นิทรรศการเทิดพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
หรือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
กับ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี
ครองราชสมบัติตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489
นับเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงครองราชสมบัติ
ยาวนานที่สุดในประเทศไทย
“…วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญของบ้านเมือง
เราจึงควรสนับสนุนให้มีการค้นคิดเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับ
สภาวะและความต้องการของประเทศขึ้นใช้เองอย่างจริงจัง
ถ้าเราสามารถค้นคิดได้มากเท่าไร ก็จะเป็นการประหยัด
และช่วยให้สามารถนำไปใช้ในงานต่าง ๆ
ได้กว้างขวางยิ่งขึ้นเท่านั้น…”
พระราชดำรัส พระราชทานเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติและครบรอบ 120 ปี หว้ากอ
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน 1 สิงหาคม 2531
พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย
ฝนหลวง
“...แต่มาเงยดูท้องฟ้า
มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้
ทำไมจะดึงเมฆนี่ลงมาให้ได้
ก็เคยได้ยินเรื่องการทำฝน
ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์
ฝนทำได้ มีหนังสือ
เคยอ่านหนังสือทำได้…”
พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2529
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
19 ตุลาคม 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงควบคุมบัญชาการและอำนวยการสาธิตฝนเทียมสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลก ณ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นฐานปฏิบัติการและประสบความสำเร็จฝนตกตามเป้าหมายอย่างแม่นยำ สร้างความประทับใจแก่คณะผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศและผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง และในเวลาต่อมาได้มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานโครงการพระราชดำริ “ฝนหลวง” (Artificial Rain) เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร
เพื่อเทิดพระเกียรติในพระปรีชาสามารถ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2543 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และให้วันที่ 19 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันเทคโนโลยีของไทย”