ชื่อ-สกุล นางสิริรัตน์ ฤทธิแสง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
กลุ่มงานแนะแนว
โรงเรียนสตรีศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด
สอนรายวิชา แนะแนวระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ครูที่ปรึกษานักเรียน ชั้นม.3/8
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน.......15....ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
รายวิชา แนะแนว ระดับชั้น ม.3 จำนวน.......15..... ชั่วโมง/สัปดาห์
ชั่วโมงโฮมรูม นักเรียนที่ปรึกษาชั้นม.3/8 จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ระดับชั้นม.2 จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม "วิชาการ ม.3" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ....10..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน......3.......ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน........5.....ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 36 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1 สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร
1.2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้
1.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้
1.4 สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้
1.5 วัดและประเมินผลการเรียนรู้
1.6 ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา การเรียนรู้
1.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
1.8 อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
2.1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา
2.2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
2.3 ปฏิบัติงานวิชาการและงานอื่น ๆ ของสถานศึกษา
2.4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบการ
3.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนและการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน
ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะ
ที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย การใช้วิธีการสอนแบบโค้ชชิ่งกับนักเรียน ม. 3 สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการสร้างแนวทางและทักษะการตัดสินใจ ซึ่งนักเรียนในวัยนี้มักจะอยู่ในช่วงเวลาที่เริ่มค้นหาตัวเองและตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคต รวมถึงการสร้างความเข้าใจในกระบวนการคิดและการตัดสินใจที่มีผลต่อชีวิตในอนาคต ดังนั้น การใช้วิธีการที่เหมาะสมจึงต้องใส่ใจในเรื่องของกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นกิจกรรมมีส่วนร่วมและช่วยให้นักเรียนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ร้อยละ 95 โดยมีวิธีการที่เหมาะสมในการใช้โค้ชชิ่งกับนักเรียนม. 3 ดังนี้
1. การตั้งคำถามที่กระตุ้นความคิด (Powerful Questions)
หลักการ: โค้ชควรถามคำถามที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กคิดในเชิงลึกและเปิดมุมมองใหม่ เช่น “ถ้าคุณไม่กลัวที่จะล้มเหลว คุณอยากทำอะไร?” หรือ “คุณอยากเป็นใครในอีก 5 ปีข้างหน้า?”
ประโยชน์: ช่วยให้นักเรียนคิดถึงตัวตนและความฝันของตัวเอง ไม่ต้องการคำตอบที่ถูกหรือผิด แต่เป็นการกระตุ้นให้ค้นหาคำตอบที่เหมาะสมกับตัวเอง
2. การทำการบ้านและการวางแผนระยะยาว (Goal Setting and Action Planning)
หลักการ: ให้โค้ชช่วยให้นักเรียนตั้งเป้าหมายระยะยาวเกี่ยวกับการเรียนหรืออาชีพที่อยากทำ จากนั้นช่วยหาวิธีและแผนการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น
ประโยชน์: นักเรียนจะเริ่มเห็นภาพใหญ่และมีกำลังใจในการทำตามแผนที่ตนเองกำหนด
3. การใช้เครื่องมือการประเมินตนเอง (Self-Assessment Tools)
หลักการ: ให้นักเรียนใช้เครื่องมือในการประเมินทักษะ ความสนใจ หรือบุคลิกภาพ เช่น แบบทดสอบ MBTI (Myers-Briggs Type Indicator) หรือแบบทดสอบที่ช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
ประโยชน์: ช่วยให้นักเรียนเห็นลักษณะของตัวเองและสามารถเลือกเส้นทางการเรียนที่เหมาะสมกับความสนใจหรือความถนัด
