ส่วนที่ 1 บทสรุปสําหรับผู้บริหาร
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในรอบปการศึกษาที่จัดทํารายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา ประกอบด้วยการสรุปสาระสําคัญ ดังนี้
ส่วนที่ 1 บทสรุปสําหรับผู้บริหาร
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในรอบปการศึกษาที่จัดทํารายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา ประกอบด้วยการสรุปสาระสําคัญ ดังนี้
1. การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาในรอบปีการศึกษา
ที่จัดทํารายงานผลการประเมินตนเอง ประกอบด้วย
1.1 ผลสัมฤทธิ์
1.1.1 ผลผลิต (Output)
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี จัดการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จำนวน 13 สาขาวิชา 15 สาขางาน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จำนวน 12 สาขาวิชา 13 สาขางาน รวม ปวช. ปวส. 25 สาขาวิชา 28 สาขางาน จำนวน 14 แผนกวิชา และระดับปริญญาตรี สาขาการบัญชี (ต่อเนื่อง), สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ (ต่อเนื่อง) โดยจัดการศึกษาออกเป็น 2 ระบบ คือระบบปกติ และระบบทวิภาคี วิทยาลัยฯ มีการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนนักศึกษา ผู้ปกครอง สถานประกอบการ ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และสมาคมศิษย์เก่า
วิทยาลัยฯ มีการพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านทักษะทางวิชาการที่ตรงตามความต้องการ ความถนัดของผู้เรียน ตลอดจนมุ่งเน้นสมรรถนะให้เกิดกับผู้เรียนโดยสามารถนำความรู้ ทักษะไปประยุกต์ใช้กับการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพ ควบคู่ไปกับการมีคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งวิทยาลัยฯ มีการพัฒนาระบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยี ให้ความรู้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิทยาลัยฯ
ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามเกณฑ์การประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาอาชีวศึกษา ภาพรวมทั้ง 5 ด้านอยู่ในระดับยอดเยี่ยม มีค่าร้อยละเท่ากับ 97.96
1.1.2 ผลลัพธ (Outcome)
1. ผู้เรียนที่ผ่านการประเมินมาตรฐานวิชาชีพรอบแรกจำนวน 654 คน จากจำนวนผู้เรียนที่ลงทะเบียนเรียนครบทุกรายวิชาตามโครงสร้างหลักสูตร 665 คน คิดเป็นร้อย 98.35
2. วิทยาลัยฯ มีการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะในการเป็นผู้ประกอบการหรือการประกอบอาชีพอิสระ โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษา ให้ความรู้นักเรียน นักศึกษาในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาเป็นผู้ประกอบการหรือการประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 69 คน และให้ดำเนินธุรกิจภายใต้โครงการหารายได้ระหว่างเรียน พบว่านักเรียน นักศึกษาสามารถจัดตั้งกลุ่มธุรกิจเพื่อดำเนินการตามแผนธุรกิจได้ จำนวน 69 คน คิดเป็นร้อยละ 100
3. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการประกวดแข่งขันทักษะวิชาชีพ โดยมีจำนวนผู้เรียนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ในแต่ละระดับรายละเอียดดังนี้
- สถานศึกษามีการส่งเสริม สนับสนุนให้มีการประกวด แข่งขันทักษะวิชาชีพฯ ระดับสถานศึกษา มีนักเรียน นักศึกษาเข้าร่วม จำนวน 1,329 คน
- ผู้เรียนได้รับรางวัลจากการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ระดับจังหวัด จำนวน 63 คน
- ผู้เรียนได้รับรางวัลจากการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ระดับภาค จำนวน 25 คน
- ผู้เรียนได้รับรางวัลจากการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ระดับชาติ จำนวน 12 คน
4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาจากผู้เรียนแรกเข้าของรุ่น ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รวมผู้สำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น จำนวน 626 คน จากผู้เรียนแรกเข้าของรุ่นทั้งหมด จำนวน 813 คน คิดเป็น ร้อยละ 76.99 ของผู้เรียนทั้งหมด ซึ่งผลการประเมินอยู่ในเกณฑ์ ดีเลิศ
5. ผู้เรียนร้อยละ 87.73 มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ และเสียสละเพื่อส่วนรวม มีความเป็ประชาธิปไตยทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นกัลยาณมิตร มีภาวะผู้นำ กล้าแสดงออกภูมิใจในความเป็นไทย เห็นคุณค่าและร่วมพัฒนาภูมิปัญญาไทย มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
6. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีผู้สำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษา 2563 จำนวนทั้งหมด 666 คน สามารถติดตามผู้สำเร็จการศึกษา ในปีการศึกษาที่ผ่านมาที่มีงานทำในสถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบอาชีพอิสระหรือศึกษาต่อ จำนวนทั้งหมด 470 คน คิดเป็นร้อยละ 70.57
7. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรีได้กำหนดนโยบายที่มุ่งเน้นความตระหนักในการจัดระบบดูแลผู้เรียนโดยมีการปฐมนิเทศผู้เรียน มีการแต่งตั้งครูที่ปรึกษา มีระบบเครือข่ายผู้ปกครองดูแลผู้เรียนสนับสนุนทุนการศึกษาแก่ผู้เรียน มีระบบดูแลผู้เรียนกลุ่มเสี่ยง และส่งเสริมผู้เรียนที่ปัญญาเลิศตามแนวนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา และพระราชบัญญัติของการศึกษาแห่งชาติ คือ เก่ง ดี และมีความสุข
8. ร้อยละของประเภทวิชาที่จัดการเรียนการสอนมีการพัฒนาให้เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะอย่างเป็นระบบคิดเป็น ร้อยละ 100
9. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีจำนวนสาขาวิชาในระดับ ปวช. ปวส. รวมทั้งหมด 25 สาขาวิชา มีการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ หรือปรับปรุงรายวิชา หรือปรับปรุงรายวิชาเดิม หรือกำหนดรายวิชาเพิ่มเติม จำนวนทั้งหมด 25 สาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 100
10. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีครูผู้สอนที่มีการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้สู่การปฏิบัติที่มีคุณภาพเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและนำไปใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษ ที่ 21 มีครูผู้สอนทั้งหมดจำนวน 84 คน จำนวนรายวิชาที่สอนทั้งหมด 777 รายวิชา ครูผู้สอนทุกคนมีการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้สู่การปฏิบัติที่มีคุณภาพในทุกรายวิชาที่ตนเองสอน คิดเป็นร้อยละ 100
11. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ได้สนับสนุนให้ครูผู้สอนจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ทั้งหมด 777 รายวิชา ซึ่งได้มีการรายงานผลการใช้แผนการสอน บันทึกหลังการสอน และรายงานผลต่อฝ่ายวิชาการ และครูผู้สอนได้จัดทำแผนการสอนทุกรายวิชาจำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับครูผู้สอนทั้งหมดในสถานศึกษา จำนวน 84 คน
12. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรีมีครูผู้สอนของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564 ทั้งหมด จำนวน 84 คน
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีร้อยละของครูผู้สอนที่มีคุณวุฒิตรงตามสาขาวิชาที่สอนทั้งหมดจำนวน 84 คน และมีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามสาขาวิชาที่สอน คิดเป็นร้อยละ 100
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีร้อยละของครูผู้สอนที่มีแผนการจัดการเรียนรู้ครบทุกรายวิชาที่สอน มีครูผู้สอนทั้งหมดจำนวน 84 คน ที่จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญทุกสาขาวิชาที่สอน คิดเป็นร้อยละ 100
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีร้อยละของครูผู้สอนที่จัดการเรียนการสอนตรงตามแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิควิธีการสอนที่หลากหลาย มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง มีครูผู้สอนทั้งหมดจำนวน 84 คน จัดการเรียนการสอนตรงตามแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิควิธีการสอนที่หลากหลาย เช่น เทคนิคการมีส่วนร่วม เทคนิคกระบวนการพัฒนาทักษะเทคนิคกระบวนการแก้ปัญหา เป็นต้น มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง คิดเป็นร้อยละ 100
