ชื่อ-สกุล นางสาวอมรรัตน์ กรมรินทร์
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียน สตรีศึกษา จังหวัดร้อยเอ็ด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด
สอนรายวิชา การศึกษาค้นคว้าและ ฟิสิกส์ ชั้น ม.2, ม.4และม.6
ครูที่ปรึกษานักเรียน ชั้น ม.4/6
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน........16...ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
รายวิชา ฟิสิกส์ ระดับชั้น ม.4 จำนวน.......3.... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ฟิสิกส์ ระดับชั้น ม.6 จำนวน.......8.... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาการศึกษาค้นคว้าและการสร้างองค์ความรู้ ม.2 จำนวน.......2... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมโฮมรูม นักเรียนที่ปรึกษาชั้นม.4/6 จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ระดับชั้นม.3 จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม "โดมิโน่ฟิสิกส์" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ....9..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน......4.......ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน........4.....ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 33 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน........17...ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
รายวิชา ฟิสิกส์ ระดับชั้น ม.4 จำนวน.......4.... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชา ฟิสิกส์ ระดับชั้น ม.6 จำนวน.......8.... ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาการศึกษาค้นคว้าและการสร้างองค์ความรู้ ม.2 จำนวน.......2... ชั่วโมง/สัปดาห์
ชั่วโมงโฮมรูม นักเรียนที่ปรึกษาชั้นม.4/6 จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ระดับชั้นม.3 จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม "โดมิโน่ฟิสิกส์" จำนวน........1..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ....9..... ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน......4.......ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน........4.....ชั่วโมง/สัปดาห์
รวมจำนวนชั่วโมง 34 ชั่วโมง/สัปดาห์
ด้านการจัดการเรียนรู้
1.1 สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตร
1.2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้
1.3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้
1.4 สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้
1.5 วัดและประเมินผลการเรียนรู้
1.6 ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา การเรียนรู้
1.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
1.8 อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
หลักสูตรสถานศึกษา
ที่มา : academic.strisuksa.ac.th > หลักสูตรสถานศึกษา 🌐 ลิงก์เว็บไซต์
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กรรมการการแข่งขันกิจกรรมทักษะวิทยาศาสตร์
สัปดาห์วิทยาศาสตร์
กิจกรรมกลุ่มทำพานไหว้ครู
ภาพประกอบการร่วมกิจกรรมต่างๆ
สวนสนามกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี
กรรมการกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์
ร่วมพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่10
กรรมการดำเนินการสอบO-net
2.1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา
2.2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
2.3 ปฏิบัติงานวิชาการและงานอื่น ๆ ของสถานศึกษา
2.4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบการ
2.1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา
2.2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน โดยใช้ระบบ STR care
2.3 ปฏิบัติงานวิชาการและงานอื่น ๆ ของสถานศึกษา
2.4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคีเครือข่ายและหรือสถานประกอบการ
ภาพประกอบกิจกรรมต่างๆ
เยี่ยมบ้านนักเรียน4/6
เข้าร่วมพิธีถวายคำปฏิญาณ
เข้าร่วมกิจกรรมวันสุนทรภู่
ร่วมพิธีไหว้ครู
เยี่ยมบ้านนักเรียน4/6
ประชุมผู้ปกครองนักเรียน
ประชุมกรรมการห้องเรียน
การทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้
นอกสถานที่
3.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
3.1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3.2 มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ภาพประกอบกิจกรรมต่างๆ
การอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยี
การอบรมการขยายผลการสร้างข้อสอบวัดความฉลาดรู้
การอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยี
กรรมการดำเนินการทดสอบระดับชาติ
การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์ปัญหาฟิสิกส์
เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็คไทล์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา : 2568
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
เนื่องจาก ทฤษฎีและกฎที่เป็นพื้นฐานของวิชาฟิสิกส์ดังนั้นการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์ต้องมีทักษะการคำนวณเข้ามา เกี่ยวข้อง เช่น กิจกรรมการทดลอง การแก้โจทย์ปัญหาตามที่สถานการณ์กำหนดหรือกล่าวได้ว่า วิชาฟิสิกส์ จึง เป็นวิชาที่เน้นการศึกษาในเชิงปริมาณ หมายความว่าการบรรยายปรากฏการณ์ต่างๆทำด้วยข้อมูลเชิงตัวเลข ในลักษณะต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ทางคณิตศาสตร์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่สังเกตได้จาก ปรากฏการณ์จริงกับคำอธิบายทางทฤษฎี ยอมรับในขอบเขตของข้อมูลที่ได้ว่า ขึ้นกับขีดความสามารถของ เครื่องมือวัดทาให้เกิดทักษะในการศึกษาค้นคว้าและแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถใช้ทักษะ นำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการนำหลักการทางฟิสิกส์ไปประยุกต์ในด้านต่างๆ ทั้งเชิงความคิดและเชิง ปฏิบัติการ มีความสนใจใฝ่รู้ในเรื่องราววิทยาศาสตร์ มีความใจกว้าง คิดและปฏิบัติอย่างมีเหตุผล สามารถคิด วิเคราะห์ ผลดีและผลเสียต่อสังคมในการนำความรู้ทางฟิสิกส์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆอีกทั้ง ให้ตระหนักในอิทธิพลของสังคมที่มีผลต่อการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2560 : 2) ดังนั้นการได้มาซึ่งกฎเกณฑ์และทฤษฎีทางฟิสิกส์จำเป็นต้องอาศัย ความรู้ทางคณิตศาสตร์เป็ นสำคัญ และคณิตศาสตร์ยังเป็นตัวนำทางในการสอน มุ่งเน้นที่การจำสมการและ การนำไปใช้ จากการสำรวจปัญหาการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ของนักเรียน พบปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งในรายวิชา ฟิสิกส์ คือ การขาดทักษะการคำนวณ เป็นเหตุให้การแก้โจทย์ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ต่ำ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสาร เทคนิคการเรียนรู้ เพื่อค้นคว้าหานวัตกรรมที่สามารถช่วยครูในด้านการเรียน
การสอน เป็นนวัตกรรมที่ครูสามารถผลิตขึ้นมาใช้ได้เอง มีความหลากหลาย มีเนื้อหาสาระเรียงตามลำดับ สามารถเชื่อมโยงถ่ายโอนความรู้ สร้างความคิดรวบยอด ช่วยให้นักเรียนมีความชำนาญ มีความแม่นในเนื้อหา ทั้งยังสามารถกระตุ้นให้นักเรียนเกิดทักษะด้วยตนเอง ผู้วิจัยจึงเลือกแบบฝึกทักษะ โดยศึกษาหลักการสร้าง แบบฝึกทักษะและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้แบบฝึกทักษะการคำนวณที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้นักเรียนมี ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา และนำทักษะประสบการณ์มาใช้ในการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ฟิสิกส์ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็คไทล์
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสตรีศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 3 ห้องเรียน รวมประชากรทั้งสิ้น 120 คน กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสตรีศึกษา จังหวัดร้อยเอ็ด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ที่เรียนวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 1 (ว 30101) จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 40คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย( Simple Random Sampling ) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม ( Sampling Unit )
มีวิธีการดังนี้
