กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) (อังกฤษ: Department of Learning Encouragement : DOLE) เดิมชื่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) เป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่หน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในประเทศไทย ยกฐานะมาจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดิมก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2483 เป็นกองการศึกษาผู้ใหญ่ และจัดตั้งเป็นกรมครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2522 ในชื่อ "กรมการศึกษานอกโรงเรียน" หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่า "กศน."
ประวัติ
ยุคที่1 กองการศึกษาผู้ใหญ่
การศึกษาผู้ใหญ่ เริ่มมีอย่างเป็นทางการในปี 2483 โดยรัฐบาลในขณะนั้น ได้ให้มีการจัดตั้ง "กองการศึกษาผู้ใหญ่" สังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับผิดชอบงานการศึกษาผู้ใหญ่โดยตรง และได้ริเริ่มโครงการรณรงค์การรู้หนังสือทั่วประเทศ พร้อมกับประกาศใช้กฎหมายบังคับให้ประชาชนผู้ไม่รู้หนังสือที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 45 ปี เสียค่าเล่าเรียนเป็นรายปี จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้รู้หนังสือแล้ว ซึ่งโครงการรณรงค์ดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ต้องหยุดชะงักไปเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ยุคที่2 กรมการศึกษานอกโรงเรียน
ต่อมา ได้มีการขยายโอกาสการศึกษาผู้ใหญ่อย่างกว้างขวางในช่วงปี 2513-2523 รัฐบาลจึงได้ยกฐานะกองการศึกษาผู้ใหญ่ ขึ้นเป็น "กรมการศึกษานอกโรงเรียน" ขึ้น เพื่อจัดการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับประชาชนในวันที่ 24 มีนาคม 2522
ยุคที่3 สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2545 ได้มีการปฏิรูประบบราชการ และมีการยุบรวมกรมต่าง ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการจากเดิม 14 กรม เหลือเพียง 5 สำนักงาน ทำให้ กรมการศึกษานอกโรงเรียน ถูกยุบรวมเป็นสำนักงานบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พุทธศักราช 2551 สำนักฯ จึงปรับภารกิจเป็น "สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย" (อังกฤษ: Office of the Non-Formal and Informal Education : NFE)
ยุคปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเรียนรู้
กระทั่งวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2566 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 โดยมีสาระสำคัญคือการยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 และยกฐานะ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็น "กรมส่งเสริมการเรียนรู้" โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นไป 60 วันหรือตรงกับวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอดอนสัก เดิมชื่อว่า ศูนย์ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอดอนสัก ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดทำการสอนเมื่อปี 2533 ในรูปแบบของครูประจำกลุ่ม เปิดสอนตามหมู่บ้านและโรงเรียนในวันเสาร์และวันอาทิตย์ โดยใช้สถานศึกษาคือศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดสุราษฎร์ธานี(ในสมัยนั้น) แห่งเดียวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 ได้มีนโยบายการกระจายการบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนสู่อำเภอโดยให้มีสถานศึกษาทั่วถึงทุกอำเภอในประเทศไทยโดยมี นายมงคล กาฬคลอด เป็นผู้บริหารสถานศึกษาในขณะนั้น ซึ่งการจัดการสอนครั้งแรกได้อาศัยศาลาการเปรียญของวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ เป็นสำนักงานและเป็นสถานที่พบกลุ่มนักศึกษา ต่อมา หลวงพ่อจ้อย (พระกิตติมงคลพิพัฒน์) ได้มอบที่ดินประมาณ 2 ไร่ ให้สร้างอาคารสำนักงานและห้องสมุดประชาชน โดยคหบดีและราษฎรในอำเภอดอนสักได้พร้อมใจกันสละเงินสมทบเพื่อก่อสร้างอาคารปูนชั้นเดียว จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารสำนักงานและห้องสมุดประชาชนอำเภอดอนสักส่วนสถานที่เรียนพบกลุ่ม ใช้อาคารเรียนของโรงเรียนดอนสักผดุงวิทย์ในวันเสาร์–วันอาทิตย์