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีร้อยละของครูผู้สอนที่ใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษา และแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอน มีครูผู้สอนทั้งหมดจำนวน 84 คนมีจำนวนครูผู้สอนที่ใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษา แหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วย PowerPoint Captivate Google Classroom คิดเป็นร้อยละ 100
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีครูผู้สอนที่ทำวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพจัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภาคเรียนที่ 1 ครูผู้สอนที่ทำวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ ส่งวิจัย จำนวน 75 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 98.68 ภาคเรียนที่ 2 ครูผู้สอนที่ทำวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ ส่งวิจัย จำนวน 73 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 100 รวม 2 ภาคเรียน จำนวนวิจัย 148 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 99.33
13. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี สนับสนุนให้ครูผู้สอนมีการจัดทำข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล มีข้อมูลสารสนเทศหรือเอกสารประจำชั้นเรียนและรายวิชาใช้เทคนิควิธีการบริหารจัดการชั้นเรียนให้มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นผู้เสริมแรงให้ผู้เรียนมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียน ดูแลช่วยเหลือผู้เรียนรายบุคคลด้านการเรียนและด้านอื่น ๆ
- ครูผู้สอนที่จัดทำข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100
- ครูผู้สอนที่มีข้อมูลสารสนเทศหรือเอกสารประจำชั้นเรียนและรายวิชาเป็นปัจจุบัน จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100
- ครูผู้สอนที่ใช้เทคนิควิธีการบริหารจัดการชั้นเรียนให้มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100
- ครูผู้สอนที่ใช้วิธีการเสริมแรงให้ผู้เรียนมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียน จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100
- ครูผู้สอนที่ดูแลช่วยเหลือผู้เรียนรายบุคคลด้านการเรียนและด้านอื่น ๆ จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100
14. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีร้อยละของครูผู้สอนที่ได้รับการพัฒนาตนเองและการพัฒนาวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 100
15. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีจำนวนห้องเรียน ห้องปฏิบัติการที่มีระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการจัดการเรียนการสอน จำนวนทั้งหมด 60 ห้อง ห้องปฏิบัติการ จำนวน 17 ห้อง ที่เชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณ (LAN) และสัญญาณไร้สาย (WiFi)
16. ผลการประเมินและข้อมูลการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการสถานศึกษา
- ระบบ AMS E-Office จัดการงานสารบรรณ ตอบรับหนังสือราชการจากภายนอกสถานศึกษาสามารถทำงานได้ สืบค้นได้ ข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน ร้อยละ 100
- ระบบ RMS2021 จัดการงานสารบรรณตอบรับหนังสือราชการภายในสถานศึกษา และใช้เป็นระบบยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายใน ครู บุคลากร เจ้าหน้าที่ สามารถเข้าถึงระบบได้ ร้อยละ 100
- ระบบ r-idplan.net เพื่อการติดตามการพัฒนาของบุคลากร มีการจัดการข้อมูล ร้อยละ 100 ของบุคลากรสายการสอน
- โปรแกรม STD2018.VEC.GO.TH สามารถทำงานเพื่อการบริหารฐานข้อมูลสารสนเทศงานทะเบียน วัดผล หลักสูตร ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ร้อยละ 100
- Line Group เฉพาะงาน ติดต่อประสานงาน สื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง บุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้าใช้งานได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90
- Fanpage Facebook งานประชาสัมพันธ์ รายงานผลทางหน้าเว็บไซต์ของวิทยาลัย มีข้อมูลที่นำเสนอถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ 100 ของข้อมูลกิจกรรมที่ดำเนินงาน
- ระบบบริหารจัดการความรู้ (KM) e-portfolio ของผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และหน่วยงานต่าง ๆ ภายในวิทยาลัย เพื่อนำเสนอผลงานต่าง ๆ มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้าใช้งานได้ไม่
น้อยกว่า ร้อยละ 90
17. อาคารสถานที่ ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ แหล่งการเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวกร้อยละ 100 ได้รับการพัฒนาและดูแลให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้
18. ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ได้แก่ ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบคมนาคมภายใน ระบบการสื่อสารภายใน และระบบรักษาความปลอดภัย ร้อยละ 100 ได้รับการบำรุงรักษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
19. ร้อยละของผู้เรียนที่ใช้บริการแหล่งเรียนรู้และศูนย์วิทยบริการจำนวน นักเรียน นักศึกษาในปีการศึกษา 2564 จำนวนทั้งสิ้น 1,918 คน มีผู้เข้าใช้บริการทั้งหมด จำนวน 1,639 คน คิดเป็นร้อยละ 85.45
20. ผลการประเมินและข้อมูลระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการใช้งานด้านสารสนเทศภายในสถานศึกษา
- มีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพเหมาะสม และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ระบบมีความเสถียร บุคลากรสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ร้อยละ 100
- มีผู้รับผิดชอบ ดูแล และบริหารจัดการข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล ระบบความปลอดภัยในการจัดเก็บและใช้ข้อมูล บริหารจัดการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงภายในวิทยาลัยฯ โดยใช้คำสั่งวิทยาลัยฯ ที่ 687/2564 เรื่อง แต่งตั้งมอบหมายหน้าความรับผิดชอบการปฏิบัติหน้าราชการ ประจำปีการศึกษา 2564
- มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานภายในสถานศึกษา ระบบทำงานได้ต่อเนื่อง บุคลากรเข้าถึงการให้บริการได้ร้อยละ 100
- มีระบบบริหารจัดการสถานศึกษา (RMS2020) ที่บุคลากรสามารถเข้าถึงได้ ร้อยละ 100
- มีระบบบริหารสถานศึกษา ศธ.02 ออนไลน์ ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐ (GFMIS) ระบบงานสารบรรณ (AMS e-office) ระบบบริหารข้อมูลนักเรียน นักศึกษา (Datacenter Systems) รวมทั้งเว็บไซต์ และ Facebook Fanpage ที่เชื่อมโยงการบริหารจัดการภายนอกสถานศึกษาสามารถใช้งานได้ร้อยละ 100 ของเวลาทำการ
21. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งหมด 3 สาขางาน คิดเป็นร้อยละ 23.07 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทั้งหมด 7 สาขางาน คิดเป็นร้อยละ 58.33 ของสาขางานทั้งหมด มีผู้เรียนระบบทวิภาคีระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งหมด 302 คน
คิดเป็นร้อยละ 21.11 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทั้งหมด 207 คน คิดเป็นร้อยละ 39.35 ของผู้เรียนทั้งหมด
22. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีกระบวนการบริหารจัดการระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ มีการควบคุมคุณภาพ การติดตามตรวจสอบ และการประเมินคุณภาพ พบว่าครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพึงพอใจต่อระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา อยู่ในระดับ “มากที่สุด” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( =4.56,lS.D.=0.479)
23. ครูและบุคลากรทางการศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา จัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและแผนปฏิบัติราชการประจำปี หรือแผนปฏิบัติงานประจำปี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 134 คน คิดเป็นร้อยละ 100
24. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีสาขาวิชาหรือสาขางานที่มีการระดมทรัพยากรเพื่อการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 100
25. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการบริหารจัดการ การบริการชุมชนการบริการวิชาการ การบริการวิชาชีพ และจิตอาสา โดยการมีส่วนร่วมของผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียน และส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นผู้มีจิตอาสาโดยใช้วิชาชีพสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนและสังคม โดยมีการดำเนินโครงการจำนวนทั้งสิ้น 6 โครงการ ได้แก่
- โครงการมีแล้วแบ่งปัน
- โครงการกำลังใจมีให้กันเสมอ ครั้งที่ 2
- โครงการ Fix It - จิตอาสา
- โครงการอบรมหลักสูตรวิชาการและวิชาชีพออนไลน์
- โครงการ Fix It - จิตอาสา (กล่องยังชีพ)
- โครงการอาชีวะจิตอาสาร่วมใจเสมอกัน
26. จากการดำเนินการด้านนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ งานสร้างสรรค์ งานวิจัย โดยนักเรียน นักศึกษาได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ที่มีอยู่จากการเรียน ประสบการณ์ต่างๆ ระบบการเรียนการสอน การฝึกงาน การฝึกวิชาชีพ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นรูปธรรมในรูปแบบของโครงการวิชาชีพ โครงงานวิทยาศาสตร์ และสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมในวิชาชีพของตนเอง ที่เกิดจากระบบบริหารการศึกษา ระบบการเรียนการสอน ให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีการฝึกคิด ฝึกปฏิบัติ ในรูปแบบของ การประกวดต่าง ๆ ทั้งระดับอาชีวศึกษาจังหวัด ระดับภาค และระดับชาติ นอกจากนี้โครงการวิชาชีพของนักเรียน นักศึกษาระดับชั้น ปวช.3 และปวส.2 ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งในระดับสถานศึกษา ระดับชุมชนหรือหน่วยงานองค์กรภายนอก ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลดังนี้
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีผู้เรียนได้รับรางวัลจากการประเมินสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ระดับสถานศึกษา จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 2 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีผู้เรียนได้รับรางวัลจากการประเมินสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ระดับอาชีวศึกษาจังหวัด จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 2 รางวัล
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีผู้เรียนได้รับรางวัลจากการประเมินสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ระดับภาค จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 1 รางวัล
1.1.3 ผลสะท้อน (Impact)
1. ผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. ผ่านการประเมินมาตรฐานวิชาชีพครั้งแรก ร้อยละ 98.35 อยู่ในระดับ “ยอดเยี่ยม”
2. ศูนย์บ่มเพาะฯ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีกระบวนการในการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาผู้เรียนในการเป็นผู้ประกอบการหรือการประกอบอาชีพอิสระอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภายนอกและเข้ามาศึกษาดูงานศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา ด้านการพัฒนาผู้เรียนสู่การเป็นผู้ประกอบการ
3. นักเรียน นักศึกษา สามารถนำทักษะวิชาชีพของตนเอง เข้าร่วมประกวด แข่งขันตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด และหน่วยงานภายนอก ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับชาติ โดยนักเรียน นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ได้เข้าร่วมประกวด แข่งขันดังนี้
- นายธนาวัตร ศรีเดช แผนกวิชาคหกรรม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 การประกวดกระทง ในงาน “สายน้ำ สายชีวิต เมืองสุพรรณ” ประจำปี 2564 ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลย์วรวิหาร อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
- นายจามร เพ็งเรือง แผนกวิชาคหกรรม ได้เข้าร่วม การประกวดกระทงในงาน “สายน้ำ สายชีวิต เมืองสุพรรณ” ประจำปี 2564 ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลย์วรวิหาร อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีจำนวนผู้เรียนระดับปวช. และ ปวส. แรกเข้าของรุ่นไม่รวมผู้เรียนปรับปรุง จำนวน 813 คน สำเร็จการศึกษา 626 คน คิดเป็นร้อยละ 76.99
5. สถานศึกษาได้รับรางวัลนักเรียน นักศึกษารางวัลพระราชทาน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประจำปีการศึกษา 2563 ได้แก่ นางสาวรุจิอร ขาวประเสริฐ
6. สถานศึกษาได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 3 คน ได้แก่ นางสาวศศิภา เศษบุบผา นางสาวพิชชา เจริญผล และนางสาวอังคณา หมอยาดี
7. สถานศึกษาได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งปี จำนวน 3 คน ได้แก่ นางสาวรพีพรรณ ขุนทองไทย นายวรรัตน์ หอมระรื่น และนางสาวอังคณา หมอยาดี
8. ผู้สำเร็จการศึกษาได้รับความพึงพอใจจากสถาบันการศึกษาที่รับผู้สำเร็จการศึกษาเข้าศึกษาต่อ ภาพรวมทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับ มากที่สุด โดยความพึงพอใจในด้านที่ 1 ด้านคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ อยู่ในระดับ มากที่สุด ด้านที่ 2 ด้านสมรรถนะหลักและสมรรถนะทั่วไป อยู่ในระดับ มากที่สุด ด้านที่ 3 ด้านสมรรถนะวิชาชีพ อยู่ในระดับ มากที่สุด
9. ผู้สำเร็จการศึกษาได้รับความพึงพอใจจากสถานประกอบการที่รับผู้สำเร็จการศึกษาเข้าทำงานภาพรวมทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด โดยความพึงพอใจในด้านที่ 1 ด้านคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ อยู่ในระดับ มาก ด้านที่ 2 ด้านสมรรถนะหลักและสมรรถนะทั่วไปอยู่ในระดับ มากที่สุด ด้านที่ 3 ด้านสมรรถนะวิชาชีพ อยู่ในระดับ มากที่สุด
10. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะอย่างเป็นระบบ ซึ่งสถานประกอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรซึ่งส่งผลให้ผู้สำเร็จการศึกษามีสมรรถนะอาชีพสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้รับความพึงพอใจจากสถานประกอบการ
11. งานหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน วิทยาลัยอาชีวศึกษสุพรรณบุรีได้มีการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมีครูได้รับรางวัลแผนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นสรรถนะได้สมบูรณ์ ประจำปีการศึกษา 2564 จำนวน 12 คน
12. นักเรียน นักศึกษา ให้การยอมรับการบริหารจัดการชั้นเรียนของครูผู้สอนจากการใช้เทคนิควิธีการจัดการชั้นเรียน ทำให้มีบรรยากาศในห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ได้รับการเสริมแรงจากครูผู้สอนส่งผลให้นักเรียน นักศึกษาตั้งใจในการเรียนและได้รับคำแนะนำต่าง ๆ จากครูผู้สอนส่งผลให้นักเรียนนักศึกษามีความพึงพอใจต่อครูผู้สอน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.95 อยู่ในระดับ มากที่สุด
13. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพการจัดการเรียนการสอนจากหน่วยงานภายนอก โดยมีครูได้รับเกียรติบัตรยกย่องเชิดชูเกียรติ ประจำปีการศึกษา 2564 จำนวน 2 ท่าน
- นางสาวอภิรดี อามาตย์ทัศน์ ได้รับรางวัลครูดีศรีอาชีวศึกษา ประจำปี 2564 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
- นางวัชราภรณ์ นนท์ธีระวิชยา ได้รับรางวัลครูดีศรีอาชีวศึกษา ประจำปี 2564 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
14. องค์กร หน่วยงานภายนอก หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้การยอมรับต่อ คุณภาพการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการที่มีต่อระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.85
15. สถานศึกษามีระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ เพื่อการบริหารจัดการสถานศึกษาที่หลากหลาย ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน โดยใช้โปรแกรม RMS 2021 เป็นโปรแกรมหลักในการบริหารจัดการ งานสารบรรณ งานปกครอง งานครูที่ปรึกษา งานทะเบียนรวมถึงการใช้ Line Group ติดต่อประสานงานภายใน การใช้ Fanpage Facebook สำหรับการจัดการงานประชาสัมพันธ์ เก็บรวบรวมรูปภาพแบ่งอัลบั้มตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินงาน
16. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการพัฒนาและดูแลสภาพแวดล้อมภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ แหล่งการเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความพร้อมและเพียงพอ ต่อผู้ใช้บริการ จนส่งผลให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาขอใช้บริการอาคารและสถานที่ เช่น ขอใช้ห้องประชุมเพื่อการประชุม อบรม และสัมมนา ขอใช้สถานที่เป็นสนามสอบแข่งขัน ขอใช้สถานที่ประชุมเพื่อตัดสินการประกวดแข่งขัน ขอใช้สถานที่เป็นที่ให้ความรู้ในด้านสุขอนามัยจากโรงพยาบาล ด้านวินัยจราจร จากสถานีตำรวจ จากการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ได้แก่ ผู้บริหาร ครู บุคลากร นักเรียน และนักศึกษา พบว่า ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.08
17. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบคมนาคม ระบบการสื่อสาร รวมทั้งการจัดระบบรักษาความปลอดภัยภายในอย่างมีประสิทธิภาพ จากการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ได้แก่ ผู้บริหาร ครู บุคลากร นักเรียน และนักศึกษา พบว่า ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.52
18. นักเรียนนักศึกษาเข้าใช้บริการจำนวน 1,639 คน คิดเป็นร้อยละ 85.45 จากจำนวนนักเรียน 1,918 คน นักเรียน นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการเข้าใช้ศูนย์วิทยบริการ อยู่ในระดับ “มาก” โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.63
19.ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการที่มีต่อระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการใช้งานด้านสารสนเทศภายในสถานศึกษา จากผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการที่มีต่อระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการใช้งานด้านสารสนเทศภายในสถานศึกษา 2564 อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.07
20. ร้อยละของผู้ผ่านการฝึกงานทวิภาคี ในปีการศึกษา 2564 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.3) ร้อยละ 92.00 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.2) ร้อยละ 97.00
21. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา เป็นไปตามระบบประกันคุณภาพภายใน และมีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภายนอก โดย
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ได้รับหนังสือรับรองการประกันคุณภาพภายนอก (พ.ศ. 2564 – 2568) จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ด้านอาชีวศึกษา
- วิทยาลัยการอาชีพนครสวรรค์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาเข้าศึกษาดูงานระบบประกันคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี จำนวน 1 แห่ง
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการจัดทำรายงานการประเมินตนเองโดยสรุปผลการดำเนินงานใน ปีการศึกษา 2564 อยู่ในระดับคุณภาพ “ยอดเยี่ยม”
22. จำนวนสถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษาระบบปกติ จำนวน 181 แห่ง และทวิภาคี จำนวน 40 แห่ง
23. จำนวนวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้กับผู้เรียน ครบทุกสาขาวิชา จำนวน 16 คน
24. จำนวนครูที่ออกไปเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงาน จำนวน 6 คน
25. ประชาชนผู้เข้ารับบริการพึงพอใจต่อโครงการปฏิบัติราชการเพื่อให้บริการประชาชน สร้างประโยชน์และให้ความรู้ที่ดี ซึ่งพิจารณาได้จากการเข้าร่วมรับบริการ นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างอาชีพให้กับบุคคลได้ทุกเพศ ทุกอาชีพ และทุกๆ ระดับการศึกษาให้สามารถนำความรู้ไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ประกอบอาชีพอิสระหรืออาชีพเสริมจากรายได้หลักที่มีอยู่
26. วิทยาลัยได้รับรางวัลจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ที่ทางสำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้จัดขึ้นในระดับอาชีวศึกษาจังหวัด ระดับภาค และได้เข้าร่วมประกวดในระดับชาติ ซึ่งในการประกวดระดับอาชีวศึกษาจังหวัด มีผลงานสิ่งประดิษฐ์ จำนวน 4 ผลงาน โดยผ่านเข้ารอบไปประกวดในระดับภาค ภาคกลาง จำนวน 2 ผลงาน และผ่านเข้ารอบได้ร่วมการประกวดในระดับชาติ จำนวน 2 ผลงาน
1.2 จุดเด่น
1. มีนักเรียน นักศึกษาที่มีคุณภาพ พร้อมออกไปสู่สถานประกอบการ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังสถานประกอบการต้องการ ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐานวิชาชีพในครั้งแรก คิดเป็นร้อยละ 98.35
2. มีนักเรียน ที่มีความรู้ ความสามารถ มีค่าเฉลี่ยผลคะแนนสอบระดับสถานศึกษามากกว่าค่าเฉลี่ยผลคะแนนสอบทั้งประเทศ
3. ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรีมีสำนักงานศูนย์ฯ เป็นสัดส่วน ชัดเจน เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน นักศึกษาที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ได้
4. ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทุกปี แตกต่างกันไปตามระดับดาวที่ได้
5. มีคณะครู อาจารย์ที่มีความสามารถในการให้ความรู้ด้านต่าง ๆ เช่น การเขียนแผนธุรกิจ การจัดทำบัญชี การขายและการตลาด เป็นต้น
6. ศูนย์บ่มเพาะฯ มีการจัดอบรมและศึกษาดูงานตามโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาทุกปี เพื่อเป็นการรองรับให้กับนักเรียน นักศึกษาที่สนใจได้เข้าร่วมกิจกรรม จนกระทั่งสามารถเป็นผู้ประกอบการได้
7. สถานศึกษามีกระบวนการในการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพในการเข้าร่วมการประกวด แข่งขันทางด้านทักษะวิชาชีพ ทั้งในระดับสถานศึกษา ระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับชาติ และระดับนานาชาติ นักเรียน นักศึกษา มีผลการประกวด แข่งขันทางด้านทักษะวิชาชีพตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด และเข้าร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ
8. จัดการศึกษาของสถานศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) มีผู้สำเร็จการศึกษาเทียบกับ แรกเข้ามีระดับผลการดำเนินงานที่อยู่ในเกณฑ์ ยอดเยี่ยม มี 3 สาขางาน ได้แก่ สาขางานเสื้อผ้าแฟชั่น สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สาขางานการบัญชี ร้อยละ 87.50, 82.50, 82.40 ตามลำดับ
9. จัดการศึกษาของสถานศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) มีผู้สำเร็จการศึกษาเทียบกับแรกเข้ามีระดับผลการดำเนินงานที่อยู่ในเกณฑ์ ยอดเยี่ยม มี 9 สาขางาน ได้แก่ สาขางานธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ สาขางานการจัดการงานดอกไม้และงานประดิษฐ์ สาขางานออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย สาขางานดิจิทัลมีเดีย สาขางานอาหารและโภชนาการ สาขางานการบัญชี สาขางานธุรกิจดิจิทัล สาขางานการจัดการสำนักงาน สาขางานการจัดประชุมและนิทรรศการ ร้อยละ 100.00, 100.00, 100.00, 92.00, 85.71, 85.18, 84.78, 84.37, 83.33 ตามลำดับ
10. สถานศึกษามีการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนร่วมกันจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
11. ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับเหรียญทอง การประเมินองค์การมาตรฐานดีเด่น ระดับอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี ประจำปีการศึกษา 2564
12. ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประเมินสมาชิกดีเด่นโครงการภายใต้การนิเทศ ระดับ ปวช. ระดับภาค ภาคกลาง ประเภทสถานศึกษาขนาดกลาง ประจำปี 2564
13. ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประเมินสมาชิกดีเด่นโครงการภายใต้การนิเทศ ระดับ ปวช. ระดับชาติ ประเภทสถานศึกษาขนาดกลาง ประจำปี 2564
14. ผู้สำเร็จการศึกษาได้รับความพึงพอใจจากสานศึกษาที่เข้าศึกษาต่อ อยู่ในระดับ “มากที่สุด” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( =4.61,S.D.=0.674) และได้รับความพึงพอใจจากสถานประกอบการที่รับผู้สำเร็จการศึกษาเข้าทำงาน อยู่ในระดับ “มากที่สุด” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( =4.55,S.D.=0.540)