1. การสร้างและการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการคำนวณเบื้องต้นสำหรับฟิสิกส์ เริ่ม จากการสำรวจปัญหาต่อการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ของนักเรียน กำหนดทักษะการคำนวณเบื้องต้นสำหรับ ฟิสิกส์ ศึกษาเอกสาร/ตำราและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบบฝึกทักษะ สร้างแบบฝึกทักษะการ คำนวณเบื้องต้นสำหรับฟิสิกส์
2. การสร้างและการหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เริ่มจากการ สร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาจำนวน 5 ข้อ ทดลองใช้แบบทดสอบวัดความสามารถ ในการแก้โจทย์ปัญหา
3.การสร้างและการหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ เริ่มจากการสร้างแบบทดสอบวัดสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การ เคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ จำนวน 10 ข้อ ทดลองใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์
การดำเนินงานวิจัยครั้งนี้ ใช้หลักการวิจัย เชิงปฏิบัติการ (Action Research) โดยผู้วิจัยนำ หลักการ และขั้นตอนตามแนวคิดของ Kemmis และ McTaggart (Kemmis and McTaggart, 1992: 21-22) เป็น กระบวนการในการดำ เนินการ วิจัย ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้น การวางแผน ขั้นที่ 2 ขั้น ปฎิบัติ ขั้นที่ 3 ขั้นสังเกต และขั้นที่ 4 (ประสาท เนืองเฉลิม, 2561) ขั้นสะท้อนผล มีรายละเอียดการดำ เนิน การ ดังนี้
1.ขั้นการวางแผน (Planning - P) วิเคราะห์สภาพปัญหาการเรียนการสอน วิชาฟิสิกส์ เรื่อง การ เคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน โดยจากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนโดย ผู้วิจัยและ สัมภาษณ์จากนักเรียน จากนั้นนำ ปัญหา ที่ได้ในแต่ละวงรอบ มาทำ การวิเคราะห์ โดย ทำ การศึกษาเอกสาร และงานวิจัยเกี่ยวข้อง เพื่อ หาแนวทางแก้ไข เพื่อปรับปรุงเครื่องมือที่ใช้ในงาน วิจัยในวงรอบต่อไป
2.ขั้นปฏิบัติ (Action-A) นำ แนวคิดที่มีการกำ หนดเป็นกิจกรรม ในขั้นวางแผนมาดำ เนินการลงมือ ปฏิบัติ ใช้การ วิเคราะห์วิจารณ์ประกอบกันไปด้วย โดยรับฟัง จากผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จากการปฏิบัติจะเป็นการ มองย้อนกลับว่า แผนที่วางไว้นั้นสมเหตุสมผล กับการปฏิบัติได้จริงมากน้อยเพียงใด และอาจ จะมีอุปสรรค อื่นๆ มาเกี่ยวข้องโดยไม่คาดคิดซึ่ง เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ฉะนั้น แผนงานที่กำ หนดไว้อาจ ยืดหยุ่นได้ โดยผู้วิจัยต้อง ใช้วิจารณญาณและการตัดสินใจที่เหมาะสม และ มุ่งสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงตาม ขั้นตอนที่กำ หนดไว้
3.ขั้นสังเกต (Observing-O) เป็นการสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ด้วยความรอบคอบของผู้วิจัย ซึ่งจะสังเกตทั้งสิ่ง ที่คาดหวังจะให้เกิดและสิ่งที่ไม่คาดหวังโดยอาศัย เครื่องมือในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แผนการ จัดการ เรียนรู้ แบบทดสอบความสามารถในการแก้โจทย์ ปัญหาฟิสิกส์ และแบบสังเกตพฤติกรรมความ สามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ของนักเรียน
4.ขั้นสะท้อนผล (Reflecting) เป็นการประเมินผลหรือตรวจสอบ กระบวนการวิจัยที่ดำ เนินการมาว่า ประสบผลสำ เร็จหรือเกิดปัญหา อุปสรรคใดที่เป็นข้อจำกัดต่อการดำ เนินการครั้งนี้ ซึ่งผู้วิจัยจะทำ การตรวจ สอบถึงปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทุกแง่ทุกมุม เพื่อให้ได้แนวทาง การพัฒนา ปรับปรุง และ วาง แผนการปฏิบัติในครั้งต่อไป
5.นำคะแนนที่ได้จากการทดสอบก่อนและหลังการทดลองใช้ชุดการเรียนไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบ โปรเจ็คไทล์
3. ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
3.1 ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็คไทล์ จากนวัตกรรมที่ครูนำมาใช้ในการสอน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็คไทล์ กับนวัตกรรมที่ครูนำมาใช้ในการสอน ในระดับ มาก ขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2 ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็คไทล์ และสามารถนำความรู้ ไปพัฒนาต่อยอด เกิดทักษะในการใช้ชีวิตประจำวันได้
เอกสารแบบรายงานข้อตกลง รายงานประเด็นท้าทาย