1. วิธีดำเนินการ (20 คะแนน)
พิจารณาจากการดำเนินการที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อตกลง และสะท้อนให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามตำแหน่งและวิทยฐานะ
ประเด็นท้าทาย
เรื่อง “ผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาที่มีต่อทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1”
1.1 สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนโนนสูงศรีธานี พบว่า การจัดการเรียนการสอนแยกสาระวิชาออกจากกัน แต่ละรายวิชาก็มุ่งให้ความรู้กับผู้เรียนตามเนื้อหาที่กำหนด เนื้อหาบางสาระวิชามีความซ้ำซ้อนกับวิชาอื่น ๆ ทำให้นักเรียนอาจเกิดความเบื่อหน่ายต่อการเรียนที่ซ้ำซ้อน และเมื่อนักเรียนพบสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน หรือการพบเจอปัญหา หรือในการสร้างสรรค์ผลงานหรือสิ่งใหม่ ๆ โดยที่แต่ละสภาพ หรือสถานการณ์ที่นักเรียนพบ ไม่สามารถใช้วิชาใดวิชาหนึ่งเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ จึงจำเป็นต้องบูรณาการ ประมวลองค์ความรู้ ประสบการณ์หลาย ๆ วิชาเข้าด้วยกัน และทักษะต่าง ๆ เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น จากแนวคิดในการศึกษากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามแนวคิดสะตีมศึกษา (STEAM Education) เป็นการเรียนรู้ที่เน้นการบูรณาการศาสตร์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะ และเทคโนโลยีผ่านรูปแบบกระบวนการเรียนรู้เชิงวิศวกรรม เพื่อเน้นทักษะกระบวนการในการแก้ปัญหา โดยการเชื่อมโยงความรู้ที่มีทั้งหมดสู่การประยุกต์ใช้แก้ปัญหาได้จริงทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงานในอนาคตของผู้เรียน ซึ่งครูจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ฝึกฝนให้ตนเองเป็นเสมือนผู้ฝึกสอนและพี่เลี้ยงในการเรียนรู้ (Coaching and Mentoring) อีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator)
ดังนั้นครูผู้สอนจึงทำการศึกษา ค้นคว้าและหาวิธีการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา (STEAM Education) ที่บูรณาการรายวิชาเข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบบูรณาการ โดยเชื่อมโยงความรู้ที่ได้รับนำสร้างชิ้นงาน โดยมีการวางแผนเป็นขั้นตอน รวมทั้งส่งเสริมการทำงานเป็นกลุ่ม มีส่วนร่วมในการเรียนและลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ให้ผู้เรียนมีทักษะ สมรรถนะ ตลอดจนบูรณาการการเรียนรู้ สู่การดำเนินชีวิตประจำวัน และต่อยอดองค์ความรู้ด้วยนวัตกรรมเพื่อพัฒนาและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในศตวรรษที่ 21 ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้ดียิ่งขึ้นและเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน
1.2 วิธีดำเนินการ (วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล ให้แนบร่องรอยหลักฐานที่แสดงถึงการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน เพื่อดูพัฒนาการความก้าวหน้า ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50)
2.1 วิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2564 ในเรื่องของ มาตรฐานการเรียน และตัวชี้วัด ของเนื้อหา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2.2 จัดทำแผนการสอนแผนการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนการสอน โดยจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา
2.3 จัดทำเนื้อหา กิจกรรม ตัวอย่าง จัดทำใบงาน สื่อ สำหรับการสอนนักเรียนทั้งชั้นเรียน
2.4 พัฒนาการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาให้มีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับเนื้อหา ผู้เรียน และบริบทของห้องเรียน
2.5 สร้างแบบวัดทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 ข้อ
2.6 นำแบบวัดทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน
2.7 นำข้อมูลที่รวบรวมจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมาคำนวณหาค่า IOC โดยใช้ดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence) เลือกค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป จำนวน 30 ข้อ
2.8 สร้างแบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน โดยการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา
2.9 จัดกิจกรรมการเรียนรู้จัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2.10 วัดทักษะการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2.11 วัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
แนบรายงาน/เอกสาร/ร่อยรอย หลักฐานการดำเนินงาน
ผลการประเมินตนเอง
สรุปผลการประเมินครั้งที่ 1 (เพื่อประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน) มีผลการประเมินตนเองภาพรวมอยู่ในระดับ ......
สรุปผลการประเมินตลอดปีงบประมาณ มีผลการประเมินตนเองภาพรวมอยู่ในระดับ ........