ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความคล้าย ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากการจัดการเรียนการสอนรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5 ค23101 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ผู้เรียนขาดทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา เนื่องด้วยผู้เรียนเรียนโดยการท่องจำ การทำตามตัวอย่าง การฟังครูอธิบายโดยไม่พยายามใช้ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ครูผู้สอนกำหนด ดังนั้นครูผู้สอนจึง ริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ให้สอดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด บริบทสถานศึกษา และความแตกต่างของผู้เรียน
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
จากการที่ผู้จัดทำข้อตกลงได้เสนอประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความคล้าย ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD โดยวิธีการดำเนินการตามประเด็นท้าทายดังกล่าวให้บรรลุตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ผู้จัดทำข้อตกลงได้ดำเนินการตามกระบวนการคุณภาพ PDCA ดังนี้
สร้างและพัฒนาหลักสูตรรายวิชาโดยวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา ผลการเรียนรู้
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา เพื่อนำไปจัดทำหลักสูตรรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5 ค23101 และจัดทำออกแบบหน่วยการเรียนรู้ เรื่องความคล้าย โดย ริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่องความคล้าย เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหาของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ค23101
2. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามประเด็นท้าทาย ดังนี้
1) การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2) การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD
3) ทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา
4) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นนำมาสรุปเพื่อกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และขอบเขตที่จะนำไปใช้
3. ออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้.คณิตศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องความคล้าย และในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ตลอดจนสร้าง/พัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ และสร้าง/พัฒนาเครื่องมือการวัดและประเมินผลโดย ริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนเรื่อง ความคล้าย เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และพัฒนาทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา ของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 5 ค23101 ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้เรียนและท้องถิ่น
4. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพื่อร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องเชิงเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้ในด้านเนื้อหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อการเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรม และเครื่องมือการวัดและประเมินผลพร้อมทั้งนำข้อเสนอแนะจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาพัฒนาและปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนนำไปใช้
5. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ ในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5 ค23101 ดำเนินการใช้นวัตกรรมที่ได้จากการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เรื่อง ความคล้าย เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 ในรายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน5 ค23101 โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับผลที่ได้จากการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ตลอดจนบริบทของโรงเรียน และเปิดชั้นเรียนให้สมาชิกในกลุ่ม PLC ได้เข้าร่วมสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันแล้วสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ของครู
6. วัดและประเมินผลการเรียนรู้หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ โดยจัดทำสารสนเทศข้อมูล ให้ข้อมูลสะท้อนกลับ เพื่อให้ผู้เรียนปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเองให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
7. บันทึกผลการเรียนรู้ สรุปผลการวัดและประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียน นำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้และพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีการศึกษาต่อไป
8. รายงานผลการดำเนินการตามข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เสนอต่อผู้อำนวยการสถานศึกษา 30 กันยายน 2566
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวนทั้งหมด 222 คน หลังได้รับการจัดการเรียนรู้เรื่อง ความคล้าย ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ (ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวนทั้งหมด 222 คน หลังได้รับการจัดการเรียนรู้เรื่อง ความคล้าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันรวมทั้งประยุกต์ใช้กับวิชาอื่น ๆ ได้
ผลการดำเนินการ
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความคล้าย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.24/80.52 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความคล้าย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความคล้าย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD อยู่ในระดับมากที่สุด
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
ครูผู้สอนได้สำรวจและวิเคราะห์เนื้อหาของรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค23102 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยครูผู้สอนได้หาสาเหตุของปัญหาโดยการสอบถามและสัมภาษณ์นักเรียน พบว่าเนื้อหาที่นักเรียนมีปัญหามากที่สุดคือเรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร เพราะนักเรียนขาดการเชื่อมโยงจากทฤษฎีบท สูตร หรือบทนิยาม ให้เห็นเป็นรูปธรรม ขาดความเข้าใจกระบวนการ อีกทั้งขาดแคลนสื่อและแหล่งข้อมูลในการศึกษาหาความรู้ เช่น เอกสารประกอบการเรียน ใบความรู้ ใบงาน และแบบฝึกทักษะที่จะนำไปศึกษาด้วยตนเองทั้งในเวลาเรียนและศึกษาเพิ่มเติมนอกเวลาเรียน ทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย ในการเรียนไม่ตั้งใจเรียน ขาดแรงจูงใจในการเรียน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ครูผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานประเด็นท้าทาย โดยการสร้างแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2563 ในเรื่องของ มาตรฐานการเรียน และตัวชี้วัด ของเนื้อหา เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร
2.2 จัดทำโครงร่างของเนื้อหาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ พร้อมเฉลยตัวอย่าง กิจกรรม และแบบฝึกหัด ดังนี้
1) แนะนำพีระมิด กรวย และทรงกลม
2) ปริมาตรของพีระมิด
3) พื้นที่ผิวของพีระมิด
4) ปริมาตรของกรวย
5) พื้นที่ผิวของกรวย
6) ปริมาตรของทรงกลม
7) พื้นที่ผิวของทรงกลม
2.3 ให้คุณครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และสมาชิกในกลุ่ม PLC ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ในเนื้อหา การเฉลยของตัวอย่าง กิจกรรม และแบบฝึกหัด พร้อมทั้งเสนอแนะ เพื่อปรับปรุง แก้ไข
2.4 ครูผู้สอนนำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์มาปรับปรุง แก้ไขตามคำแนะนำของคณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา
2.5 นำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ไปทดลองใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เคยเรียนเนื้อหา เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร และให้นักเรียนเสนอแนะข้อคิดเห็น เพื่อปรับปรุง แก้ไข หรือนักเรียนมีความสับสนในข้อความใด ให้ดำเนินการปรับภาษาให้เข้าใจง่ายขึ้น
2.6 นำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 รหัสวิชา ค23102 ไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ทั้งในรูปแบบ ONLINE หรือ ONSITE โดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบท
2.7 บันทึกผลการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เกิดขึ้นจากการกิจกรรมการเรียนรู้ ในโปรแกรม Microsoft Excel หรือ Google Sheet และสะท้อนผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบเป็นระยะ หากมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในเรื่องใด ให้ใช้กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน และการสอนซ่อมเสริมโดยใช้ GOOGLE MEET และทำการทดสอบใหม่ จนนักเรียนมีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 49 คน
ได้รับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร ด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค23102 โดยมีคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ (ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม) คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนทั้งหมดมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 49 คน
มีความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร และสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผลการดำเนินการ
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.17/80.64 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD อยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง