ผู้แต่ง
ไม่ปรากฏนามผู้แต่งตอนขุนช้างถวายฎีกาแต่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าแต่งดีเยี่ยมโดยเฉพาะ
กระบวนกลอนที่สื่ออารมณ์สะเทือนใจ(เป็น ๑ ใน ๘ ตอนที่ได้รับการยกย่อง)
ที่มาของเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
(1) เรื่องนี้เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจริงในสมัยสมเด็จพระพันวษา แห่ง กรุงศรีอยุธยา
- สำนวนเดิมเล่าเพียงว่า มีนายทหารผู้มีฝีมือนายหนึ่ง มีตำแหน่งเป็นขุนแผน ได้ถวาย
ดาบฟ้าฟื้นแด่สมเด็จพระพันวษา
(2) ต่อมามีการนำเรื่อง ขุนช้างขุนแผน มาแต่งเป็นกลอนสุภาพและใช้ บทขับเสภา
โดยใช้กรับเป็นเครื่องประกอบจังหวะ
- บทขับเสภาที่นิยมมากที่สุดคือเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ซึ่งได้รับการยกย่อจากวรรณคดีสโมสรว่า
เป็นยอดของกลอนสุภาพที่มีความไพเราะ ดีเลิศทั้งเนื้อเรื่องและ กระบวนกลอน
(3) บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน มีกวีเอกหลายท่านร่วมกันแต่ง สันนิษฐานว่าแต่งตั้งแต่สมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า
*ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง และตอน ขุนแผนพานางวันทองหนี
เป็นพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
*ตอนขุนช้างขอนางพิม และ ตอนขุนช้างตามนางวันทอง
เป็นพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์)
*ตอน กำเนิดพลายงาม เป็นสำนวนของสุนทรภู่
ฝ่ายพลายงาม เมื่อชนะความขุนช้างแล้ว ก็อยู่มาด้วยความสุข แต่มาคิดว่ายังขาดแต่มารดา
เห็นว่าไม่ควรคู่กับขุนช้าง แล้วคิดว่าจะรับแม่กลับมาอยู่กับขุนแผน พอตกค่ำจึงออกเดินทางไปบ้านขุนช้าง
สะกดผู้คน ภูตพราย และแก้อาถรรพณ์ แล้วสะเดาะกลอน เข้าไปถึงชั้นสามห้องนอน ถอนสะกดนางวันทอง
แล้วเจรจากัน พระไวยแจ้งว่าจะมารับนางวันทองกลับไปบ้าน
นางวันทองแนะนำให้นำเรื่องขึ้นกราบทูลพระพันวษา พลายงามไม่เห็นด้วยและจะพาไปให้ได้
นางวันทองจนใจจึงยอมไปกับพระไวย ขุนช้างตื่นขึ้นไม่พบนางวันทอง ให้บ่าวไพร่ค้นหาไม่พบ
ฝ่ายพลายงามได้คิดว่า ถ้าขุนช้างรู้ว่าลักนางวันทองมา ก็คงจะนำความขึ้นกราบทูลสมเด็จพระพันวษา
มารดาก็จะต้องโทษ คิดแล้วจึงให้หมื่นวิเศษผล ไปหาขุนช้างที่บ้าน ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องราว อย่าให้ขุนช้างโกรธ
ด้วยเป็นคนที่เคยชอบพอกัน โดยให้บอกขุนช้างว่า ตนจับไข้อยู่หลายวัน เกรงว่าแม่ไม่ทันจะเห็นหน้า
จึงให้คนไปพาแม่มา พอให้ตนหายไข้แล้ว จะส่งมารดาคืนกลับไป หมื่นวิเศษรับคำแล้วก็รีบไปบ้านขุนช้าง
แจ้งเรื่องตามที่พระไวยสั่งมาทุกประการ ขุนช้างได้ฟังก็ทั้งโกรธและแค้น เมื่อข่มความโกรธแล้วก็ตอบไปว่า
ไม่เป็นไรเรื่องการเจ็บไข้ ถ้าขัดสนสิ่งไรก็ขอให้มาเอาที่ตนได้ ว่าแล้วก็ปิดหน้าต่างใส่
ด้วยความเดือดดาลและแค้นใจ
ฝ่ายขุนช้างร่างฟ้องเสร็จแล้ว ก็มาที่วังใน รออยู่ที่ใต้ตำหนักน้ำ
พอสมเด็จพระพันวษาเสด็จกลับวังทางเรือตอนจวนค่ำ ขุนช้างก็ลงลอยคอเข้าถวายฎีกา
สมเด็จพระพันวษาเห็นเข้า ก็ทรงพระพิโรธ ให้รับฎีกาไว้ แล้วเอาตัวไปเฆี่ยนสามสิบที จากนั้นให้ตั้งกฤษฎีกาว่า
