ประเด็นท้าทาย ปีงบประมาณ 2567
ประเด็นท้าทาย ปีงบประมาณ 2567
ประเด็นท้าทาย การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูล รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 (ค33101) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจาก คณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจแก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่นๆอันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์
เนื่องด้วยสาระในวิชาคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ เป็นนามธรรม และค่อนข้างมีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ โดยเฉพาะ ในรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ดังนั้น ครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าท้าย คือ การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูล รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 (ค33101) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
จากการที่ผู้จัดทำข้อตกลงได้เสนอประเด็นท้าทายเรื่อง การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูลรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5(ค33101)ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยวิธีการดำเนินการตามประเด็นท้าทายดังกล่าวให้บรรลุตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ผู้จัดทำข้อตกลงได้ดำเนินการตามกระบวนการคุณภาพ PDCA ดังนี้
ขั้นวิธีการดำเนินการ
Plan
1.สร้างและพัฒนาหลักสูตรรายวิชาโดยวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาเพื่อนำไปจัดทำหลักสูตรรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5 ค33101และจัดทำออกแบบหน่วยการเรียนรู้เรื่องค่ากลางของข้อมูลโดยสามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน6ค33102โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูลรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
2. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามประเด็นท้าทาย ดังนี้
1) การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2)กำหนดกรอบโครงร่างในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูล
3) ทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา
4) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นนำมาสรุปเพื่อกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และขอบเขตที่จะนำไปใช้
3. ออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องการนำเสนอและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ และในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ตลอดจนสร้าง/พัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ และสร้าง/พัฒนาเครื่องมือการวัดและประเมินผลโดย สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ค33101 โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูลรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น
4. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพื่อร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องเชิงเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ในด้านเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อการเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรม และเครื่องมือการวัดและประเมินผล พร้อมทั้งนำข้อเสนอแนะจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาพัฒนาและปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนนำไปใช้
กุมภาพันธ์ - เมษายน 2567
Do
5.จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5 ค33101 ดำเนินการใช้นวัตกรรมที่ได้จากการสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่องกค่ากลางของข้อมูลรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐาน 5 ค33101 โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับผลที่ได้จากการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ตลอดจนบริบทของโรงเรียน และเปิดชั้นเรียนให้สมาชิกในกลุ่ม PLC ได้เข้าร่วมสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันแล้วสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ของครู
Check
6. วัดและประเมินผลการเรียนรู้หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้โดยจัดทำสารสนเทศข้อมูลให้ข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเองให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
Act
7.บันทึกผลการเรียนรู้สรุปผลการวัดและประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้และพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีการศึกษาต่อไป
8.รายงานผลการดำเนินการตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เสนอต่อผู้อำนวยการสถานศึกษา
3. ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่คาดหวัง
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 244 คนได้รับการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ด้วยแบบฝึกทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ มีคะแนนทดสอบปลายภาคผ่านเกณฑ์ (ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนทั้งหมดมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 244 คน มีความรู้ความเข้าใจ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล และสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผลการดำเนินงาน
อภิปรายผล
การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูล สำหรับผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาระหว่างวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมชุดฝึกทักษะซึ่งสามารถอภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังเรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องค่ากลางของข้อมูลจากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาพบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของและสอดคล้องกับ ตะวัน ทองสรรค์ (2556 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาชุดฝึก ทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนารีนุกูล ผลการศึกษา พบว่า ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.27/77.13 , ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้ปัญหา เรื่องวิธีเรียง สับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01, นักเรียนที่เรียนโดย ใช้ชุดฝึกทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โดยรวมมีความพึง พอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 จากคะแนนเต็ม 5 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ .37 และ สอดคล้องกับนิตยา อินทรชุมนุม (2557:บทคัดย่อ)ได้ทำการศึกษาเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6โดยใช้แบบฝึกทักษะโดยมีวัตถุประสงค์1)เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มเป้าหมายของ การศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนสะบ้าย้อย อำเภอ สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จำนวน 42 คน ผลการศึกษาพบว่า 1) แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้น มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 83.21 / 82.95 2) นักเรียนที่เรียนโดยการใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ข้อเสนอแนะ
