การอบรมนี้จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งเสริมการปลูกฝังวัฒนธรรมซื่อสัตย์สุจริตในสถานศึกษาเอกชน โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
วัตถุประสงค์และความสำคัญของหลักสูตรต้านทุจริต
เป้าหมายเพื่อสร้างคนเก่งที่มีคุณธรรมและจริยธรรม เน้นการปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตในนักเรียน
หลักสูตรเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2561 และมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการบูรณาการในสถานศึกษา
ป.ป.ช. มีบทบาทตรวจสอบความโปร่งใสทั้งในภาครัฐและเอกชน รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณและวินัยในสถานศึกษาเอกชน
การพัฒนาหลักสูตรและการบูรณาการ
โรงเรียนทุกแห่งต้องพัฒนาหลักสูตรทุกปี โดยบูรณาการเนื้อหาต้านทุจริตในวิชาต่าง ๆ เช่น สังคมศึกษา หน้าที่พลเมือง หรือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
การบูรณาการสามารถทำได้ในรูปแบบ:
รายวิชาเพิ่มเติมในโครงสร้างเวลาเรียน
บูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่น สังคมศึกษา
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เช่น กิจกรรมสภานักเรียนหรือการรณรงค์
การประเมินผลนักเรียนในช่วงชั้นที่ 1 ใช้ระดับสมรรถนะแทนเกรด โดยระบุในหมายเหตุโครงสร้างเวลาเรียน
การพัฒนาศักยภาพครู
ครูต้องเข้ารับการอบรมผ่านแพลตฟอร์มของ ป.ป.ช. เพื่อรับเกียรติบัตรเป็นวิทยากร
ครูนำความรู้ไปถ่ายทอดในที่ประชุมโรงเรียน (KM) และบูรณาการเทคโนโลยี เช่น การใช้ AI ในการสอน
การอบรมเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา
การนิเทศ ติดตาม และประเมินผล
มีการนิเทศโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ร่วมกับ ป.ป.ช. เพื่อติดตามการขับเคลื่อนหลักสูตร
ครูต้องบันทึกผลการสอนและรายงานข้อมูลผ่านระบบโรงเรียนพร้อม (School Prompt) และแพลตฟอร์มต้านทุจริตศึกษา
การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนเป็นหลักฐานสำคัญในการรายงานผล
การใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม
ครูและนักเรียนต้องใช้แพลตฟอร์มต้านทุจริตศึกษา (ACED) เพื่อเรียนรู้และรับเกียรติบัตร
ระบบโรงเรียนพร้อมใช้สำหรับบันทึกข้อมูลการขับเคลื่อนหลักสูตร
การใช้ AI เช่น Google AI Studio ช่วยออกแบบแผนปฏิบัติการและกิจกรรมการเรียนการสอน
การประเมินและรางวัล
มีการคัดเลือกสถานศึกษาที่ขับเคลื่อนหลักสูตรได้ดีเด่น ดีมาก และดี เพื่อรับเกียรติบัตรจาก ป.ป.ช.
แบบประเมินความพึงพอใจและข้อมูลการดำเนินงานต้องส่งผ่าน Google Classroom หรือแพลตฟอร์มที่กำหนด
ปัญหาและแนวทางแก้ไข
ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกรูปแบบเป็นที่มาของหลักสูตรนี้
ครูต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพื่อถ่ายทอดสู่เด็ก
การจัดการข้อมูลต้องทำด้วยความสุจริตและถูกต้อง เพื่อให้ข้อมูลมีคุณค่า
จากการบรรยาย "การประชุมปฏิบัติการ PLC สะท้อนผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการยกระดับ และติดตามผลการประเมิน PISA 2025 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 PLC PISA Connect" สรุปได้ดังนี้
การบรรยายครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับการจัดการเรียนการสอน โดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ผลการประเมินระดับชาติต่างๆ ทั้ง PISA, RT และ NT เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับนำไปออกแบบกิจกรรมและโครงการที่จะใช้พัฒนาผู้เรียนในปีการศึกษา 2567
หัวใจของการบรรยายคือการชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างแนวทางการประเมินผลแบบเดิมอย่าง O-NET และ NT ซึ่งมุ่งเน้นการวัดความจำจากสิ่งที่เรียนไปแล้วในอดีต กับข้อสอบมาตรฐานสากลอย่าง PISA ที่มองไปข้างหน้าและเน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง วิทยากรได้ยกกรณีศึกษาความสำเร็จของประเทศเอสโตเนียเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งแม้จะมีประชากรน้อยแต่กลับทำคะแนน PISA ได้สูง ผ่านนโยบายที่เน้นสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา ลดภาระงาน และมอบความไว้วางใจให้ครูเป็นผู้ออกแบบการสอนอย่างอิสระ
เพื่อให้แนวคิดดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรม ผู้เข้าร่วมจึงได้รับมอบหมายภารกิจผ่านใบงาน 3 ชิ้น โดยมีเครื่องมือสำคัญคือ AI Studio และชุดคำสั่ง (Prompt) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเป็นผู้ช่วยหลัก ภารกิจประกอบด้วยการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ไฟล์ผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนเพื่อหาจุดที่ควรพัฒนาเร่งด่วน, การนำจุดที่ควรพัฒนานั้นมาต่อยอดเพื่อ "แปลงร่าง" ข้อสอบ O-NET ให้กลายเป็นข้อสอบแนว PISA ที่มีสถานการณ์ซับซ้อน พร้อมสร้างเกณฑ์การให้คะแนนและแผนการสอนให้โดยอัตโนมัติ และสุดท้ายคือการเขียนสะท้อนผลจากการนำข้อสอบแนว PISA ไปใช้จริงในชั้นเรียน
ตลอดการอบรม วิทยากรได้สาธิตกระบวนการทำงานอย่างละเอียด ตั้งแต่การเข้าถึงเอกสาร, การเตรียมไฟล์ข้อมูลในรูปแบบ PDF, ไปจนถึงการใช้งาน AI Studio ทีละขั้นตอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการลดระยะเวลาการทำงานของครูจากที่เคยใช้เวลาหลายวันให้เหลือเพียงไม่กี่นาที และเมื่อทำภารกิจทั้งหมดเสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมจะต้องส่งงานผ่านระบบ Google Classroom เพื่อรับการประเมินต่อไป
โครงการนี้มีชื่อว่า "โครงการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา" และเป็นโครงการใหม่ที่ริเริ่มขึ้น
หน่วยงานรับผิดชอบและงบประมาณ:
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา มอบหมายให้กลุ่มงานพัฒนาระบบการจัดการศึกษาตลอดชีวิต และกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล เป็นผู้จัดทำโครงการ
งบประมาณรวมทั้งสิ้น 152,790 บาท ซึ่งมาจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2568
ความเชื่อมโยงกับนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ:
โครงการนี้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยมีเป้าหมายให้คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 และประเด็นปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
สอดคล้องกับ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 12 เรื่องกำลังคนสมรรถนะสูง
สนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) เป้าหมายที่ 4 ด้านการศึกษา โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนเยาวชนและผู้ใหญ่ที่มีทักษะจำเป็น รวมถึงทักษะด้านเทคนิคและอาชีพ และการสร้างหลักประกันว่าผู้เรียนได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน
หลักการและเหตุผล:
โลกปัจจุบันเป็นยุค VUCA World (ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และเปลี่ยนแปลง) และกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ BANI World (เปราะบาง กังวล ไม่เป็นเชิงเส้น และไม่สามารถคาดการณ์ได้)
มีความจำเป็นที่ครูไทยต้องพัฒนาทักษะด้านนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา เทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะชีวิต เพื่อหล่อหลอมเยาวชนให้มีศักยภาพรองรับโลกยุคใหม่
หัวใจสำคัญคือการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และบทบาทครูให้เป็น "ครูยุคใหม่" ที่สามารถส่งเสริมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ให้ผู้เรียน เช่น การคิดนอกกรอบ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน
โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบและกระบวนการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้าน การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ พร้อมทั้งส่งเสริมการบูรณาการ เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้และออกแบบสื่อการสอนที่ทันสมัย
หลักสูตรเน้นให้ครูออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริง เพื่อพัฒนาความฉลาดรู้ของผู้เรียนในด้านดังกล่าว และมีการถอดบทเรียน สะท้อนผล และรายงานผลผ่านระบบออนไลน์เพื่อวัดคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้
วัตถุประสงค์และเป้าหมาย:
เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการพัฒนาครู
เพื่อให้ครูมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะผู้เรียนสำหรับศตวรรษที่ 21
เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้
เป้าหมายรวมถึงการมีหน่วยงานเครือข่ายไม่น้อยกว่า 9 แห่ง มีครูและบุคลากรได้รับการพัฒนาไม่น้อยกว่า 76 คน มีผลสัมฤทธิ์จากการเรียนรู้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 มีแผนการจัดการเรียนรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และมีความพึงพอใจในการนำแผนไปใช้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
ผลที่คาดว่าจะเกิดคือ ครูสามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ให้บรรลุตัวชี้วัดคือ "คะแนน PISA ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (คะแนนเฉลี่ย)" ได้เพิ่มขึ้น
กิจกรรมหลัก:
กิจกรรมที่ 1: ประชุมชี้แจงการดำเนินงาน (ไม่ใช้งบประมาณ)
กิจกรรมที่ 2: อบรมปฏิบัติการพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา (ใช้งบประมาณ 140,790 บาท)
กิจกรรมที่ 3: นิเทศ ติดตามและประเมินผลการนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้ในสถานศึกษา (ใช้งบประมาณ 12,000 บาท)
กิจกรรมที่ 4: ประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ (ไม่ใช้งบประมาณ)
กิจกรรมที่ 5: ประชุมสรุปและรายงานผล (ไม่ใช้งบประมาณ)
เนื้อหาใน YouTube Transcript เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการอบรมปฏิบัติการที่กล่าวถึงในโครงการ โดยมีจุดเด่นและรายละเอียดดังนี้:
การประเมิน PISA:
PISA การันตีความสามารถในระดับนานาชาติ และเป็นสิ่งที่กระทรวงให้ความสำคัญ
ขอบเขตการประเมิน PISA มี 3 ด้านสำคัญคือ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
ข้อสอบ PISA จะมาจากสถานการณ์จริงและชีวิตประจำวันที่เด็กนำไปใช้ เพื่อวัดการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ข้อสอบ O-NET จะเลียนแบบข้อสอบ PISA โดยเน้นความยากในการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ ครูภาษาไทยถูกกระตุ้นให้เริ่มสอนทักษะเหล่านี้ตั้งแต่ระดับประถม
การนำ AI มาใช้ในการจัดการศึกษา:
การอบรมมุ่งเน้นการให้ "เทคนิค" ที่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง เช่น การใช้ AI ช่วยเขียนแผนนิเทศ (สำหรับศึกษานิเทศก์), ช่วยออกแบบการจัดการเรียนรู้ (สำหรับครู), และช่วยวางแผนการบริหาร (สำหรับผู้บริหาร)
มีการแนะนำเครื่องมือ AI หลายตัวที่ผู้เข้าร่วมอาจไม่เคยได้ยิน หรือเคยใช้แต่ในมุมมองที่คาดไม่ถึง
AI Studio ถูกนำเสนอเป็นเครื่องมือหลัก โดยมีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย เช่น:
แปลภาษาจากเอกสารทั้งเล่ม (เช่น ฝรั่งเศสเป็นไทย หรืออังกฤษเป็นไทย)
วิเคราะห์แบบสำรวจความพึงพอใจ โดยให้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสรุปรายงานได้
แปลงข้อมูลจากไฟล์ PDF ที่เป็นตารางให้เป็นไฟล์ Spreadsheet
วิเคราะห์ SWOT โดยให้ข้อมูลและเขียนรายงานได้
สร้างรูปภาพและวิดีโอจากข้อความ (A Generate Media)
แปลงข้อความเป็นเสียงพูด (Stream real-time) ด้วยเสียงระดับสตูดิโอ ที่ใกล้เคียงมนุษย์มาก
