพลง แสดงละคร มีความสนใจในธรรมชาติศึกษา ศึกษาชีวิตสัตว์ ต้นไม้ตลอดจนความรู้เชิงพราน และในวันปิดภาคมักจะท่องเที่ยวพักแรม ไปกับพี่ชายอีก 3 คน

ปีสุดท้ายที่เรียนอยู่ในชาเตอร์เฮาส์ บี.พี. ได้ไปสมัครสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดสองครั้งแต่สอบไม่ได้ ในปี พ.ศ. 2419 สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิสต์ ได้ที่ 5 ได้รับตั้งแต่เป็นนายร้อยตรีในกองทัพบกของอังกฤษ และถูกส่งไปประจำการที่ประเทศอินเดีย  เมื่ออายุ 19 ปี


ชีวิตในการรับราชการทหาร

บี.พี.รับราชการทหารในประเทศอินเดีย ประจำกองทหารม้าอุสซาร์ที่ 13 เป็นเวลา 8 ปี โดยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และได้รับยศร้อยเอก เมื่ออายุ 26 ปี ในระหว่างนี้มีเหตุการณ์ที่แสดงลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น

ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันกีฬาแทงหมูป่า ขณะอยู่บนหลังม้าโดยใช้หอกสั้น เมื่อ พ.ศ.2426 และขณะที่มียศเป็นร้อยตรี ได้รับเงินเดือนน้อยมาก เพียงปีละ 120 ปอนด์ จึงดำเนินชีวิตอย่างประหยัด คืองดสูบบุหรี่ ดื่มสุราแต่น้อย หารายได้พิเศษโดยการเขียนเรื่องและเขียนภาพลงหนังสือพิมพิ์

ชีวิตราชการทหารของท่านส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินเดียและแอฟริกา มีสิ่งที่ประทับใจ ที่เกี่ยวกับกิจการลูกเสือหลายครั้ง 



ชีวิตในวัยลูกเสือ (การกำเนิดลูกเสือ)

บี.พี. เดินทางกลับอังกฤษในฐานะวีรบุรุษ และได้รับเกียรติอย่างมาก เนื่องจากได้รับประสบการณ์จากเมืองมาฟอีคิง ซึ่งได้จัดให้เด็กๆ มาช่วยเหลือในการรักษาเมืองเช่น ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวและสอดแนมของกองทัพรักษาความสงบภายใน รับใช้งานต่างๆเช่น อยู่ยามบนหอคอยให้สัญญาณแก่ประชาชนเมื่อพวกบัวร์โจมตี เด็กเหล่านี้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเข้มแข็ง ว่องไว ได้ผลดีไม่แพ้ผู้ใหญ่ ดังนั้น บี.พี.จึงคิดตั้งขบวนการลูกเสือขึ้น

จากประสบการณ์ของท่านเมื่ออยู่ที่อินเดีย แอฟริกา อยู่กับพวกซูลูและคนพื้นเมืองเผ่าอื่นๆ ทำให้ บี.พี. ได้รับการพัฒนาความคิดมาเป็นขบวนการลูกเสืออย่างรอบคอบ โดยในปี พ.ศ. 2450   บี.พี. ได้รวบรวมเด็ก 20 คน ให้ไปอยู่ที่เกาะบราวน์ซี ในช่องแคบอังกฤษ นับเป็นการพักแรมของลูกเสือครั้งแรกของโลก

ในปีต่อมากองลูกเสือได้เริ่มก่อตั้งขึ้น อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในอังกฤษ และขยายตัวแพร่หลายอย่างรวดเร็ว

พ.ศ. 2451 ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ ได้แต่งหนังสือคู่มือการฝึกอบรมลูกเสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า Scouting For Boys และคำว่า “Scout” จึงใช้เป็นคำเรียกผู้ที่เป็นลูกเสือซึ่งมีความหมายมาจาก

S  ย่อมาจาก  Sincerity     แปลว่า  ความจริงใจ

C  ย่อมาจาก  Courtesy     แปลว่า  ความสุภาพอ่อนโยน

O  ย่อมาจาก  Obedience   แปลว่า  การเชื่อฟัง

U  ย่อมาจาก  Unity          แปลว่า  ความเป็นใจเดียวกัน

T  ย่อมาจาก  Thrifty        แปลว่า  ความประหยัด

ขบวนการลูกเสือได้เจริญขึ้นตามลำดับ ทำให้ บี.พี. มองเห็นการณ์ไกล ลูกเสือจะเป็นงานสำคัญในชีวิต ซึ่งจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้มาก โดยการอบรมเด็กๆรุ่นหลังให้เป็นพลเมืองดีของชาติ บี.พี. จึงลาออกจากราชการทหาร ชีวิตตอนนี้จึงเรียกว่า ” ชีวิตที่สอง ” ซึ่งเป็นชีวิตที่ให้บริการแก่ลูกเสือทั่วโลก


พ.ศ. 2454 บี.พี. เดินทางรอบโลก เพื่อพบลูกเสือประเทศต่างๆ เป็นการตั้งต้นของการลูกเสือ ที่จะเสริมความเป็นพี่น้องลูกเสือทั่วโลก

พ.ศ. 2463 ลูกเสือประเทศต่างๆทั่วโลกพบกันที่กรุงลอนดอน เพื่อร่วมชุมนุมลูกเสือโลกครั้งแรก ในการชุมนุมครั้งนี้ ลูกเสือทังหลายได้พร้อมใจกันประกาศให้ บี.พี. อยู่ในตำแหน่งประมุขคณะลูกเสือโลก

เมื่อการลูกเสือมีอายุครบ 21 ปี ซึ่งเป็นการบรรลุ “นิติภาวะ” ตามกฎหมายอังกฤษและมีลูกเสือทั่วโลกถึง 2 ล้านเศษ  พระเจ้ายอร์ชที่ 5 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ บี.พี. เป็นบารอน ต่อจากนั้นกิจการลูกเสือก็เจริญก้าวหน้าโดยไม่หยุดยั้ง และมีการชุมนุมลูกเสือโลกขึ้นอีกหลายครั้ง

เมื่อ บี.พี. มีอายุ 80 ปี กำลังเริ่มลดลง จึงกลับไปอยู่แอฟริกาอีกครั้งหนึ่งเพื่อพักผ่อนในช่วงสุดท้ายของชีวิต โดยพักอยู่ที่ประเทศเคนยา และถึงแก่กรรมที่นั่นเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2484