หมู่ที่1 ตำบลพ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัสุราษฎร์ธานี 84210
ประวัติศาสตร์ชุมชนตำบลพ่วงพรมคร
จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสได้เล่าต่อๆ กันมาหลายกระแสบ้างก็กล่าวว่าในอดีตบุคคลกลุ่มแรกที่ได้เข้ามา อาศัยอยู่ในตำบลนี้มีชื่อว่า ตาพ่วง ยายพรมโดยทั้งสองเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงตั้งชื่อสถานที่นี้ว่า พ่วงพรมคร บ้างก็กล่าวว่าแต่เดิมนั้นมีผู้คนอพยพมาจากหลายพื้นที่โดยส่วนใหญ่มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชและมาอาศัยอยู่บริเวณริมลุ่มแม่น้ำตาปี ปัจจุบันคือหมู่ที่ 5 บ้านคลองโร ในสมัยนั้นการเดินทางยากลำบากจึงต้องเดินทางโดยเรือแต่เนื่องด้วยกระแสน้ำไหลรุนแรงทำให้ต้องพ่วงเรือหลายๆลำเข้าด้วยกันจึงทำให้เรียกชื่อตำบลนี้ว่าพ่วงพรมครและยังมีอีกกระแสหนึ่งคือในสมัยก่อนพื้นที่ของตำบลพ่วงพรมคร มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากประชาชนส่วนใหญ่ในสมัยนั้นสร้างบ้านเรือนอยู่ติดกับริมแม่น้ำตาปีซึ่งบริเวณนั้นเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก การดำรงชีวิต แต่ประสบปัญหาในการเดินทาง เพราะถนนหนทางในสมัยนั้นเป็นป่ารกทึบ มีสัตว์ร้ายมากมายคนส่วนใหญ่จึงนิยมเดินทางด้วยเรือเป็นหลักจึงทำให้มีความผูกพันธ์กับแม่น้ำลำคลอง และแม่น้ำยังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนราษฎรในสมัยนั้นจึงมีอาชีพการหาไข่เต่า และนอกจากการหาไข่เต่าแล้วยังมีการหาน้ำผึ้ง ซึ่งราษฎรที่ต้องการขายไข่เต่าหรือน้ำผึ้งก็จะต้องเสียภาษี ในสมัยนั้นจะต้องเสียภาษีที่อำเภอซึ่งในขณะนั้นตำบลพ่วงพรมครอยู่ในเขตอำเภอบ้านนา การเสียภาษีจะเรียกชื่อตามสิ่งนั้นๆ เช่น ถ้าขายไข่เต่าเมื่อเสียภาษีจะเรียกภาษีนั้นว่าภาษีไข่เต่า ถ้าขายน้ำผึ้งเมื่อเสียภาษีเรียกว่าภาษีน้ำผึ้งการเก็บภาษีไข่เต่าจะเริ่มเก็บในช่วงที่เต่าเริ่มวางไข่คือประมาณมีนาคม-ปลายพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงหน้าแล้งเหมาะแก่การวางไข่ของเต่า ชาวบ้านจะเรียกเต่านั้นว่า“เต่าแม่ท่า”ซึ่งเต่าชนิดนี้จะมีกระดองสีน้ำตาลออกแดงอ่อนๆผิวเรียบและมีขนาดใหญ่สามารถขึ้นนั่งบนกระดองได้วิธีเก็บไข่เต่าของชาวบ้านจะเริ่มตั้งแต่รับขวัญเต่าที่บริเวณหาดขวัญ (ตำบลอรัญคามวารีในปัจจุบัน) จากนั้นเมื่อถึงเวลาประมาณ16.00น.ของทุกๆวันชาวบ้านจะนำเชือกผูกทุ่นไป ขึงขวางแม่น้ำเอาไว้เพื่อไม่ให้มีการสัญจรไปมาในบริเวณนั้นซึ่งการนำเชือกไปขวางแม่น้ำจะทำ2จุดคือจุดแรกที่หาดขวัญมีนายพรมทำหน้าที่เฝ้า และอีกจุดหนึ่งบริเวณหาดทางด้านต้นแม่น้ำซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างหาดที่มีความเหมาะสมในการวางไข่ของเต่า เมื่อชาวบ้านสัญจรไปมาเห็นเชือกที่ขึงขวางแม่น้ำอยู่ก็จะรู้ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่เต่าวางไข่ห้ามไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้าไปจนกว่าจะสว่าง ในเวลาต่อมามีผู้คนอพยพมาอาศัยอยู่บริเวณนี้มากขึ้น จึงทำให้นายพรมและชาวบ้านเดินทางไปยังอำเภอ เพื่อขอจัดตั้งเป็นตำบลทางอำเภอจึงอนุญาตให้จัดตั้งเป็นตำบลส่วนชื่อตำบลนั้นชาวบ้านได้ใช้ชื่อสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านดังกล่าวจึงตั้งชื่อตำบลนี้ว่า พ่วงพรมครเพราะในสมัยนั้นมีการเก็บไข่เต่าขายโดยจะที่มีการขึงเชือกขวางแม่น้ำและมีทุ่นห้อยพ่วงกันเอาไว้และมีนายพรมเฝ้าอยู่ทุกปี ในช่วงที่มีการเก็บไข่เต่าจึงได้นำคำทั้งสองมารวมกันแต่ยังไม่ไพเราะจึงเพิ่มคำว่าครลงไปเพื่อบอกลักษณะความเป็นเมืองและได้กลายเป็นชื่อตำบลว่าพ่วงพรมครในปัจจุบันโดยในช่วงแรกๆ แบ่งการปกครองออกเป็น 7 หมู่บ้านต่อมาเมื่อมีประชากรเพิ่มมากขึ้นได้แบ่งการปกครองซึ่งในปัจจุบันนี้ตำบลพ่วงพรมครได้แบ่งการปกครองออกเป็น 13 หมู่บ้าน
สภาพทั่วไป
ที่ตั้ง ตำบลพ่วงพรมคร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของที่ว่าการอำเภอเคียนซาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ระยะทางห่างจากตัวอำเภอประมาณ 16 กิโลเมตรและห่างจากตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 65 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ จด ตำบลอรัญคามวารี อำเภอเคียนซา
ทิศใต้ จด ตำบลอิปันและตำบลสาคู อำเภอพระแสง
ทิศตะวันออก จด แม่น้ำตาปี ตำบลควนศรี อำเภอบ้านนาสาร
ทิศตะวันตก จด ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเคียนซา
เนื้อที่ ตำบลพ่วงพรมครมีเนื้อที่ทั้งหมด 137,500 ไร่ (ประมาณ 220 ตารางกิโลเมตร) พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราชพัสดุ เนื้อที่ของเกษตรกรที่ได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินรวม3,073 ราย จำนวน 39,876 ไร่ 3 งาน 68 ตารางวา
ภูมิประเทศ สภาพโดยทั่วไปส่วนใหญ่เป็นที่ราบสลับเนินดิน ส่วนฝั่งตะวันออกติดกับแม่น้ำตาปีเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ และมีน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก พื้นที่ทอดยาวจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก สภาพพื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูกและทำการเกษตร
จำนวนหมู่บ้าน 13 หมู่บ้าน ดังนี้
หมู่ 1 บ้านควนสามัคคี
หมู่ 2 บ้านควนคีรีวงศ์
หมู่ 3 บ้านปลายควน
หมู่ 4 บ้านบางดี
หมู่ 5 บ้านคลองโร
หมู่ 6 บ้านพรหมรังสิต
หมู่ 7 บ้านสองพี่น้อง
หมู่ 8 บ้านควนลางสาด
หมู่ 9 บ้านสี่แยกคลองศิลา
หมู่ 10 บ้านไร่ยาว
หมู่ 11 บ้านห้วยลึก
หมู่ 12 บ้านสมบูรณ์ประชาสรรค์
หมู่ 13 บ้านบกหุ้น
กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) (อังกฤษ: Department of Learning Encouragement : DOLE) เดิมชื่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) เป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่หน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในประเทศไทย ยกฐานะมาจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดิมก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2483 เป็นกองการศึกษาผู้ใหญ่ และจัดตั้งเป็นกรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2522 ในชื่อ "กรมการศึกษานอกโรงเรียน" หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่า "กศน."