ตั้งแต่นี้ไป ถ้าใครปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง ต้องระวางโทษเจ็ดสถาน ถึงประหารชีวิต
ฝ่ายขุนแผนได้อยู่กับนางแก้วกิริยา และนางลาวทองมาด้วยความผาสุข ตกกลางคืนคิดถึงนางวันทอง
จึงออกเดินมาที่ห้องนางวันทอง ที่เรือนพระไวย ปลุกนางขึ้นมาสนทนาด้วย ได้พร่ำรำพันถึงความหลัง
ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยกันมา นางวันทองแนะนำขุนแผน ให้นำความขึ้นเพ็ดทูลพระพันวษา
และไม่ยอมตกเป็นของขุนแผน พอตกดึกก็ฝันไปว่า ถูกพยัคฆ์ตะครุบ คาบตัวไปในป่า ตกใจตื่น
แก้ฝันให้ขุนแผนฟัง ขุนแผนได้ฟังก็ใจหาย รู้ว่าฝันร้ายมีอันตรายวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระพันวษาเสด็จออกว่าราชการ
เห็นขุนช้างเข้าเฝ้าอยู่ จึงตรัสว่า เรื่องนางวันทองไม่รู้จบ เมื่อครั้งก่อน เรื่องตกหนักที่นางศรีประจัน
ก็ตัดสินไปอยู่กับขุนแผน แต่ทำไมกลับมาอยู่กับขุนช้าง แล้วให้หมื่นศรีไปเอาตัวนางวันทอง
ขุนแผนและพระไวยมาเฝ้า ทั้งสามคนได้ฟังความก็ตกใจ ขุนแผนจึงจัดการช่วยเหลือนางวันทองด้วยเวทมนตร์
แล้วจึงพากันไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษาจึงตรัสถามนางวันทอง ถึงเรื่องราวแต่หนหลัง
นางวันทองก็กราบทูลให้ทรงทราบ เมื่อทรงทราบแล้ว ก็กริ้วขุนช้างเป็นกำลัง แล้วตรัสถามนางวันทองต่อไปว่า
เวลาล่วงไปแล้วถึงสิบแปดปี แต่ทำไมวันนี้จึงมาได้ นางวันทองก็กราบทูลว่า พระไวยไปรับเมื่อตอนกลางคืน
สมเด็จพระพันวษาได้ฟัง ก็ทรงขุ่นเคืองพระไวย ที่ทำตามอำเภอใจเพราะแย่งชิงนางวันทองกัน
จึงให้นางวันทองตัดสินใจว่า จะอยู่กับใคร หรือถ้าไม่อยากอยู่กับทั้งสองคน จะเลือกอยู่กับลูกก็ได้
นางวันทองเมื่อถึงคราวจะสิ้นอายุ ไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงกราบทูลเป็นกลางไป
หวังจะให้สมเด็จพนะพันวษาตัดสินให้สมเด็จพระพันวษาได้ทรงฟังนางวันทองพูด แล้ว ก็พิโรธยิ่งนัก
ตรัสประนามนางวันทองว่าเป็นหญิงหลายใจ อย่าอยู่ให้หนักแผ่นดิน ให้เอาตัวไปฆ่าเสีย
ตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผน
1. ขุนแผน
ขุนแผนเดิมชื่อพลายแก้ว มีรูปร่างหน้าตางดงามคมสัน สติปัญญาเฉลียวฉลาด นิสัยเจ้าชู้ มีดาบฟ้าฟื้นเป็นอาวุธประจำตัว พาหนะคู่ใจคือ ม้าสีหมอก พ่อเป็นทหารชื่อ ขุนไกรพลพ่าย แม่ชื่อ นางทองประศรี ได้บวชเณรและเรียนวิชาที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย สุดท้ายไปเป็นศิษย์สมภารคง วัดแค จนมีความรู้ทางโหราศาสตร์ ปลุกผี อยู่ยงคงกระพัน คาถามหาละลวยทำให้ผู้หญิงรัก ตลอดจนวิชาจากตำรับพิชัยสงคราม และยังมีความสามารถเทศ์ได้ไพเราะจับใจอีกด้วย ต่อมาสึกจากเณรแล้วแต่งงานกับนางพิมพิลาไลย ไม่นานก็ถูกเรียกตัวไปเป็นแม่ทัพรบกับเชียงใหม่ ครั้นได้ชนะกลับมาก็ได้เป็นขุนแผนแสนสะท้าน แต่ปรากฏว่าภรรยาแต่งงานใหม่แล้ว ขุนแผนต้องโทษถูกจำคุกถึง ๑๕ ปี จึงพ้นโทษ และทำสงครามกับเชียงใหม่อีกครั้ง เมื่อชนะกลับมาก็ได้ตำแหน่งเป็นพระสุริทรฤาไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี
ขุนแผนเจ้าชู้มากจึงมีภรรยาหลายคน คือ
1. นางวันทอง มีลูกด้วยกันคือ พลายงาม
2. นางลาวทอง
3. นางแก้วกิริยา มีลูกด้วยกันคือ พลายชุมพล
4. นางสายทอง
5. นางบัวคลี่ มีลูกด้วยกันคือ กุมารทอง
2. ขุนช้าง
“ จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร ”
ขุนช้าง มีลักษณะรูปชั่วตัวดำ หัวล้านมาแต่กำเนิด นิสัยเจ้าเล่ย์เพทุบาย ได้ชื่อว่าขุนช้างเพราะตอนคลอดนั้น มีผู้นำช้างเผือกมามอบให้สมเด็จพระพันวษา พ่อชื่อ ขุนศรีวิชัย แม่ชื่อ นางเทพทอง มีฐานะร่ำรวยมาก แม้จะเกิดมาเป็นลูกเศรษฐี แต่ก็อาภัพ ถูกแม่เกลียดชังเพราะอับอายที่มีลูกหัวล้าน จึงมักถูกแม่ด่าว่าอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็จะเป็นที่ขบขันล้อเลียนของชาวบ้านทั่วไปเสมอ แต่เป็นที่รักของญาติพี่น้อง เพราะตั้งแต่ขุนช้างเกิดมาครอบครัวก็ร่ำรวยขึ้น พอเป็นหนุ่มก็ได้นางแก่นแก้ว เป็นภรรยา อยู่ด้วยกันได้ปีกว่านางก็ตาย จึงหันมาหมายปองนางพิมพิลาไลย แต่งงานกับนางสมใจปรารถนา
3. นางพิมพิลาไลย หรือ วันทอง
“ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแม้น อรชนอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา
ผมสลวยสวยขำดำเป็นเงา ให้ชื่อว่าเจ้าพิมพิลาไลย”
นางพิมพิลาไลย เป็นหญิงรูปงาม แต่ปากจัด พ่อชื่อ พันศรโยธา แม่ชื่อ นางศรีประจัน ต่อมารได้แต่งงานกับพลายแก้ว ซึ่งภายหลังมีลูกชายด้วยกัน คือ พลายงาม ครั้นพลายแก้วไปทำสงคราม นางก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ขรัวตาจู วัดป่าเลไลย ตรวจดูดวงชะตาและแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็น นางวันทอง อาการไข้จึงหายต่อมานางถูกแม่บังคับให้แต่งงานใหม่กับขุนช้าง นางต้องถูกประณามว่าเป็นหญิงสองใจ เมื่อมีคดีฟ้องร้องถึงสมเด็จพระพันวษา และพระองค์ให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใคร แต่นางตัดสินใจไม่ถูกจึงถูกสั่งให้ประหารชีวิต
นางวันทองเป็นธิดาคนเดียวของพันศรโยธา และนางศรีประจัน ครอบครัวของนางวันทองเป็นตระกูลพ่อค้าที่มีฐานะดีพอสมควร นางจึงได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี นางวันทองมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม อรชนอ้อนแอ้น กิริยามารยาทแช่มช้อย ซึ่งความสวยของนางนั้นปรากฏให้เห็นชัดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังมีผมสวย ดังที่กวีพรรณนาไว้ว่า
"ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแบน อรชรอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา
ผมสลวยสวยขำงามเงา ให้ชื่อเจ้าว่าพิมพิลาไลย"
เมื่อนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งมีความสวยงามยิ่งขึ้น เป็นเหตุให้ขุนแผนและขุนช้างมีจิตใจผูกพันรักใคร่ ส่งผลให้เกิดเรื่องราววุ่นวายตามมามากมาย นางวันทอง เดิมชื่อนางพิมพิลาไลย เป็นนางเอกในเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน (เปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อแก้เคล็ดให้หายป่วย ตอนขุนแผนไปรบ) นางถูกยื้อไปแย่งมาระหว่างขุนแผน และขุนช้าง จนในที่สุดพระพันวษาต้องให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างขุนแผนหรือขุนช้าง แต่นางวันทองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะแม้ขุนแผนจะเจ้าชู้จนมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งหึงหวงกันอยู่เสมอ แต่ก็เป็นรักแรกและยังมีลูกด้วยกันคือพลายงามอีกด้วย