4. การใช้กิจกรรมกลุ่มและการสื่อสาร (Group Activities and Communication Skills)
หลักการ: ให้นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกการทำงานร่วมกัน เช่น การอภิปรายหรือการนำเสนอแนวคิด
เรื่องสายการเรียนหรืออาชีพที่สนใจ
ประโยชน์: ส่งเสริมทักษะการสื่อสาร การคิดร่วมกัน และช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนๆ
เพื่อเสริมสร้างการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น
5. การสร้างสถานการณ์จำลอง (Role Playing)
หลักการ: ใช้การจำลองสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเรื่องการเลือกสายการเรียนหรืออาชีพ เช่น
การจำลองบทบาทของนักเรียนที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกสายวิทย์หรือสายศิลป์ หรือการจำลองบทบาทของบุคคลในอาชีพที่นักเรียนสนใจ
ประโยชน์: นักเรียนจะได้ฝึกการคิดแก้ปัญหาจากสถานการณ์จริงและฝึกทักษะการตัดสินใจที่อาจเกิดขึ้น
ในชีวิตจริง
6. การใช้การรีเฟล็กชัน (Reflection)
หลักการ: หลังจากการโค้ชชิ่งหรือการทำกิจกรรมใดๆ นักเรียนควรมีโอกาสได้สะท้อนความคิดของตัวเอง เช่น
การเขียนบันทึกหรือการพูดคุยกับโค้ชถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม
ประโยชน์: ช่วยให้นักเรียนสามารถคิดถึงผลลัพธ์จากการตัดสินใจของตนเองและเชื่อมโยงความคิดเหล่านั้นกับเป้าหมายในอนาคต
7. การใช้ตัวอย่างจากชีวิตจริง (Real-life Examples)
หลักการ: ใช้ตัวอย่างจากชีวิตจริงของบุคคลที่มีอาชีพหลากหลาย เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับทางเลือกในอาชีพประโยชน์: นักเรียนจะได้รับข้อมูลและมุมมองที่หลากหลายในการเลือกเส้นทางของตนเอง และเห็นว่า
ทุกอาชีพมีความสำคัญและน่าสนใจในตัวเอง
8. การพัฒนาทักษะการตัดสินใจ (Decision-Making Skills)
หลักการ: สอนนักเรียนให้รู้จักการประเมินข้อดีข้อเสียในการตัดสินใจ เช่น การใช้กรอบการตัดสินใจที่มีขั้นตอน (เช่น SWOT analysis หรือ pros/cons list)
ประโยชน์: ช่วยให้เด็กๆ สามารถตัดสินใจได้ด้วยเหตุผลที่มีการคิดอย่างรอบคอบ ไม่เพียงแต่พิจารณา
จากความรู้สึก แต่จากข้อมูลและข้อเท็จจริง
9. การใช้เทคโนโลยี (Using Technology for Exploration)
หลักการ: ให้โอกาสนักเรียนได้ใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ที่แนะนำอาชีพต่างๆ หรือแอปที่ช่วยใน
การทดสอบทักษะและความสนใจ เพื่อขยายมุมมองเกี่ยวกับอาชีพและสายการเรียนที่สนใจ
ประโยชน์: นักเรียนจะสามารถสำรวจทางเลือกต่างๆ ได้จากข้อมูลที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่าย
10. การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง (Building Self-Confidence)
หลักการ: ช่วยให้นักเรียนรู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง โดยการเสริมสร้างจุดแข็งและทักษะที่นักเรียนมี
ประโยชน์: เมื่อเด็กๆ เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง พวกเขาจะกล้าตัดสินใจเรื่องอนาคตของตนเองมากขึ้น
การใช้วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้การสอนแบบโค้ชชิ่งมีความเหมาะสมกับนักเรียน ม. 3 และช่วยให้
นักเรียนสามารถพัฒนาแนวคิดในการเลือกเส้นทางการเรียนและอาชีพได้อย่างมีคุณภาพ
ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 95 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบโค้ชที่มีความเหมาะสมกับนักเรียนช่วยให้นักเรียนสามารถพัฒนาแนวคิดในการเลือกเส้นทางการเรียนและอาชีพได้อย่างมีคุณภาพได้รับการส่งเสริม พัฒนาและจัดวางตัวบุคคล ในการเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตรงตามความต้องการความสามารถและศักยภาพของตนเองเหมาะสมทุกด้าน
เชิงคุณภาพ
นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบโค้ชที่มีความเหมาะสมกับนักเรียนช่วยให้นักเรียนสามารถพัฒนาแนวคิดในการเลือกเส้นทางการเรียนและอาชีพได้อย่างมีคุณภาพได้รับการส่งเสริม พัฒนาและจัดวางตัวบุคคล ในการเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตรงตามความต้องการความสามารถและศักยภาพของตนเองเหมาะสม
ทุกด้าน สามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
รายงานประเด็นท้าทาย