15. สถานศึกษามีระบบการดูแลนักเรียน นักศึกษาที่ดี โดยผ่าน WEB PAGE ของวิทยาลัยฯ
16. สถานศึกษา มีการศึกษาความต้องการของตลาดแรงงานเพื่อการพัฒนาหรือการปรับปรุงหลักสูตร
17. สถานศึกษา มีการประสานงานกับสถานประกอบการอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาหรือการปรับปรุงหลักสูตร
18. สถานศึกษา มีหลักสูตรฐานสมรรถนะที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของตลาดแรงงาน
19. สถานศึกษา มีหลักสูตรฐานสมรรถนะ
20. สถานศึกษา มีการติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
21. มีการส่งเสริมให้สาขาวิชาหรือสาขางานได้รับการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ หรือปรับปรุงรายวิชา หรือปรับปรุงรายวิชาเดิม หรือกำหนดรายวิชาเพิ่มเติม
22. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการส่งเสริม สนับสนุนให้ครูผู้สอนจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้สู่การปฏิบัติที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและนำไปใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษ ที่ 21
23. ครูผู้สอนมีการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้สู่การปฏิบัติที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
24. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีร้อยละของครูผู้สอนที่มีคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 99.29 อยู่ในระดับคุณภาพ ยอดเยี่ยม
25. ครูผู้สอนทำการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล
26. ครูผู้สอนสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้
27. ครูผู้สอนมีระบบการดูแลผู้เรียนเป็นรายบุคคลด้านการเรียนและด้านอื่น ๆ
28. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ส่งเสริม สนับสนุนครูผู้สอนทั้งหมดของสถานศึกษาให้มีจัดทำแผนพัฒนาตนเองและเข้าร่วมพัฒนาวิชาชีพ ให้ครูผู้สอนทุกคนรับการพัฒนาตนเองอย่างน้อย 12 ชั่วโมงต่อปี มีครูผู้สอนที่นำผลการพัฒนาตนเองและการพัฒนาวิชาชีพมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน อีกทั้งส่งเสริมให้ครูผู้สอนที่มีผลงานจากการพัฒนาตนเองและการพัฒนาวิชาชีพ และมีครูผู้สอนที่มีนวัตกรรมจากการพัฒนาตนเองและการพัฒนาวิชาชีพในรูปแบบของวิจัยในชั้นเรียนและการประกวดสิ่งประดิษฐ์คนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับหรือเผยแพร่ คิดเป็นร้อยละ 100 อยู่ในระดับคุณภาพ ยอดเยี่ยม
29. มีการส่งเสริมนโยบายการบริหารจัดการศึกษาเชิงรุก โดยเน้นการพัฒนาห้องเรียน ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีเฉพาะทางในทุกปีการศึกษาให้มีระบบความเร็วสูงที่ดีขึ้นเพื่อการจัดการเรียน
การสอน มีคุณภาพมากขึ้น
30. มีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Uni-net และ Cat Telecom
31. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการพัฒนาและดูแลสภาพแวดล้อมภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ แหล่งการเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความพร้อมและเพียงพอ ต่อการใช้งานของผู้เรียนหรือผู้รับบริการ เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้และสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา
32. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าระบบประปาระบบคมนาคม ระบบการสื่อสาร รวมทั้งการจัดระบบรักษาความปลอดภัยภายในอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยประโยชน์สำหรับให้บริการทางการศึกษาแก่บุคลากรทางการศึกษา ผู้เรียน หรือผู้ใช้บริการ ในสถานศึกษา อยู่ในระดับ “ยอดเยี่ยม”
33. เนื้อที่สำหรับเก็บหนังสือและวารสารในห้องสมุดมีความเหมาะสม พื้นที่ในการจัดเก็บหนังสือและวารสารในงานวิทยบริการและห้องสมุดมีเพียงพอ โดยมีการแบ่งพื้นที่สำหรับหนังสือวิชาการเป็นชั้นหนังสือทั้งหมด 15 ชั้น ชั้นสำหรับวางวารสารจำนวน 1 ชุด ที่วางหนังสือพิมพ์จำนวน 1 ชุด โต๊ะแสดงหนังสือใหม่จำนวน 1 โต๊ะ ตู้แสดงหนังสือใหม่ 1 ตู้ และห้องหนังสืออ้างอิงซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการ
34. งานวิทยบริการและห้องสมุด มีห้องโฮมเธียเตอร์ที่มีประสิทธิภาพและมีความทันสมัย สามารถเข้าใช้บริการได้ครั้งละ 30 ที่นั่งโดยมีเนื้อที่ในการบริการทั้งหมด 48 ตารางเมตร พร้อมเครื่องเสียง สื่อ อุปกรณ์ที่ทันสมัย
35. เนื้อที่สำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ในห้องสมุดมีความเหมาะสมการให้บริการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลห้องสมุดจำนวน 2 เครื่อง และการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตจำนวน 30 เครื่อง เนื่องจากการให้บริการในการสืบค้นข้อมูลนักศึกษาส่วนใหญ่จะสืบค้นข้อมูลจากห้องอินเทอร์เน็ต การสืบค้นสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 2 เครื่องส่วนภายในสำนักงานของงานวิทยบริการและห้องสมุดจำนวน 2 เครื่อง มีการแบ่งเนื้อที่ในการใช้บริการอย่างเพียงพอ
36. ผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีความเสถียร ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
37. การจัดการอาชีวศึกษาระบบบทวิภาคี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ตามขั้นตอน ทำให้เกิดการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพ
38. ครูและบุคลากรทางการศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา จัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและแผนปฏิบัติราชการประจำปี หรือแผนปฏิบัติงานประจำปี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 134 คน คิดเป็นร้อยละ 100
39. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีระบบการประกันคุณภาพภายในและดำเนินงานเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
40. จัดทำรายงานการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา ประจำปีการศึกษา 2564
41. แผนกวิชา มีการจัดทำรายงานการประเมินคุณภาพภายในแผนกวิชา
42. ครูผู้สอนทุกท่าน จัดทำรายงานการประเมินตนเองส่วนบุคคล
43. นักเรียน นักศึกษา ได้รับรางวัลจากหน่วยงานภายนอก
44. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมโดยทุกภาคส่วน
45. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีผลการประเมินคุณภาพภายใน ปีการศึกษา 2564 อยู่ในระดับ “ยอดเยี่ยม”
46. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ดำเนินโครงการเพื่อการระดมทรัพยากรที่หลากหลาย จำนวน 129 โครงการ
47. การเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้ จำนวน 16 คน
48. สถานศึกษามีเครือข่ายความร่วมมือในด้านการบริการและการให้ความรู้แก่ชุมชน
49. มีจำนวนสถานประกอบการที่ร่วมมือในการจัดการศึกษาระบบปกติ จำนวน 181 แห่ง และระบบทวิภาคี จำนวน 40 แห่ง
50. จำนวนครูที่ออกไปเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงาน จำนวน 6 คน
51. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ดำเนินโครงการที่ออกให้บริการ จำนวน 6 โครงการ
52. ผู้รับบริการมีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการให้บริการวิชาการและวิชาชีพอยู่ในระดับมากที่สุด
53. สถานศึกษามีการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพใน การเข้าร่วมประกวดแข่งขันทางด้านนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ งานสร้างสรรค์ หรืองานวิจัย ทั้งในระดับสถานศึกษา ระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับชาติ อีกทั้งคุณครูยังมีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อให้ผู้เรียนนำไปต่อยอดได้อีกด้วย
54. การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนด้านงานวิจัย นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ ให้มากขึ้น
55. การพัฒนาต่อยอดสิ่งประดิษฐ์หรืองานวิจัยที่เคยทำแล้ว ให้ไปใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น
1.3 จุดที่ควรพัฒนา
1. เพิ่มจำนวนผู้เข้ารับการอบรมตามโครงการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระในกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษา
2. ไม่มีรางวัลการแข่งขันทักษะวิชาชีพ ในระดับนานาชาติ
3. ติดตามผู้สำเร็จการศึกษาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ที่มีงานทำ ประกอบอาชีพอิสระหรือศึกษาต่อภายใน 1 ปี
4. ควรมีการพัฒนาระบบการรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ ให้ผ่านหน้า WEB PAGE ของวิทยาลัยฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความจำเป็นในการใช้ข้อมูลสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ทันที
5. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ควรส่งเสริม สนับสนุนจำนวนครูผู้สอนที่ใช้นวัตกรรมจากการพัฒนาตนเองและการพัฒนาวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับ หรือเผยแพร่ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมมสนับสนุนให้ครูได้รับรางวัลดีเด่นประเภทต่าง ๆ มากขึ้น
6. พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือ Digital literacy เพิ่มมากขึ้น
7. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ควรมีการดูแลสภาพแวดล้อม ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ แหล่งการเรียนรู้ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความสะอาด ปลอดภัย ต่อการใช้งานของนักเรียน นักศึกษา ตามมาตราการความปลอดภัยของภาครัฐให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และจัดพื้นที่ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร เป็นต้น
8. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ควรพัฒนาระบบไฟฟ้าของวิทยาลัยฯ ตามอาคารเรียนห้องสำนักงาน ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเสียหายของระบบไฟฟ้าอันทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ชำรุด เสียหายได้
9. จัดหาสื่ออิเลคทรอนิกส์ เช่น E-book ในสาขาวิชาต่าง ๆ ให้มีปริมาณมากขึ้น
10. จัดหาทรัพยากรสารสนเทศตามสาขาวิชาที่ทำการสอนให้มีปริมาณมากขึ้น ทั้งวัสดุตีพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
11. พัฒนางานวิทยบริการและห้องสมุดให้สมบูรณ์แบบ โดยมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริการแก่นักเรียน นักศึกษา
12. เพิ่มจำนวนสถานประกอบการที่มีความพร้อมและตรงกับสาขาวิชาของผู้เรียน
13. แนะแนวผู้เรียนให้เรียนระบบทวิภาคีมากขึ้น
14. ดูแลนักเรียนนักศึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อลดปัญหาการออกกลางคัน
15. พัฒนาระบบฐานข้อมูลงานประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อการบริหารจัดการงานประกันคุณภาพภายใน ภายนอก และนานาชาติ
1.4 ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา
1. จัดกิจกรรมการอบรมให้น่าสนใจ เพื่อจูงใจให้ผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายมีความสนใจในการเข้าร่วมโครงการหารายได้ระหว่างเรียน และประสบความสำเร็จสู่การเป็นผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น
2. สถานศึกษาควรมีกระบวนการในการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพในการเข้าร่วมการประกวด แข่งขันทางด้านทักษะวิชาชีพ ในระดับนานาชาติมากขึ้น
3. การพัฒนารูปแบบกระบวนการหรือวิธีการติดตามผู้สำเร็จการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
4. ควรมีการพัฒนาระบบการรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ ให้ผ่านหน้า WEB PAGE ของวิทยาลัยฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความจำเป็นในการใช้ข้อมูลสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ทันที
5. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ควรส่งเสริม สนับสนุนจำนวนครูผู้สอนทุกสาขาวิชาสร้างนวัตกรรมครบทุกวิชาชีพเผยแพร่สู่สาธารณะ ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
6. จัดอบรม สัมมนา เพิ่มทักษะทางดิจิทัล
7. มีการเพิ่มความปลอดภัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเพิ่มมาตรการการเข้าออกของบุคคลภายนอก การดูแลรักษาเวรยาม ด้านอาคารสถานที่มีการเพิ่มการติดตามดูแลความสะอาด เรียบร้อยของงานให้มากขึ้น เพื่อให้อาคารสถานที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
8. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ควรจัดให้มีการอบรมกับนักการภารโรงที่มีความถนัดในเรื่องของระบบไฟฟ้า เพื่อสามารถแก้ไขระบบไฟฟ้าได้อย่างทันที เพื่อเป็นการป้องกันการเสียหายของระบบไฟฟ้า อันทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ชำรุด เสียหายได้
9. สร้างความเข้าใจกับครูประจำแผนกที่เปิดสอนระบบทวิภาคี ในการเพิ่มจำนวนสถานประกอบการ และแนะแนวผู้เรียน เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เรียนให้มากขึ้น
10. ดำเนินการจัดโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลงานประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อการบริหารจัดการงานประกันคุณภาพภายใน ภายนอก และนานาชาติ
11. ควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ จัดหางบประมาณจากภายนอกมาสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น
12. ควรมีการเก็บข้อมูลในรูปแบบของฐานข้อมูล เพื่อการนำไปพัฒนาต่อยอดของผู้เรียนในรุ่นต่อไป
2. การสร้างความเชื่อมั่นใหแก่ผู้มีสวนเกี่ยวข้อง
การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการดำเนินการจัดการศึกษาของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี นั้น ได้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา คือ เครือข่ายสถานประกอบการ
ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน นักศึกษา การจัดการศึกษามุ่งเน้น ให้นักเรียน นักศึกษาไปสู่การมีงานทำ มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วทำงานได้ทันที
การจัดการเรียนการสอนในระบบปกติ และระบทวิภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดระบบทวิภาคีเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้นักเรียน นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริง ก่อให้เกิดสมรรถนะอาชีพตามความต้องการของสถานประกอบการ ตลาดแรงงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาตนเอง เช่น การทำงานเป็นทีมการพัฒนาบุคลากร การสื่อสารมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี และสถานประกอบการได้บุคคลที่เหมาะสมตรงตามสายงานอีกด้วย ประโยชน์ที่ได้รับ นอกจากสถานประกอบการแล้วที่สำคัญยังมุ่งเน้นให้นักเรียน นักศึกษา มีงานทำ มีรายได้ระหว่างเรียนจบและทำงานได้และเป็นการลดรายจ่ายผู้ปกครอง
ในด้านการพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน วิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ ซึ่งเป็นแห่งแรกของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและเปิดสอนเป็นแห่งแรกในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งนี้เพื่อการสร้างนวัตกรรม ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบันและอนาคต รองรับการเจริญเติบโตในระบบเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ในการพัฒนาสถานศึกษา ให้เป็นสถานศึกษาคุณธรรมอาชีวศึกษา โดยดำเนินกิจกรรมตามตัวชี้วัด มุ่งเน้นให้นักเรียน นักศึกษา มีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ โดยให้มีลักษณะ “คุณธรรม นำวิชาชีพ” เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาสำเร็จการศึกษาเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุขมีลักษณะที่พึงประสงค์ตามความต้องการของสถานประกอบการ ชุมชน สังคม
3. การจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่บรรลุเป้าประสงค์ของหน่วยงานต้นสังกัด
การจัดการศึกษาของสถานศึกษา เป็นไปตามนโนบายของส่วนราชการต้นสังกัด โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี จัดการศึกษาสอดคล้องและตอบสนองกับนโยบายของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาโดยจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ มีการจัดการศึกษาแบบทวิภาคีเพิ่มมากขึ้นสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายจังหวัด การจัดการศึกษาต่อเนื่องเชื่อมโยงกับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางเลือกกับนักเรียน นักศึกษาอีกทั้งยังได้ประสบการณ์เสริมสร้างเครือข่ายกับสถานประกอบการ เพื่อรองรับการศึกษา การมีรายได้ระหว่างเรียนและการมีงานทำเมื่อจบการศึกษา
อนึ่ง จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนราชการต้นสังกัดมีนโยบายให้จัดการเรียนการสอนในรูปแบบ ออนไลน์ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งวิทยาลัยฯ ได้ตระหนักและดำเนินตามนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ในการแสวงหาโอกาสการจัดการศึกษาโดยใช้ระบบเทคโนโลยี ไอที เข้าช่วยในการบริหารจัดการทั้งการเรียนการสอนและการบริหารจัดการศึกษาในด้านอื่น ๆ ที่เป็นภารกิจของสถานศึกษา
นอกจากนี้ได้ใช้หลักธรรมาภิบาล ตามหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดีมาเป็นหลักการบริหารสถานศึกษา คือการใช้หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า และหลักการมีส่วนร่วมส่งผลให้การบริหารจัดการสถานศึกษาเกิดประโยชน์กับผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองเต็มศักยภาพ
4. การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาที่เป็นแบบอยางที่ดี (Best Practice) ได้แก่
การพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์
4.1 ความเป็นมาและความสําคัญ
นโยบายสำคัญของรัฐบาลประเทศไทยในปัจจุบันได้มุ่งเป้าหมายไปที่ “ประเทศไทย 4.0” เป็นนโยบายสำคัญตัวหนึ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามผลักดันอยู่โดยมีใจความสำคัญคือการใช้นวัตกรรมเพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ในส่วนของอาชีพที่คนไทยมักเรียกกันว่า “โปรแกรมเมอร์” ซึ่งมีหน้าที่หลัก (ที่แท้จริง) คือการเขียนและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์) นั้น คงไม่เป็นการพูดที่เกินไปนักถ้าจะบอกว่าที่ผ่านมาอาชีพนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในสายงานด้านไอทีของประเทศไทย อาจเป็นเพราะค่านิยมของการทำงานในประเทศไทยที่มุ่งก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้บริหารมากกว่าส่วนหนึ่ง และในเรื่องของผลตอบแทนที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งด้วย
แต่ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ในสมัยมหาวิทยาลัยที่ยังไม่มีเรื่องผลตอบแทนมาเกี่ยวข้อง แม้แต่ในคณะหรือสาขาด้าน วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือ เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ผู้เรียนจำนวนเพียงเล็กน้อยที่ชอบการเขียนโปรแกรมและอยากที่จะไปต่อทางด้านนี้ ในขณะที่จำนวนมากดูจะเข็ดขยาดกับงานเขียนโปรแกรมตั้งแต่ตอนเรียนและหันไปจับงานด้านไอทีอื่นๆ ที่ไม่ต้องลงมือเขียนโปรแกรมแทน และก็อีกจำนวนไม่น้อยที่เบนสายไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจไปเลย ถ้าไม่นับเรื่องการต้องรู้จักคิด วิเคราะห์ และ แก้ปัญหาให้ได้อย่างเป็นขั้นตอนตามหลักตรรกกะเพื่อนำมาเขียนโปรแกรมสอนคอมพิวเตอร์ให้ทำตามได้ เอาแค่เหตุผลว่างานเขียนโปรแกรมเวลาเจอข้อผิดพลาด (บั๊ก) ทีต้องนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์หาจุดผิดกันยาวนานชนิดไม่รู้เดือนรู้ตะวัน และต้องคอยอัปเดตความรู้ของภาษาคอมพิวเตอร์ที่ออกใหม่อยู่ตลอดเวลาไม่มีวันจบสิ้น แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนตัดสินใจตัดตอนไม่สานต่อสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์หลังเรียนจบแล้ว
แต่ในยุคประเทศไทย 4.0 ที่เป็นเทรนด์ของการสร้างนวัตกรรมด้วยตัวเองเพื่อมาผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยในบรรดาของบริษัทสตาร์ทอัปคนไทยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น หากติดตามข่าวสารในวงการนี้ก็จะพอทราบว่าโปรแกรมเมอร์คือ บุคลากรที่ธุรกิจสตาร์ทอัปต่างก็ต้องการตัว เพราะนาทีนี้เรามีคนที่มีไอเดียดีๆ และมีแผนธุรกิจสวยๆ อยู่มาก ขาดก็แต่คนที่จะมาลงมือทำไอเดียดีๆ เหล่านั้นให้เป็นตัวเป็นตน
เป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาให้เอาไปใช้ลองทำธุรกิจได้จริงๆ เรียกว่ามีแต่คน “อยากจะได้” แต่ไม่ค่อยมีคน “อยากจะทำ” นั่นเอง ซึ่งสถานการณ์ขาดแคลนบุคลากรโปรแกรมเมอร์ (ที่มีความสามารถทำงานได้จริง) นี้แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาต้นตำรับของสตาร์ทอัปเองก็ประสบปัญหาอยู่ และ ในสิงคโปร์เพื่อนบ้านของเราก็ถึงกับต้องออกเป็นแผนนโยบายระดับชาติที่ตั้งเป้าจะผลิตบุคลากรทางด้านนี้ออกมาป้อนตลาดแรงงานที่ถูกคาดหมายว่าจะเติบโตและขาดแคลนอีกมากในอนาคตให้ได้อาชีพโปรแกรมเมอร์จะกำลังเข้าสู่ยุคทองที่ใครๆ ก็ต้องการตัว
สรุปประเทศไทยและโลกของเราอยู่ในวิกฤติขาดแคลนบุคลากรโปรแกรมเมอร์ที่มีความสามารถทำงานได้จริง กำลังเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาของชุมชน ซึ่งได้รับการยอมรับ
ในการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ ผลิตนักศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ท้องถิ่นและสังคมเป็นเวลานาน ดังนั้นหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2561 ประเภทวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชา คอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ตระหนักในบทบาทและพันธกิจที่สำคัญนี้ เพื่อจะตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจ สังคมการเมืองการปกครอง และเทคโนโลยี ความต้องการของสังคมและประเทศชาติที่ทันสมัย จึงพัฒนาหลักสูตรขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและมีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิดแก้ปัญหา รวมถึงมีทักษะทางด้านการบริหารจัดการในการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น สังคมและประเทศชาติ
4.2 วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ มีหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
2. เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านโปรแกรมเมอร์กับสถานประกอบการและวิทยาลัยอื่นๆ ที่มีการสอนในสาขาวิชา
4.3 กรอบแนวคิด (ถ้ามี)
หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์
4.4 วิธีการดําเนินงาน
การพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ มีวิธีการดำเนินงานตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ทำหนังสือขออนุญาตพัฒนาสาขาวิชาเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา โดยแนบโครงการ แผนงาน และผลการศึกษาความต้องการและความจำเป็นในการพัฒนา สาขาวิชา ทั้งนี้ การศึกษาความต้องการและความจำเป็นในการพัฒนาสาขาวิชา ประกอบด้วย การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) การสำรวจความต้องการกำลังคนของตลาดแรงงาน สถานประกอบการ การประเมินความ พร้อมของสถานศึกษาในการดำเนินการจัดการเรียนการสอน ทั้งด้านผู้สอน ผู้เรียน และทรัพยากรที่ใช้ สนับสนุนการจัดการเรียนการสอน
2. เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาอนุญาตให้ดำเนินการพัฒนาสาขาวิชา
3. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงานพัฒนาสาขาวิชา อย่างน้อย 7 คน ประกอบด้วย ครู คณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถานประกอบการที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ตามสาขาอาชีพ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน
3.1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ทำหนังสือแต่งตั้งกรรมการพัฒนาหลักสูตรและวิพากษ์หลักสูตร
3.2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ทำหนังสือภายนอกเชิญคณะกรรมการมาร่วมประชุม