ลักษณะนิสัย
เนื่องจากนางวันทองมีโอกาสใกล้ชิดกับนางศรีประจัน นางจึงได้รับลักษณะนิสัยบางอย่างของนางศรีประจันมา เช่น เป็นคนเจ้าคารมโวหาร ใช้ถ้อยคำประชดประชันเสียดสี ปากกล้า โดยเฉพาะเมื่อเกิดอารมณ์โมโห นางจะหลุดถ้อยคำหยาบ ๆ ออกมาได้มากมาย
นางวันทอง มีลักษณะสาวชาวบ้านจึงเป็นคนซื่อ ไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก ทำอะไรก็ทำตามประสาหญิงชาวบ้าน เมื่อโตเป็นสาวก็เริ่มคิดเรื่องคู่ครอง อันเป็นเรื่องธรรมดาตามธรรมชาติ แต่สังคมไทยมีความจำกัดให้ผู้หญิงอยู่ในกรอบของประเพณี จึงทำให้ดูเหมือนว่านางวันทองไม่รักนวลสงวนตัว อย่างไรก็ตาม นางวันทองก็ยังมีภาพลักษณ์ด้านดีที่เห็นได้ชัด คือ ความละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับรู้ถึงความดีของผู้อื่นที่ปฏิบัติต่อนาง ดังจะเห็นได้จากถึงแม้นางจะไม่ได้รักขุนช้างแต่ด้วยความดีของขุนช้างและความผูกพันที่อยู่กันมา 15 ปี ทำให้นางเป็นห่วงเป็นใยความทุกข์สุข และความรู้สึกของขุนช้างไม่น้อย หรือ อารมณ์ที่ละเอียดอ่อนในการเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี เช่น ความประณีตในการปักม่าน นอกจากนี้นางวันทองยังเป็นคนกล้าที่จะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง มีน้ำใจเมตตา และให้อภัยโดยไม่เคียดแค้น
4. พลายงาม
พลายงาม มีตำแหน่งทางราชการเป็นจมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมักเรียนกันสั้น ๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับนางวันทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง เพราะนางถูกฉุดไปขณะที่ท้องแก่ ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งละม้ายคล้ายคลึงกับขุนแผนมากขึ้น ทำให้ขุนช้างเกลียดมาก วันหนึ่งจึงหลอกพลายงามไปฆ่าในป่า แต่โหงพรายของขุนแผนมาช่วยไว้ นางวันทองจึงให้ไปอยู่กับนางทองประศร ีที่กาญจนบุรีพลายงามได้เรียนวิชาจากตำราของพ่อจนเชี่ยวชาญ มีความสามารถเช่นเดียวกับขุนแผนต่อมาได้อาสายกทัพไปรบกับเชียงใหม่ แล้วถือโอกาสขออภัยโทษให้ขุนแผนออกจากคุกได้ เมื่อกลับมาจากสงครามก็ได้ตำแหน่งเป็นจมื่นไวยวรนาถ และมีภรรยาสองคน คือ นางศรีมาลา และนางสร้อยฟ้า
5. สมเด็จพระพันวษา
สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ยุคนี้เป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง มีความอุดมสมบูรณ์ ราษฎรทั้งหลายอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขบรรดาประเทศใกล้เคียงก็ยอมอ่อนน้อม เพราะยำเกรงบารมี สมเด็จพระพันวษามีนิสัยโกรธง่าย ดังเช่นเมื่อขุนไกรต้อนควายป่ามาเข้าคอกให้พระองค์ล่า แต่ควายตื่นตกใจหนีเตลิด ขุนไกรจึงใช้หอกไล่แทงควายตายไปมากมาย สมเด็จพระพันวษาก็โกรธสั่งให้ประหารชีวิตขุนไกรทันที แต่พระองค์ก็นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความยุติธรรมต่อพวกทหาร เสนาอำมาตย์ และราษฎรพอสมควร เมื่อมีคดีฟ้องร้องกัน ก็จะให้มีการไต่สวน และพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อนจึงจะลงโทษ เช่น ในคราวที่นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์ให้จมื่นไวยวรนาถ (พลายงาม) หลงรักแล้วถูกจับได้ แต่ไม่มีพยานยืนยัน สมเด็จพระพันวษาก็ให้ลุยไฟพิสูจน์ จนรู้แน่ว่านางสร้อยฟ้าเป็นฝ่ายผิดจึงได้สั่งลงโทษ
ตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผน
1. ขุนแผน
ขุนแผนเดิมชื่อพลายแก้ว มีรูปร่างหน้าตางดงามคมสัน สติปัญญาเฉลียวฉลาด นิสัยเจ้าชู้ มีดาบฟ้าฟื้นเป็นอาวุธประจำตัว พาหนะคู่ใจคือ ม้าสีหมอก พ่อเป็นทหารชื่อ ขุนไกรพลพ่าย แม่ชื่อ นางทองประศรี ได้บวชเณรและเรียนวิชาที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย สุดท้ายไปเป็นศิษย์สมภารคง วัดแค จนมีความรู้ทางโหราศาสตร์ ปลุกผี อยู่ยงคงกระพัน คาถามหาละลวยทำให้ผู้หญิงรัก ตลอดจนวิชาจากตำรับพิชัยสงคราม และยังมีความสามารถเทศ์ได้ไพเราะจับใจอีกด้วย ต่อมาสึกจากเณรแล้วแต่งงานกับนางพิมพิลาไลย ไม่นานก็ถูกเรียกตัวไปเป็นแม่ทัพรบกับเชียงใหม่ ครั้นได้ชนะกลับมาก็ได้เป็นขุนแผนแสนสะท้าน แต่ปรากฏว่าภรรยาแต่งงานใหม่แล้ว ขุนแผนต้องโทษถูกจำคุกถึง ๑๕ ปี จึงพ้นโทษ และทำสงครามกับเชียงใหม่อีกครั้ง เมื่อชนะกลับมาก็ได้ตำแหน่งเป็นพระสุริทรฤาไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี
ขุนแผนเจ้าชู้มากจึงมีภรรยาหลายคน คือ
1. นางวันทอง มีลูกด้วยกันคือ พลายงาม
2. นางลาวทอง
3. นางแก้วกิริยา มีลูกด้วยกันคือ พลายชุมพล
4. นางสายทอง
5. นางบัวคลี่ มีลูกด้วยกันคือ กุมารทอง
2. ขุนช้าง
“ จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร ”
ขุนช้าง มีลักษณะรูปชั่วตัวดำ หัวล้านมาแต่กำเนิด นิสัยเจ้าเล่ย์เพทุบาย ได้ชื่อว่าขุนช้างเพราะตอนคลอดนั้น มีผู้นำช้างเผือกมามอบให้สมเด็จพระพันวษา พ่อชื่อ ขุนศรีวิชัย แม่ชื่อ นางเทพทอง มีฐานะร่ำรวยมาก แม้จะเกิดมาเป็นลูกเศรษฐี แต่ก็อาภัพ ถูกแม่เกลียดชังเพราะอับอายที่มีลูกหัวล้าน จึงมักถูกแม่ด่าว่าอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็จะเป็นที่ขบขันล้อเลียนของชาวบ้านทั่วไปเสมอ แต่เป็นที่รักของญาติพี่น้อง เพราะตั้งแต่ขุนช้างเกิดมาครอบครัวก็ร่ำรวยขึ้น พอเป็นหนุ่มก็ได้นางแก่นแก้ว เป็นภรรยา อยู่ด้วยกันได้ปีกว่านางก็ตาย จึงหันมาหมายปองนางพิมพิลาไลย แต่งงานกับนางสมใจปรารถนา
3. นางพิมพิลาไลย หรือ วันทอง
“ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแม้น อรชนอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา
ผมสลวยสวยขำดำเป็นเงา ให้ชื่อว่าเจ้าพิมพิลาไลย”
นางพิมพิลาไลย เป็นหญิงรูปงาม แต่ปากจัด พ่อชื่อ พันศรโยธา แม่ชื่อ นางศรีประจัน ต่อมารได้แต่งงานกับพลายแก้ว ซึ่งภายหลังมีลูกชายด้วยกัน คือ พลายงาม ครั้นพลายแก้วไปทำสงคราม นางก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ขรัวตาจู วัดป่าเลไลย ตรวจดูดวงชะตาและแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็น นางวันทอง อาการไข้จึงหายต่อมานางถูกแม่บังคับให้แต่งงานใหม่กับขุนช้าง นางต้องถูกประณามว่าเป็นหญิงสองใจ เมื่อมีคดีฟ้องร้องถึงสมเด็จพระพันวษา และพระองค์ให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใคร แต่นางตัดสินใจไม่ถูกจึงถูกสั่งให้ประหารชีวิต