Bing.com/create เป็นอีกทางเลือกสำหรับการสร้างรูปภาพอย่างรวดเร็ว (Fast Food) โดยใช้บัญชี Hotmail
การสร้าง Google Form ด้วย App Script จาก AI AI สามารถเขียน App Script สำหรับสร้างข้อสอบ (เช่น ข้อสอบคำนาม 10 ข้อ พร้อมเฉลยและเหตุผล) หรือแบบประเมินความพึงพอใจได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาอย่างมาก
มีการแนะนำ Agentic AI เช่น Manas และ Pix ซึ่งสามารถคิดกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบและให้ผลลัพธ์ออกมาได้เอง ไม่เหมือน Generative AI ทั่วไปที่รอคำสั่งจากผู้ใช้
การตั้งค่า AI (Temperature): ค่า Temperature ใช้ควบคุมความคิดสร้างสรรค์กับความแม่นยำ
สำหรับครูผู้สอน: ตั้งค่าสูงที่ 0.7-0.9 เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการในการสร้างสื่อการสอน
สำหรับนักวิชาการ/ศึกษานิเทศก์/ผู้บริหาร: ตั้งค่าต่ำที่ 0.2-0.5 เพื่อเน้นความแม่นยำในการเขียนรายงานวิชาการหรือวิเคราะห์ข้อมูล
รูปแบบการอบรมและเครื่องมือ:
ใช้ Google Classroom เป็นแพลตฟอร์มหลักในการส่งงาน ดูเนื้อหา และสื่อสารระหว่างผู้เข้าร่วมและวิทยากร
มีการทำ Pre-test เพื่อประเมินความเข้าใจเบื้องต้น ซึ่งคะแนนจะส่งกลับเข้า Classroom
แบ่งผู้เข้ารับการอบรมเป็นกลุ่มย่อยตามรายวิชา ได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยมีวิทยากรประจำกลุ่มคอยอำนวยความสะดวก
มีการใช้ Padlet เพื่อให้ครูสามารถแชร์รูปภาพกิจกรรมระหว่างการอบรม
ใบงาน ที่ต้องส่งคือ "แผนการจัดการเรียนรู้" โดยจะต้องใช้ AI ในการสร้างพร้อม (Prompt) ด้วย และคัดลอกพร้อมที่ใช้มาใส่ท้ายใบงาน
มีการให้คำแนะนำด้านเทคนิคเกี่ยวกับการใช้ Google Chrome (เช่น การอัปเดต, Google Lens สำหรับสแกน QR Code/แปลงรูปเป็นข้อความ) และการใช้โปรแกรม ADW Cleaner เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์
การขยายผลและการติดตาม:
หลังจากการอบรม จะมีการ ติดตามของวิทยากร ไปยังเขตพื้นที่การศึกษาละ 1 โรงเรียน เพื่อติดตามผลการนำแผนไปใช้
ผู้เข้าร่วมทุกคนมีภารกิจในการ ขยายผลภายในโรงเรียนของตนเอง โดยจับคู่บัดดี้เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดในวิชาอื่นๆ
จะได้รับ เกียรติบัตร/วุฒิบัตร เมื่อมีการส่งงานครบถ้วน และงานที่ทำมาสามารถนำไปใช้ได้จริง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือเป็นผลงานอื่นๆ ได้
ศึกษานิเทศก์จะลงพื้นที่เยี่ยมเยียน และผู้เข้าร่วมสามารถสอบถามข้อสงสัยผ่าน Google Classroom ได้อย่างต่อเนื่อง
โดยสรุปแล้ว ทั้งสองแหล่งข้อมูลแสดงให้เห็นถึงความพยายามของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมาในการยกระดับคุณภาพการศึกษาผ่านการพัฒนาครูให้มีสมรรถนะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการเรียนรู้และการบริหารจัดการ เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการเพิ่มคะแนน PISA ของนักเรียนในจังหวัด
เนื้อหานี้เป็นบทสรุปการอบรมที่เน้นการใช้งาน แพลตฟอร์มการศึกษาต่อต้านการทุจริต โดยอธิบายขั้นตอนการเข้าถึง การลงทะเบียนเป็นสมาชิก และการเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ บนเว็บไซต์ของ ป.ป.ช. นอกจากนี้ ยังให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน Google Drive for PC ซึ่งช่วยในการจัดการและจัดเก็บไฟล์ข้อมูลบนคลาวด์ ทำให้สะดวกต่อการทำงานร่วมกันและการเข้าถึงข้อมูลจากอุปกรณ์ที่หลากหลาย รวมถึงแนะนำวิธีการติดตั้ง การแชร์ไฟล์ และการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการใช้งาน. มีการสอดแทรกคำแนะนำในการดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เบื้องต้นและการใช้โปรแกรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน. ผู้บรรยายได้เน้นย้ำประโยชน์ของการได้รับเกียรติบัตรจาก ป.ป.ช. หลังจากจบหลักสูตร และความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้และการทำงาน