ประวัติ
ยุคที่1 กองการศึกษาผู้ใหญ่
การศึกษาผู้ใหญ่ เริ่มมีอย่างเป็นทางการในปี 2483 โดยรัฐบาลในขณะนั้น ได้ให้มีการจัดตั้ง "กองการศึกษาผู้ใหญ่" สังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับผิดชอบงานการศึกษาผู้ใหญ่โดยตรง และได้ริเริ่มโครงการรณรงค์การรู้หนังสือทั่วประเทศ พร้อมกับประกาศใช้กฎหมายบังคับให้ประชาชนผู้ไม่รู้หนังสือที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 45 ปี เสียค่าเล่าเรียนเป็นรายปี จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้รู้หนังสือแล้ว ซึ่งโครงการรณรงค์ดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ต้องหยุดชะงักไปเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ยุคที่2 กรมการศึกษานอกโรงเรียน
ต่อมา ได้มีการขยายโอกาสการศึกษาผู้ใหญ่อย่างกว้างขวางในช่วงปี 2513-2523 รัฐบาลจึงได้ยกฐานะกองการศึกษาผู้ใหญ่ ขึ้นเป็น "กรมการศึกษานอกโรงเรียน" ขึ้น เพื่อจัดการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับประชาชนในวันที่ 24 มีนาคม 2522
ยุคที่3 สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการปฏิรูประบบราชการ และมีการยุบรวมกรมต่าง ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการจากเดิม 14 กรม เหลือเพียง 5 สำนักงาน ทำให้ กรมการศึกษานอกโรงเรียน ถูกยุบรวมเป็นสำนักงานบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พุทธศักราช 2551 สำนักฯ จึงปรับภารกิจเป็น "สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย" (อังกฤษ: Office of the Non-Formal and Informal Education : NFE)
ยุคปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเรียนรู้
กระทั่งวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2566 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 โดยมีสาระสำคัญคือการยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 และยกฐานะ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็น "กรมส่งเสริมการเรียนรู้" โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นไป 60 วันหรือตรงกับวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
หมู่ที่11 บ้านห้วยลึก ตำบลพ่วงพรมคร อำภอเคเียนซา
จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84210
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้ง กศน. ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2551 จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลพ่วงพรมคร โดยเดิมที จัดตั้งอยู่ หมู่ที่ 8 บ้านควนลางสาด แต่ด้วยพื้นที่เป็นของประชาชนที่ได้ให้ใช้ และเจ้าของที่ได้มาขอที่คืนจึงได้ย้ายมาใช้อาคารประชุมหมู่บ้านของ หมู่ที่ 4 บ้านบางดี แต่ด้วยสภาพพื้นที่ไม่เอื่ออำนวยต่อการจัดการเรียนรู้ จึงได้ย้ายศูนย์ไปตั้งที่ ศาลาประชุมหลังเก่า หมู่ที่11 บ้านห้วยลึก ได้ก่อสร้างตัวอาคารต่อเติมจากศาลาประชุมของหมู่บ้านตั้ง เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน โดยใช้ชื่อว่า ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลพ่วงพรมคร ได้มีการเปลี่ยนชื่อ กศน.ตำบลเป็น ศกร.ระดับตำบล สังกัด กรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยมี นายสุมิตร ชัยกูล ตำแหน่ง ครูกศน.ตำบล เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบทุกรูปแบบใน ศกร.ระดับตำบลพ่วงพรมคร เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของชาวตำบลพ่วงพรมคร และในตำบลใกล้เคียง