นางวันทองเป็นธิดาคนเดียวของพันศรโยธา และนางศรีประจัน ครอบครัวของนางวันทองเป็นตระกูลพ่อค้าที่มีฐานะดีพอสมควร นางจึงได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี นางวันทองมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม อรชนอ้อนแอ้น กิริยามารยาทแช่มช้อย ซึ่งความสวยของนางนั้นปรากฏให้เห็นชัดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังมีผมสวย ดังที่กวีพรรณนาไว้ว่า
"ทรวดทรงส่งศรีไม่มีแบน อรชรอ้อนแอ้นประหนึ่งเหลา
ผมสลวยสวยขำงามเงา ให้ชื่อเจ้าว่าพิมพิลาไลย"
เมื่อนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งมีความสวยงามยิ่งขึ้น เป็นเหตุให้ขุนแผนและขุนช้างมีจิตใจผูกพันรักใคร่ ส่งผลให้เกิดเรื่องราววุ่นวายตามมามากมาย นางวันทอง เดิมชื่อนางพิมพิลาไลย เป็นนางเอกในเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน (เปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อแก้เคล็ดให้หายป่วย ตอนขุนแผนไปรบ) นางถูกยื้อไปแย่งมาระหว่างขุนแผน และขุนช้าง จนในที่สุดพระพันวษาต้องให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่างขุนแผนหรือขุนช้าง แต่นางวันทองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะแม้ขุนแผนจะเจ้าชู้จนมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งหึงหวงกันอยู่เสมอ แต่ก็เป็นรักแรกและยังมีลูกด้วยกันคือพลายงามอีกด้วย
ลักษณะนิสัย
เนื่องจากนางวันทองมีโอกาสใกล้ชิดกับนางศรีประจัน นางจึงได้รับลักษณะนิสัยบางอย่างของนางศรีประจันมา เช่น เป็นคนเจ้าคารมโวหาร ใช้ถ้อยคำประชดประชันเสียดสี ปากกล้า โดยเฉพาะเมื่อเกิดอารมณ์โมโห นางจะหลุดถ้อยคำหยาบ ๆ ออกมาได้มากมาย
นางวันทอง มีลักษณะสาวชาวบ้านจึงเป็นคนซื่อ ไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก ทำอะไรก็ทำตามประสาหญิงชาวบ้าน เมื่อโตเป็นสาวก็เริ่มคิดเรื่องคู่ครอง อันเป็นเรื่องธรรมดาตามธรรมชาติ แต่สังคมไทยมีความจำกัดให้ผู้หญิงอยู่ในกรอบของประเพณี จึงทำให้ดูเหมือนว่านางวันทองไม่รักนวลสงวนตัว อย่างไรก็ตาม นางวันทองก็ยังมีภาพลักษณ์ด้านดีที่เห็นได้ชัด คือ ความละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับรู้ถึงความดีของผู้อื่นที่ปฏิบัติต่อนาง ดังจะเห็นได้จากถึงแม้นางจะไม่ได้รักขุนช้างแต่ด้วยความดีของขุนช้างและความผูกพันที่อยู่กันมา 15 ปี ทำให้นางเป็นห่วงเป็นใยความทุกข์สุข และความรู้สึกของขุนช้างไม่น้อย หรือ อารมณ์ที่ละเอียดอ่อนในการเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี เช่น ความประณีตในการปักม่าน นอกจากนี้นางวันทองยังเป็นคนกล้าที่จะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง มีน้ำใจเมตตา และให้อภัยโดยไม่เคียดแค้น
4. พลายงาม
พลายงาม มีตำแหน่งทางราชการเป็นจมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมักเรียนกันสั้น ๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับนางวันทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง เพราะนางถูกฉุดไปขณะที่ท้องแก่ ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งละม้ายคล้ายคลึงกับขุนแผนมากขึ้น ทำให้ขุนช้างเกลียดมาก วันหนึ่งจึงหลอกพลายงามไปฆ่าในป่า แต่โหงพรายของขุนแผนมาช่วยไว้ นางวันทองจึงให้ไปอยู่กับนางทองประศร ีที่กาญจนบุรีพลายงามได้เรียนวิชาจากตำราของพ่อจนเชี่ยวชาญ มีความสามารถเช่นเดียวกับขุนแผนต่อมาได้อาสายกทัพไปรบกับเชียงใหม่ แล้วถือโอกาสขออภัยโทษให้ขุนแผนออกจากคุกได้ เมื่อกลับมาจากสงครามก็ได้ตำแหน่งเป็นจมื่นไวยวรนาถ และมีภรรยาสองคน คือ นางศรีมาลา และนางสร้อยฟ้า