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอดอนสัก ประกาศจัดตั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ด้วยพระราชบัญญัติส่งสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 ตามมาตรา 27 และ 28 กำหนดให้เปลี่ยนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในสำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ
อาณาเขตที่ตั้ง : อาณาเขตอำเภอดอนสัก เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้งอยู่บนฝั่งอ่าวไทยตะวันออกหรืออ่าวบ้านดอน ห่างจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 65 กิโลเมตรและห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 709 กิโลเมตร ที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ริมถนนสายบ้านใน – ขนอม ทางหลวงหมายเลข 4142 อยู่ใน หมู่ที่ 5 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก มีพื้นที่ประมาณ 458 ตารางกิโลเมตร หรือ 286,250 ไร่ โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดอ่าวบ้านดอน
ทิศใต้ จรดอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทิศตะวันออก จรดอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
ทิศตะวันตก จรดอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สภาพของชุมชน: สภาพชุมชน อำเภอดอนสักมีลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบสูง ลาดไปทางชายฝั่งทะเล ตอนเหนือทางตอนใต้และตะวันออกเป็นแนวภูเขาสูง อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ และแร่ธาตุทางตอนกลางของทางตะวันตก เป็นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การเพาะปลูก ทางตอนเหนือเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล มีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2 แห่ง เนื้อที่ 111,943 ไร่ มีอากาศอบอุ่นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 24.7 องศาเซลเซียส มี 2 ฤดู คือ ฤดูฝนและฤดูร้อน ฤดูร้อนอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 29 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,000 มิลลิเมตร/ปี สภาพดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วนปนทราย ดินลูกรัง
แหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ คลองดอนสักและคลองท่าทอง
เขตการปกครอง
อำเภอดอนสักแบ่งการปกครองออกเป็น 4 ตำบล 41 หมู่บ้านดังนี้
- ตำบลดอนสัก จำนวน 14 หมู่บ้าน
- ตำบลชลคราม จำนวน 6 หมู่บ้าน
- ตำบลไชยคราม จำนวน 5 หมู่บ้าน
- ตำบลปากแพรก จำนวน 16 หมู่บ้าน
การปกครองส่วนท้องถิ่น
- เทศบาล จำนวน 1 แห่งคือเทศบาลเมืองดอนสัก
- องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 4 แห่ง
1. องค์การบริหารส่วนตำบลดอนสัก
2. องค์การบริหารส่วนตำบลปากแพรก
3. องค์การบริหารส่วนตำบลชลคราม
4. องค์การบริหารส่วนตำบลไชยคราม
- สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 คน
ประชากร อำเภอดอนสักมีประชากรรวมทั้งสิ้น 36,978 คน แบ่งเป็น ประชากรชาย 18,358 คน ประชากรหญิง 18,620 คน จำนวน17,123 ครัวเรือน (สำนักงานทะเบียนราษฎร์อำเภอดอนสัก
ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2567)
การประกอบอาชีพ
ด้านการเกษตร ประชากรส่วนใหญ่ของอำเภอดอนสักประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรรม เช่น การทำสวนยางพารา การทำสวนปาล์มน้ำมัน การปลูกไม้ผล นอกจากนี้ยังมีการประกอบอาชีพการทำประมงชายฝั่ง เช่น เรืออวนลาก อวนลอย และอวนรุน มีโรงงานอุตสาหกรรม แปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารทะเล แต่มีกำลังการผลิตไม่มากนัก
อำเภอดอนสักมีพื้นที่ทั้งหมด 286,250 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมด 195,041 ไร่ พื้นที่ป่าไม้และอื่นๆ 91,209 ไร่
ด้านอุตสาหกรรม การอุตสาหกรรมของอำเภอดอนสัก ปัจจุบันมีโรงงาน จำนวน 3 แห่ง ดังนี้
1. บริษัท ฟิลิปส์
2. บริษัท เอส อาร์ ซีฟู๊ดส์
3. บริษัท โกลบอล อินเตอร์ จำกัด
ด้านศาสนาและวัฒนธรรม
- ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 90
- วัด จำนวน 15 แห่ง
- สำนักสงฆ์ จำนวน 10 แห่ง
- ศาลเจ้า จำนวน 2 แห่ง
- ประเพณีสำคัญ คือ ประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ พิธีวางพวงมาลาหม่อมเจ้าวิภาวดีรังสิตประเพณีส่งตายาย และประเพณีสงกรานต์
ด้านการท่องเที่ยว
1. วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นวัดที่หลวงพ่อจ้อย เกจิอาจารย์ชื่อดังปฏิสังขรณ์อยู่ เป็นวัดที่ร่มรื่น ธรรมชาติสวยงาม มีต้นไม้นานาพันธุ์ ปูชนียวัตถุที่น่าสนใจ ได้แก่ องค์พระเจดีย์บนยอดเขาล้าน (วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์) สูง 45 เมตร เด่นสง่า
เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้มาจากวัดพระเกียรติ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ รอบองค์พระเจดีย์เป็นวิหารจัตุรมุข กว้างยาวด้านละ 28 เมตร ประกอบด้วยเสาคอนกรีต 101 ต้น ยอดพระเจดีย์หุ้มด้วยทองคำหนัก 119 บาท 2 สลึง และยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ของทะเลบริเวณอ่าวบ้านดอนและหมู่เกาะอ่างทองได้เป็นอย่างดี ทางขึ้นเป็นถนนลาดยาง รถยนต์สามารถขึ้นไปได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิตประดิษฐานอยู่ริมทางขึ้นสู่พระเจดีย์ด้านขวามือและตลอดจนมีปูชนียวัตถุอีกหลายอย่าง
2. น้ำตกวิภาวดี (น้ำตกบ้านใน) น้ำตกวิภาวดี ในพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านใน ตำบลปากแพรก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ริมถนนสาย 401 สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากอำเภอดอนสักประมาณ 22 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามน่าเที่ยว นอกจากจะได้ชมน้ำตกแล้วยังสามารถพักผ่อนหย่อนใจในสวนสาธารณะที่อยู่บริเวณเดียวกับน้ำตก พร้อมทั้งสามารถสั่งเครื่องดื่มและอาหารรับประทานได้ตามอัธยาศัย
3. หาดวังหิน / แหลมทวด อยู่ห่างจากอำเภอดอนสักประมาณ 2 กิโลเมตร ชายหาดเต็มไปด้วยโขดหินสวยงาม อากาศสดชื่นเย็นสบาย บางครั้งสามารถชมปลาโลมาในทะเลได้อย่างใกล้ชิด บริเวณรอบหาดได้รับการตกแต่งให้เป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม มีที่นั่งพักผ่อนและชมทิวทัศน์ และมีรูปปั้นแสดงการแต่งกายของไทยสมัยต่างๆ รวมทั้งมีบ้านพักและร้านอาหารไว้บริการแก่ผู้มาพักผ่อนด้วย
4. หาดนางกำ เดินทางสู่ท่าเรือเฟอร์รี่ของบริษัทราชาเฟอร์รี่ ก่อนถึงประตูท่าเรือ จะมีถนนแยกไปทางขวามือ เป็นถนนลาดยางเลียบฝั่งทะเล ผ่านสวนมะพร้าวประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงหาดนางกำ เป็นชายหาดที่สะอาด สงบเงียบ ทัศนียภาพสวยงาม สามารถลงเล่นน้ำได้ มีบ้านพัก ร้านจำหน่ายอาหารและ
ห้องอาบน้ำจืดไว้บริการ
5. ท่าเรือเฟอร์รี่ ปัจจุบันดอนสักมีท่าเรือเฟอร์รี่ 2 บริษัท คือ ท่าเรือเฟอร์รี่ของบริษัทราชาเฟอร์รี่ และท่าเรือเฟอร์รี่ของบริษัท ซีทรานเฟอร์รี่ จำกัด ทั้งสองท่าตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกัน ห่างจากที่ว่าการอำเภอดอนสักไปทางถนนสายดอนสัก-ขนอม ประมาณ 8 กิโลเมตร มีเรือเฟอร์รี่เข้า-ออก ทุกชั่วโมง ท่านสามารถเข้าไปเที่ยวได้ นอกจากนี้ท่านยังได้ชมทัศนียภาพของทะเลอันสวยงาม
6. ท่าเรือเร็วลมพระยาดอนสัก อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลดอนสัก ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ที่จะเดินทางไปถึงเกาะสมุย ภายใน 45 นาที และยังเดินทางไปเกาะพะงันไปเกาะเต่า ห่างจากที่ว่าการอำเภอดอนสักไปลงไปทางถนนสายตลาดสดเทศบาลเมืองดอนสัก ประมาณ 1 กิโลเมตร
7. ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ดอนสัก แหลมทวด ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวดอนสักและอ่าวบางน้ำจืด ตำบลดอนสัก ลักษณะท่าเป็นท่าเทียบเรือและจอดเรือ ที่กรมเจ้าท่าดำเนินการก่อสร้าง
ด้านการศึกษา
- สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 1 โรง คือ โรงเรียนปากแพรกวิทยาคม
- สถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ระดับมัธยมศึกษา จำนวน 1 โรง คือ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 (ดอนสักผดุงวิทย์)
- สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1 จำนวน 20 โรง
- สถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลปากแพรก ระดับอนุบาล ถึงระดับประถมศึกษา จำนวน 1 โรง คือ โรงเรียนบ้านเขาพระอินทร์
- สถานศึกษา สังกัดเอกชน ระดับอนุบาลถึงระดับประถมศึกษา จำนวน 4 โรง คือโรงเรียนอนุบาล
ขวัญยืน โรงเรียนอนุบาลชุลีกร โรงเรียนอนุบาลคิดดี และโรงเรียนอนุบาลกัลยารัตน์
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 7 แห่ง
- สกร.ระดับอำเภอดอนสัก จำนวน 1 แห่ง
- ห้องสมุดประชาชน จำนวน 1 แห่ง
- ศกร.ระดับตำบล จำนวน 4 แห่ง