1. ควรศึกษาความพึงพอใจในการใช้ชุดแบบฝึกทักษะ เพื่อให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม 2.สอนสามารถนำแนวทางการสอนนี้ไปใช้กับผู้เรียนระดับชั้นอื่นโดยอาจจะกำหนดเนื้อหาสาระที่ ต้องการตามเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอน
ประเด็นท้าทาย ปีงบประมาณ 2566
ประเด็นท้าทาย เรื่องการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการวัดการ กระจายสัมบูรณ์รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 (ค33102) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจาก คณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศาสตร์อื่นๆอันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติการศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์
เนื่องด้วยสาระในวิชาคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ เป็นนามธรรม และค่อนข้างมีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจโดยเฉพาะในรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์ ดังนั้น ครูผู้สอนจึงแก้ไขปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าท้ายคือการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
จากการที่ผู้จัดทำข้อตกลงได้เสนอประเด็นท้าทายเรื่อง การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6(ค33102)ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยวิธีการดำเนินการตามประเด็นท้าทายดังกล่าวให้บรรลุตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ผู้จัดทำข้อตกลงได้ดำเนินการตามกระบวนการคุณภาพ PDCA ดังนี้
ขั้นวิธีการดำเนินการ
Plan
1.สร้างและพัฒนาหลักสูตรรายวิชาโดยวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาเพื่อนำไปจัดทำหลักสูตรรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน6 ค33102และจัดทำออกแบบหน่วยการเรียนรู้ เรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์โดยสามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ค33102 โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการวัดการ กระจายสัมบูรณ์รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
2. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามประเด็นท้าทาย ดังนี้
1) การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2) กำหนดกรอบโครงร่างในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์
3) ทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา
4) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นนำมาสรุปเพื่อกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และขอบเขตที่จะนำไปใช้
3. ออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องการนำเสนอและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ และในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ตลอดจนสร้าง/พัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ และสร้าง/พัฒนาเครื่องมือการวัดและประเมินผลโดย สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐาน 6 ค33102 โดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่
4. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพื่อร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องเชิงเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ในด้านเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อการเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรม และเครื่องมือการวัดและประเมินผล พร้อมทั้งนำข้อเสนอแนะจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาพัฒนาและปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนนำไปใช้
กุมภาพันธ์ - เมษายน 2566
Do
5.จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน6 ค33102 ดำเนินการใช้นวัตกรรมที่ได้จากการสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์.ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ค33102 โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับผลที่ได้จากการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ตลอดจนบริบทของโรงเรียน และเปิดชั้นเรียนให้สมาชิกในกลุ่ม PLC ได้เข้าร่วมสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันแล้วสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ของครู
Check
6. วัดและประเมินผลการเรียนรู้หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้โดยจัดทำสารสนเทศข้อมูลให้ข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเองให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
Act
7.บันทึกผลการเรียนรู้สรุปผลการวัดและประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้และพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีการศึกษาต่อไป
8.รายงานผลการดำเนินการตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เสนอต่อผู้อำนวยการสถานศึกษา
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 270 คนได้รับการแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การวัดการกระจายสัมบูรณ์ด้วยแบบฝึกทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ มีคะแนนทดสอบปลายภาคผ่านเกณฑ์ (ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนทั้งหมดมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การวัดการกระจายสัมบูรณ์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 270 คน มีความรู้ความเข้าใจ เรื่อง การวัดการกระจายสัมบูรณ์และสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผลการดำเนินงาน
อภิปรายผล
การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่อง การวัดการกระจายสัมบูรณ์สำหรับผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2565โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาระหว่างวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมชุดฝึกทักษะซึ่งสามารถอภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังเรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องการวัดการกระจายสัมบูรณ์จากการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาพบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของและสอดคล้องกับ ตะวัน ทองสรรค์ (2556 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาชุดฝึก ทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนารีนุกูล ผลการศึกษา พบว่า ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.27/77.13 , ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้ปัญหา เรื่องวิธีเรียง สับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01, นักเรียนที่เรียนโดย ใช้ชุดฝึกทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง วิธีเรียงสับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โดยรวมมีความพึง พอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 จากคะแนนเต็ม 5 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ .37 และ สอดคล้องกับนิตยา อินทรชุมนุม (2557:บทคัดย่อ)ได้ทำการศึกษาเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6โดยใช้แบบฝึกทักษะโดยมีวัตถุประสงค์1)เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะเรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มเป้าหมายของ การศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนสะบ้าย้อย อำเภอ สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จำนวน 42 คน ผลการศึกษาพบว่า 1) แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้น มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 83.21 / 82.95 2) นักเรียนที่เรียนโดยการใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ข้อเสนอแนะ