5. สมเด็จพระพันวษา
สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ยุคนี้เป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง มีความอุดมสมบูรณ์ ราษฎรทั้งหลายอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขบรรดาประเทศใกล้เคียงก็ยอมอ่อนน้อม เพราะยำเกรงบารมี สมเด็จพระพันวษามีนิสัยโกรธง่าย ดังเช่นเมื่อขุนไกรต้อนควายป่ามาเข้าคอกให้พระองค์ล่า แต่ควายตื่นตกใจหนีเตลิด ขุนไกรจึงใช้หอกไล่แทงควายตายไปมากมาย สมเด็จพระพันวษาก็โกรธสั่งให้ประหารชีวิตขุนไกรทันที แต่พระองค์ก็นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความยุติธรรมต่อพวกทหาร เสนาอำมาตย์ และราษฎรพอสมควร เมื่อมีคดีฟ้องร้องกัน ก็จะให้มีการไต่สวน และพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อนจึงจะลงโทษ เช่น ในคราวที่นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์ให้จมื่นไวยวรนาถ (พลายงาม) หลงรักแล้วถูกจับได้ แต่ไม่มีพยานยืนยัน สมเด็จพระพันวษาก็ให้ลุยไฟพิสูจน์ จนรู้แน่ว่านางสร้อยฟ้าเป็นฝ่ายผิดจึงได้สั่งลงโทษ
คำอธิบายศัพท์
1. ทรามสวาดิ = เป็นที่รัก
2. ตกว่า = ราวกับว่า
3. ฏีกา = คำร้องทุกข์ที่ยื่นถวายพระเจ้าแผ่นดิน
4. เพรางาย = เวลาเช้า และเวลาเย็น
5. เมรุไก = ภูเขา
6. ร้องเกน = ร้องตะโกนดังๆ
7. สะเดากลอน = ทำให้กลอนประตูหลุดออกได้ด้วยคาถาอาคม
8. แหงนเถ่อ = ค้างอยู่
9. อุธัจ = ตกประหม่า
10. มินหม้อ = เขม่าดำที่ติดก้นหม้อ
11. ส่งทุกข์ = เข้าสวม
12. ขี้ครอก = ลูกของข้าทาส
13. เครื่องอาน = เครื่องกิน
14. จวงจันทน์ = เครื่องหอมที่เจือด้วยไม้จวงและไม้จันทน์
15. ฉวยสบเพ = บังเอิญถูกจังหวะ
16.เมรุ = ภูเขา
17.ทวิบาท = สองเท้า
18.ทักทิน = ชั่วร้าย
19.หินชาติ = ชั้นต่ำ
20.จัตุบาท = สัตว์ 4 เท้า
21.วางบท = กำหนด
22.เสาแรก = เสาเอก
23.ทรามสวาดิ = ที่รัก
24.ร้องเกน = ตะโกนดังๆ
25.กินใจ = แหนงใจ สงสัย
26.นิเวศน์ = วัง บ้าน
27.เพรางาย = เช้า เย็น
28.อัฐกาล = ยามแปด
29.คล่องใจ = ไม่น่าเกลียด
30.ขี้ครอก = ลูกของทาส
31.รากใหญ่ = ต้นเหตุของปัญหา
คุณค่าที่ได้รับ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้นและสะเทือนใจ (พิโรธวาทัง)
...ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชะนวนมา
ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา...
มีการพรรณณาถึงเรื่องฝันร้าย
...ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น...
ใช้ถ้อยคำเกิดความเศร้าสะเทือนใจสงสารในชะตากรรมของตัวละคร (สัลลาปังคพิสัย)
...วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว จะจำจากลูกแก้วไปสูญสิ้น
พอบ่ายก็จะตายลงถมดิน ผินหน้ามาแม่จะขอชม
เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่น มิได้ชื่นเชยชิดสนิทสนม...
...ร่ำพลางนางกอดพระหมื่นไวย น้ำตกไหลซบเซาไม่เงยหน้า
ง่วงหงุบฟุบลงกับพสุธา กอดลูกยาแน่นิ่งไม่ติงกาย ฯ
การบรรยายโวหาร (เสาวรจนีย์)
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
การพรรณนาโวหาร (นารีปราโมทย์)
จะเป็นตายง่ายยากไม่จากรัก จะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน
ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน เจ้าเพื่อนเสน่หาจงอาลัย
เชิงเปรียบเทียบ (อุปมาโวหาร)
อีวันทองตัวมันเหมือนแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้
สัมผัสแบบกลอนแปด
ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์ หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่
พระตรัสความถามซักไปทันใด ฤามึงไม่รักใครให้ว่ามา
กวีแทรกอารมณ์ขันในการแต่ง
ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ต้ว
ยายจันงันงกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ
คุณค่าด้านสังคม
๑. ลักษณะทางสังคม ยกตัวอย่างเช่น ตอนขุนช้างถวายฎีกา เป็นตอนที่ชะตาชีวิตของนางวันทองตกต่ำถึงที่สุด คือ ถูกพระพันวษาพิพากษาให้ประหารชีวิต ซึ่งจะเป็นตอนที่มีหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในสถานภาพใดในสังคม กษัตริย์ สามี ภรรยา มารดา บุตร ตัวละครในตอนนี้แทบทุกคัวมีบทบาทสำคัญ แต่ที่เด่นที่สุดมี ๒ ตัว คือ สมเด็จพระพันวษาและ นางวันทอง จากเนื้อเรื่องผู้ที่น่าเห็นใจไม่เพียงแต่นางวันทองเท่านั้น สมเด็จพระพันวษาก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่น่าเห็นใจ เนื่องจากฝ่ายหนึ่งถูกสั่งประหารและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายสั่งประหารชีวิต
๒. แนวคิดเกี่ยวกับสังคม
๒.๑ ฐานะและบทบาทของสตรีในสังคม นางวันทองเป็นตัวอย่างของสตรีไทยสมัยโบราณโดยแท้ คือเกิดมาเพื่อรับบทของบุตรี ภรรยาและมารดา ตามที่ธรรมชาติและสังคมเป็นผู้กำหนด และเมื่อต้องรับบทพลเมืองก็เป็นพลเมืองตามที่ผู้ปกครองพึงปรารถนาให้เป็น เนื่องจากนางวันทองไม่มีโอกาสเลือก อาจได้แต่เพียงคิดแต่ไม่เคยได้ปฏิบัติตามที่คิด นางวันทองถูกกำหนด เส้นทางของชีวิตให้เป็นไปตามความต้องการของคนอื่นทั้งสิ้น ความเคยชินจากการเป็นผู้ปฏิบัติตาม เมื่อสมเด็จพระพันวษาทรง เปิดโอกาสให้นางเลือกทางเดินของชีวิตตนเอง นางก็ว้าวุ่นใจไม่อาจตัดสินใจได้ จึงก่อให้เกิดเหตุการณือันเสร้าสะเทือนใจในที่สุด
๒.๒ บทบาทของกษัตริย์ต่อประชาชนในสังคมไทย สมเด็จพระพันวษานั้น ถ้าจะพิจารณาอย่างละเอียด ก็จะเห็นได้ว่าแม้จะทรงเป็นเจ้าชีวิต มีพระราชอำนาจอันล้นพ้น แต่ก็มิได้ทรงใช้อำนาจอย่างปราศจากเหตุผลหรือด้วยพระอารมณ์ หากได้ ทรงปฏิบัติอย่างเหมาะสม และทรงมีพฤติกรรมไปในทางที่สมเหตุสมผลที่สุด เนื่องจากต้องแก้ไขปัญหาระดับประเทศแล้วยังต้องแก้ไขปัญหาระดับครอบครัวของประชาชน เปรียบเหมือนพ่อหรือผู้ใหญ่ในครอบครัว เวลาคนในครอบครัวมีเรื่องเดือดร้อนหรือ เกิดเหตุการณ์วุ่นวายและมาฟ้อง ก็ต้องทรงเป็นราชธุระ
๒.๓ ค่านิยมและความเชื่อเกี่ยวกับสตรี สังคมไทยไม่นิยมสตรีเยี่ยงนางวันทอง คือมีสามีสองคน ในเวลาเดียวกัน แม้โดยแท้จริงแล้วการที่มีสามีสองคนนั้นมิใช่เกิดจากความปรารถนาของนางเอง แต่จุกนี้สังคมกลับมองข้าม เห็นแต่เพียงผิวเผินว่านางน่ารังเกียจ
ในทางตรงกันข้าม ค่านิยมเกี่ยวกับการมีภรรยาหลายคนในเวลาเดียวกัน กลับปรากฎในหมู่คนชั้นสูง โดยฌฉพาะ ผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ของไทย แต่สังคมไม่รังเกียจ กลับนิยมยกย่อง เพราะค่านิยมกำหนดว่าลักษระเช่นนี้เป็นเครื่องเสริมบารมีและความเป็นบุรุษอาชาไนยให้มากยิ่งขึ้น