ประวัติความเป็นมาของ ศกร.ระดับตำบลพะแสง
ในปีพุทธศักราช 2547 ได้มีการจัดตั้งกลุ่มการเรียนการสอน ของศูนย์การเรียนชุมชนตำบลพะแสงขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้สถานที่ในการพบกลุ่มนักศึกษาที่ สถานีอนามัยบ้านปากน้ำ หมู่ที่ 2 ตำบลพะแสง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการสอนนักศึกษามาจนถึงปี 2549 ได้มีการประกาศจัดตั้ง ศูนย์การเรียนชุมชนตำบลพะแสงขึ้น โดยมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนขึ้นใหม่ โดยใช้สถานที่ ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ที่ 9 ตำบลพะแสง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสถานที่พบกลุ่ม โดยดำเนินงานตามภารกิจงาน ของศูนย์การเรียนชุมชุน จนถึง ปีพ.ศ.2553
ได้มีการยกระดับจากศูนย์การเรียนชุมชุนตำบลพะแสง ขึ้นเป็น กศน. ตำบลพะแสง โดยใช้สถานที่เดิมที่เป็นศูนย์การเรียนชุมชนเดิม โดยในครั้งนี้ได้รับการยกสถานที่ให้ โดยผู้ใหญ่ชาลี ชูจันทร์ ให้ใช้อย่างเป็นทางการ และได้มีพิธีเปิด กศน. ตำบลพะแสงอย่างเป็นทางการขึ้นเมื่อในที่ 9 สิงหาคม 2553 โดยมี ส.ส.สินิตย์ เลิศไกร มาเป็นประธานในพิธีเปิด และได้ดำเนินงาน ตามภารกิจของ กศน.ตำบลพะแสง มาจนถึงปี 2567 ได้มีการปรับมาเป็น ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลพะแสง จนถึงปัจจุบัน
กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) (อังกฤษ: Department of Learning Encouragement : DOLE) เดิมชื่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) เป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่หน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในประเทศไทย ยกฐานะมาจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดิมก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2483 เป็นกองการศึกษาผู้ใหญ่ และจัดตั้งเป็นกรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2522 ในชื่อ "กรมการศึกษานอกโรงเรียน" หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่า "กศน."
ประวัติ
ยุคที่1 กองการศึกษาผู้ใหญ่
การศึกษาผู้ใหญ่ เริ่มมีอย่างเป็นทางการในปี 2483 โดยรัฐบาลในขณะนั้น ได้ให้มีการจัดตั้ง "กองการศึกษาผู้ใหญ่" สังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับผิดชอบงานการศึกษาผู้ใหญ่โดยตรง และได้ริเริ่มโครงการรณรงค์การรู้หนังสือทั่วประเทศ พร้อมกับประกาศใช้กฎหมายบังคับให้ประชาชนผู้ไม่รู้หนังสือที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 45 ปี เสียค่าเล่าเรียนเป็นรายปี จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้รู้หนังสือแล้ว ซึ่งโครงการรณรงค์ดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ต้องหยุดชะงักไปเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ยุคที่2 กรมการศึกษานอกโรงเรียน
ต่อมา ได้มีการขยายโอกาสการศึกษาผู้ใหญ่อย่างกว้างขวางในช่วงปี 2513-2523 รัฐบาลจึงได้ยกฐานะกองการศึกษาผู้ใหญ่ ขึ้นเป็น "กรมการศึกษานอกโรงเรียน" ขึ้น เพื่อจัดการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับประชาชนในวันที่ 24 มีนาคม 2522
ยุคที่3 สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการปฏิรูประบบราชการ และมีการยุบรวมกรมต่าง ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการจากเดิม 14 กรม เหลือเพียง 5 สำนักงาน ทำให้ กรมการศึกษานอกโรงเรียน ถูกยุบรวมเป็นสำนักงานบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พุทธศักราช 2551 สำนักฯ จึงปรับภารกิจเป็น "สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย" (อังกฤษ: Office of the Non-Formal and Informal Education : NFE)
ยุคปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเรียนรู้
กระทั่งวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2566 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 โดยมีสาระสำคัญคือการยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 และยกฐานะ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็น "กรมส่งเสริมการเรียนรู้" โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นไป 60 วันหรือตรงกับวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566