1. ควรศึกษาความพึงพอใจในการใช้ชุดแบบฝึกทักษะ เพื่อให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม 2. ผู้สอนสามารถนำแนวทางการสอนนี้ไปใช้กับผู้เรียนระดับชั้นอื่น โดยอาจจะกำหนดเนื้อหาสาระที่ ต้องการตามเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอน
เอกสารอ้างอิง
ประเด็นท้าทาย ปีงบประมาณ 2565
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 โดยแบบใช้ฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจาก คณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วนช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่นๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์
เนื่องด้วยสาระในวิชาคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ เป็นนามธรรม และค่อนข้างมีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ โดยเฉพาะ ในรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ดังนั้น ครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าท้ายคือ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุงพุทธศักราช 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา ฉบับ ปรับปรุง พุทธศักราช 2563 ในเรื่องของ มาตรฐานการเรียน และตัวชี้วัด ของเนื้อหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล
2.2 ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และแผนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยจัดทำโครงร่างของเนื้อหา และจัดทำแบบฝึกทักษะ เนื้อหาการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ พร้อมเฉลยตัวอย่าง กิจกรรม และแบบฝึกหัดดังนี้
1) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
2) ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
3) มัธยฐาน
4) ฐานนิยม
2.3 ให้คุณครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ในเนื้อหา การเฉลยของตัวอย่าง กิจกรรม และแบบฝึกหัด พร้อมทั้งเสนอแนะและสะท้อนผลการจัดกิจกรรมเพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไขให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ให้เหมาะสมกับบริบทของห้องเรียน ผู้เรียน และโรงเรียน
2.4 ผู้สอนนำแบบฝึกทักษะ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล มาปรับปรุง แก้ไขตามคำแนะนำ ของคณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา
2.5 นำแบบฝึกทักษะ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 ที่เคยเรียนเนื้อหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล และให้นักเรียนเสนอแนะข้อคิดเห็น เพื่อปรับปรุง แก้ไข หรือนักเรียนมีความสับสนในข้อความใด ให้ดำเนินการปรับภาษาให้เข้าใจง่ายขึ้น
2.6 นำแบบฝึกทักษะ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ทั้งในรูปแบบ ONLINE หรือ ONSITE โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
2.7 บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้ในโปรแกรม Microsoft Office และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนและการสอนซ่อมเสริมด้วยชุดการเรียนรู้ที่ผู้สอนจัดทำขึ้นสำหรับใช้แก้ไขปัญหาการเรียนรู้ให้นักเรียนได้ศึกษาและทำการทดสอบใหม่จนกว่านักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 ได้รับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลด้วยแบบฝึกทักษะรายวิชาคณิตศาสตรมีคะแนนทดสอบปลายภาคผ่านเกณฑ์(ร้อยละ70 ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดและนักเรียนทั้งหมดมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 มีความรู้ความเข้าใจ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลและสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผลการดำเนินงาน
เชิงปริมาณ
จากผลที่ผู้วิจัยได้นำชุดแบบฝึกทักษะเรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ไปทดลองใช้ พบประเด็นที่สามารถนำมาอภิปรายผลได้ดังนี้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนที่ออกมาได้ผลลัพธ์ที่สูงกว่าประสิทธิภาพที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เพราะว่า ในการจัดสร้างชุดแบบฝึกทักษะมีการจัดทำอย่างมีระบบและขั้นตอน สำหรับค่าประสิทธิภาพตัวแรก เป็นคะแนนที่ได้จากการทำแบบฝึกหัด ซึ่งมีค่าประสิทธิภาพ 81.52% (สูงกว่าค่าประสิทธิภาพ 80 ที่ตั้งไว้) ทั้งนี้เพราะว่าในการเรียนการสอนด้วยชุดแบบฝึกทักษะ มีส่วนกระตุ้นให้นักเรียนมีความตั้งใจและสนใจ กล่าวคือ ในการจัดทำสื่อที่ใช้สอน และเน้นจุดสำคัญในเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมาย แบบฝึกทักษะเรื่อง “ค่ากลางของข้อมูล” ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจหลักการหาคำตอบ ค่ากลางของข้อมูล ที่เปลี่ยนไป และการหาผลลัพธ์ของค่ากลางของข้อมูลมากขึ้น ประสิทธิภาพตัวหลังที่ได้จากคะแนนทดสอบหลังการเรียนมีประสิทธิภาพ 126.09% (สูงกว่าประสิทธิภาพ 80 ที่ตั้งไว้) เมื่อเปรียบเทียบกับค่าประสิทธิภาพตัวแรกที่ได้ ทั้งนี้เพราะว่าการสอนหลังเรียนเป็นการสอนเนื้อหาทั้งหมด ซึ่งมีปริมาณค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับแบบฝึกทักษะ ระยะเวลาที่นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาในครั้งที่ผ่านมา มีผลต่อการลืม การจำ ซึ่งมีผลต่อประสบการณ์การเรียนรู้ ตลอดจนการเตรียมตัวของนักเรียนเพื่อสอบ จึงมีผลต่อคะแนนที่ได้ ทำให้มีคะแนนสูงต่ำ กระจายกันไป แต่ภาพโดยรวมของค่าเฉลี่ยก็ยังสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
เชิงคุณภาพ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดการสอน ทำให้คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนมีค่าสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้เป็นผลเนื่องมาจากการออกแบบชุดแบบฝึกทักษะที่ได้มีการนำเอาหลักการและทฤษฎีที่สำคัญ ในการสร้างชุดแบบฝึกทักษะมาใช้ (เสาวนีย์, 2528 : 292-293) ซึ่งได้แก่ การนำสื่อประสมมาใช้ การเปิดโอกาสให้นักเรียนมีกิจกรรมร่วมในการเรียนการสอนมากขึ้น มีการตรวจสอบผลการเรียนของตนเอง มีการเสริมแรง ตลอดจนมีการนำเอาวิธีการวิเคราะห์ระบบมาใช้ในการวัดเนื้อหาวิชา สอดคล้องกับความแตกต่างของนักเรียน
เอกสารอ้างอิง