4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการ/คณะทำงานเพื่อยกร่างและบรรณาธิการ หลักสูตรสาขาวิชาทีต้องการพัฒนา ตลอดจนดำเนินการจัดประชุมเพื่อวิพากษ์หลักสูตรที่ พัฒนาขึ้น โดย เชิญผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ/ผู้เชี่ยวชาญจากสถานประกอบการทีมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ตามสาขาอาชีพ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมวิพากษ์หลักสูตร ทั้งนี้การพัฒนาสาขาวิชาจะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพการปฏิบัติงานจริงของอาชีพนั้น หรือตาม มาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หรือตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน หรือมาตรฐาน อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนั้นและเป็นไปตามมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ พ.ศ. 2556
4.1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ออกใบเกียรติบัตรให้ผู้เข้าประชุมทุกคน
4.2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี บรรณาธิการยกร่างหลักสูตร จำนวน 20 เล่ม
5. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี เสนอการพัฒนาสาขาวิชาต่อคณะกรรมการวิทยาลัยพิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วไม่เห็นชอบให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องแล้วนำเสนอเข้ามาอีก ครั้ง หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นชอบให้ดำเนินการเสนอสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ต่อไป
6. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี เสนอเอกสารหลักสูตรสาขาวิชาที่พัฒนา และแผนการเรียน พร้อมแนบเอกสาร ดังนี้
6.1 สำเนาคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงานพัฒนาสาขาวิชา
6.2 สำเนามติ/รายงานการประชุม คณะกรรมการวิทยาลัยที่เห็นชอบการพัฒสาขาวิชา ต่อสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพื่อเข้าสู่ กระบวนการพิจารณาอนุมัติ
7. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องของการพัฒนา สาขาวิชาให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ พ.ศ. 2556 กรณีตรวจสอบ เบื้องต้นแล้วพบข้อบกพร่องให้ดำเนินการส่งคืนสถานศึกษาเพื่ออปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หากตรวจสอบ แล้วครบถ้วนสมบูรณ์ให้ดำเนินการเสนอคณะอนุกรรมการการอาชีวศึกษาด้านหลักสูตรอาชีวศึกษาและ การฝึกอบรมวิชาชีพพิจารณากลั่นกรองหลักสูตรต่อไป
8. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพเสนอหลักสูตรสาขาวิชาที่พัฒนาซึ่งผ่านความเห็นชอบ จากคณะอนุกรรมการการอาชีวศึกษาด้านหลักสูตรอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต่อคณะกรรมการ การอาชีวศึกษาเพื่อพิจารณาให้ ความเห็นชอบหลักสูตร กรณีคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ ว ไม่เห็นชอบ ให้สถานศึกษาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องแล้วนำเสนอตามกระบวนการอีกครั้ง หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นชอบให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
9. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพเสนอหลักสูตรสาขาวิชาที่พัฒนา ซึ่งผ่านความเห็นชอบ จากคณะอนุกรรมการการอาชีวศึกษาด้านหลักสูตรอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต่อคณะกรรมการ การอาชีวศึกษาเพื่อพิจารณาให้ ความเห็นชอบหลักสูตร กรณีคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ ว ไม่เห็นชอบ ให้สถานศึกษาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องแล้วนำเสนอตามกระบวนการอีกครั้ง หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นชอบให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
10. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพทำหนังสือเสนอเลขาธิการคณะกรรมการ การอาชีวศึกษาเพื่อทราบและลงนามในคำสั่งอนุมัติการพัฒนาสาขาวิชา
11. สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ ทำหนังสือแจ้งสถานศึกษา หน่วยงานในสังกัด เพื่อทราบการอนุมัติการพัฒนาสาขาวิชา และทำหนังสือแจ้งสำนักงาน ก.พ. เพื่อขอรับรองคุณวุฒิ
12. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ขออนุญาตเปิดสอนหลักสูตร ปวช. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์
13. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พิจารณาอนุมัติให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี สามารถเปิดการเรียนสอนได้
14. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี เปิดการเรียนการสอน
4.5 ผลการดําเนินงาน
1. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ มีหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่ตอบสนองความ ต้องการของสถานประกอบการ ผู้เรียนและท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 1 หลักสูตร คือ หลักสูตรสาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์
2. เกิดเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการทางด้านโปรแกรมเมอร์ ระหว่าง ครู-อาจารย์ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ กับผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ทั้งจากหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการ
4.6 ประโยชน์ที่ไดรับ
1. สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ สามารถเปิดการเรียนการสอน ระดับ ปวช สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ มีนักศึกษาแรกเข้าดังต่อไปนี้
ปีการศึกษา 2562 รุ่นที่ 1 มีนักศึกษา จำนวน 18 คน
ปีการศึกษา 2563 รุ่นที่ 2 มีนักศึกษา จำนวน 24 คน
ปีการศึกษา 2564 รุ่นที่ 3 มีนักศึกษา จำนวน 28 คน (แม้มีผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่ไม่สามารถออกแนะแนวได้)
ปีการศึกษา 2565 รุ่นที่ 4 มีนักศึกษา จำนวน 29 คน (แม้มีผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่ไม่สามารถออกแนะแนวได้)
รวมนักศึกษาแรกเข้ามาเรียน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562-2565 จำนวน ทั้งสิ้น 100 คน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมีแนวโน้มอัตราการพัฒนาและเติบโตขึ้นทุกปี นอกจากนั้น จากที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ได้มีการพัฒนาหลักสูตรหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พ.ศ. 2562 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ และเปิดการเรียนการสอนเป็นแห่งแรกของประเทศไทย จึงทำให้ชื่อเสียงของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี มีนักศึกษาจากต่างจังหวัดทั่วประเทศไทยเดินทางมาศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก เช่น จังหวัดสกลนครจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดอ่างทอง จังหวัดนครปฐม จังหวัดอยุธยา จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและมีความเป็นเลิศอย่างยิ่ง
2. วิทยาลัยทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถนำหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พ.ศ. 2562 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ หรือนำไปขยายการเรียนการสอนในระดับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2563 ไปเปิดการเรียนการสอน โดยมีวิทยาลัยอาชีวสุพรรณบุรีเป็นต้นแบบให้กับสถานศึกษา ทั่วประเทศดังต่อไปนี้
2.1. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
2.2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
2.3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
2.4 วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
2.5 วิทยาลัยเทคนิคนครลำปาง จังหวัดลำปาง
2.6 วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร
2.7 โรงเรียนอู่ทอง สังกัด สพม. จังหวัดสุพรรณบุรี
2.8 วิทยาลัยเทคโนโลยีสหวิทย์บริหารธุรกิจ จังหวัดสุพรรณบุรี
2.9. อื่นๆ อีกเป็นต้น
ผลการพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ดังกล่าวส่งผลให้เกิด วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) เป็นอย่างยิ่ง สร้างผลงานและชื่อเสียงให้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี ผู้เกี่ยวข้องทุกคนไม่ว่าภาครัฐและเอกชน สถานประกอบการที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรเป็นอย่างยิ่งตามความต้องการของสถานประกอบการด้านโปรแกรมเมอร์โดยเฉพาะทั่วประเทศไทย สามารถตอบสนองนโยบายรัฐบาล 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
.