ชื่อ-สกุล นางสาวนรีรัตน์ เบี้ยพัด
ตำแหน่ง ครู (ยังไม่มีวิทยฐานะ)
กลุ่ม งานแนะแนว
โรงเรียนสตรีศึกษา จังหวัดร้อยเอ็ด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด
สอนรายวิชา แนะแนว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/6
สอนรายวิชา แนะแนว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/ 1- 2/9
การศึกษาค้นคว้าอิสระ IS ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4
ครูที่ปรึกษานักเรียน ชั้นม.2/8
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568
รายวิชากิจกรรมแนะแนว ระดับชั้น ม.1 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชากิจกรรมแนะแนว ระดับชั้น ม.2 จำนวน 9 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา IS การศึกษาค้นคว้าอิสระ ระดับชั้น ม.2 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
ชั่วโมงโฮมรูม นักเรียนที่ปรึกษาชั้น ม.2/8 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ระดับชั้น ม.3 จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม love my sefe เพื่อนที่ปรึกษา จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 0 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน.......0.....ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 20 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1 สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร
1.2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้
1.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้
1.4 สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้
1.5 วัดและประเมินผลการเรียนรู้
1.6 ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา การเรียนรู้
1.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
1.8 อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน
2.1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา
2.2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
2.3 ปฏิบัติงานวิชาการและงานอื่น ๆ ของสถานศึกษา
2.4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบการ
3.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู ( ยังไม่มีวิทยฐานะ) ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถปรับประยุกต์การจัดการเรียนรู้และปฏิบัติงานจนปรากฎผลลัพธ์กับผู้เรียนได้ตามมาตรฐานตำแหน่ง ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือพัฒนามากขึ้น ดังนี้
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การออกแบบกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think pair share)
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ปัจจุบัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์ การปรับตัวเข้ากับสังคมเพื่อน และการค้นหาตัวตน วัยนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เปราะบางและอ่อนไหว ทำให้หลายคนเริ่ม ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่เห็นคุณค่าในความสามารถ หรือ มองเห็นแต่จุดด้อยของตัวเอง ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมในห้องเรียน เช่น การไม่กล้าแสดงความคิดเห็น การไม่กล้ารับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย และการแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้น เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล
การเปรียบเทียบกับผู้อื่น สภาพแวดล้อมในโรงเรียนมักกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการเรียน ความสามารถ หรือรูปลักษณ์ภายนอก การใช้โซเชียลมีเดีย นักเรียนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโลกออนไลน์ ซึ่งมักเห็นภาพความสำเร็จหรือชีวิตที่สมบูรณ์แบบของคนอื่น ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า การขาดโอกาสในการค้นหาตนเอง กิจกรรมในโรงเรียนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การเรียนตามหลักสูตร ทำให้ขาดพื้นที่ให้นักเรียนได้สำรวจความชอบ ความสามารถพิเศษ และความสนใจที่แท้จริงของตัวเอง การสื่อสารที่ไม่เหมาะสม การสื่อสารจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนในเชิงลบ เช่น คำวิพากษ์วิจารณ์ หรือการล้อเลียน ส่งผลให้ความมั่นใจของนักเรียนลดลงอย่างรวดเร็ว
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1. วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2561) และศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีและเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2. นำข้อมูลที่ได้มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบกิจกรรมแนะแนวโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด (Think pair share) เพื่อเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและใช้จริง
3. เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุปและอภิปรายผล แล้วนำข้อมูลที่ได้จากการใช้มาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ต่อไป
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
- ผู้เรียนร้อยละ 80 ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะมีคะแนนเฉลี่ยจากการประเมินด้วยแบบวัดการเห็น
คุณค่าในตนเอง (Self-esteem Scale) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับคะแนนก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
- ผู้เรียนร้อยละ 80 มีจำนวนพฤติกรรมเชิงลบ ในด้านต่าง ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
- ผู้เรียนร้อยละ 80 มีความพึงใจต่อการจัดกิจกรรมแนะแนวในระดับมาก
3.2 เชิงคุณภาพ
- ผู้เรียนมีทักษะและกระบวนการและมีความเข้าใจเนื้อหาเรื่องการเห็นคุณค่าในตนเอง
ความสามารถ และจุดเด่นของตนเองได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างของเพื่อนร่วมชั้น
- ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดี ต่อตนเองและผู้อื่น
- ผู้เรียนมีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น
- ผู้เรียนเกิดความสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่มเพื่อน
บันทึกข้อตกลง PA
รายงานผลการประเมิน
การพัฒนางานตามข้อตกลง PA
แบบประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครู
รายงานประเด็นท้าทาย ปี 2568