นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์)
นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์)
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 : 28 มิถุนายน 2475 - 9 ธันวาคม 2475
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 : 10 ธันวาคม 2475 - 1 เมษายน 2476
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 : 1 เมษายน 2476 - 20 มิถุนายน 2476
ประวัติ
พระยามโนปกรณนิติธาดาชื่อเดิมว่า "ก้อน หุตะสิงห์" เกิดที่จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2427 เวลา 11.20 น. เป็นบุตรของนายฮวดกับนางแก้ว หุตะสิงห์ สมรสกับคุณหญิงมโนปกรณนิติธาดา (นิตย์ สามเสน)
เริ่มการศึกษาชั้นต้นที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม ตามลำดับ จนสำเร็จเป็นเนติบัณฑิตสยาม และต่อมาได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จนสำเร็จเนติบัณฑิตอังกฤษ จาก The Middle Temple
หลังจากสำเร็จเนติบัณฑิตสยามได้เข้ารับราชการที่กระทรวงยุติธรรม และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ หลวงประดิษฐ์พิจารณ์การ จนกระทั่งได้เป็นสมุหพระนิติศาสตร์ และพระยามโนปกรณนิติธาดาในที่สุด
ในปี พ.ศ. 2461 ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาราชการในพระองค์
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2475ได้มีการประชุมคณะราษฎรครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2475 เวลา 14.00 น. ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งพระยามโนปกรณนิติธาดาเป็นประธานคณะกรรมการราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในการบริหารเทียบเท่ากับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน
พระยามโนปกรณนิติธาดาได้ตำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการราษฎรอยู่จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2475 จึงได้ลาออก
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 และพระยามโนปกรณนิติธาดาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2476 พระยามโนปกรณนิติธาดาได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยมีพระยามโนปกรณนิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2476 พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล พระยามโนปกรณนิติธาดาได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และย้ายไปพำนักอยู่ที่ปีนังเป็นเวลา 16 ปีเศษ และได้ถึงแก่อสัญกรรม ณ ที่นั้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2491 รวมอายุได้ 64 ปีเศษ
นายกรัฐมนตรีคนที่ 5 นายทวี บุณยเกตุ
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 12 : 31 สิงหาคม 2488 - 17 กันยายน 2488
ประวัติ
นายทวี บุณยเกตุ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2447 เวลา 13.20 น. ที่จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของพระยารณชัยชาญยุทธ์ (ถนอม บุณยเกตุ) กับคุณหญิงรณชัยชาญยุทธ์ (ทับทิม) สมรสกับคุณหญิง อำภาศรี บุณยเกตุ เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและโรงเรียนราชวิทยาลัยตามลำดับ จากนั้นไปศึกษาต่อที่ คิงส์ คอลเลจ ประเทศอังกฤษ และไปศึกษาต่อในด้านวิชากสิกรรมที่มหาวิทยาลัยกรีนยอง ประเทศฝรั่งเศส หลังจากสำเร็จการศึกษา นายทวี บุณยเกตุ ได้เข้ารับราชการเป็นข้าราชการบำรุงพันธุ์สัตว์ชั้น 2 กรมเพาะปลูก กระทรวงเกษตราธิการ
จนกระทั่งวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เข้าร่วมกับคณะราษฎรทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และได้รับการแต่งตั้ง ป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาลของพันตรี ควง อภัยวงศ์
นายทวี บุณยเกตุ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2488 หลังจากที่พันตรีควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของท่าน เป็นการดำรงตำแหน่งเพียงชั่วคราวเพื่อรอการเดินทางกลับของหม่อมราชวงศ์ สนีย์ ปราโมช หัวหน้าขบวนการเสรีไทยสายต่างประเทศ ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการเจรจากับฝ่ายพันธมิตรให้เป็นผลดีแก่ประเทศไทยต่อไป ระยะเวลาในการบริหารประเทศของท่านจึงสั้นเพียง 17 วันเท่านั้น
ถึงแม้ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรีชั่วคราวในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม ท่านก็มีภารกิจสำคัญมากมายในช่วงที่การเมืองทั้งภายในภายนอกประเทศกำลังผันผวน ประเทศมหาอำนาจจะยอมรับการประกาศสงครามกับพันธมิตรเป็นโมฆะหรือไม่ ภารกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การต้อนรับคณะนายทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่ เดินทางเข้ามาสำรวจความเสียหายในประเทศไทย เมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว นายทวี บุณยเกตุ ได้เข้าดำรงตำแหน่งในสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในสมัยรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยทำหน้าที่เป็นประธานสภา หลังจากนั้นจึงได้วางมือจากการเมืองตลอดไป ท่านถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2514 รวมอายุ 67 ปี
นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 13 : 17 กันยายน 2488 - 31 มกราคม 2489
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 35 : 15 กุมภาพันธ์ 2518 - 13 มีนาคม 2518
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 37 : 20 เมษายน 2519 - 23 กันยายน 2519
สมัยที่ 4 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 38 : 25 กันยายน 2519 - 6 ตุลาคม 2519
ประวัติ
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2448 เวลา 04.00 น. เป็นโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบกับหม่อมแดง (บุนนาค) สมรสกับท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช เริ่มศึกษาที่โรงเรียนราชินี โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยตามลำดับ จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเทร้นท์ ประเทศอังกฤษ ต่อจากนั้นที่วูซเตอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้รับปริญญาตรีด้านกฎหมาย เกียรตินิยมอันดับ 2 จากนั้นเข้าศึกษาต่อ ที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ลอนดอนสอบไล่เนติบัณฑิตอังกฤษได้คะแนนยอดเยี่ยม ชั้น 1 จึงได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ
เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ศึกษาวิชากฎหมายไทย จนกระทั่งได้รับเนติบัณฑิตไทย และเข้าฝึกงานที่ศาลฎีกาเป็นเวลา 6 เดือน จึงได้เป็นผู้พิพากษา ต่อมาย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้ช่วยกรรมการศาลฎีกาและผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ตามลำดับ ช่วงหลังของการรับราชการ ได้ย้ายไปกระทรวงการต่างประเทศ และไดัรับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา
ในปี พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้าสู่ประเทศไทย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ประกาศนโยบายเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลในประเทศไทย และได้รวบรวมคนไทยในต่างประเทศ จัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับๆ โดยปฏิบัติการติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้เดินทางกลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2488
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งครั้งแรกอังกฤษได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ประเทศไทยเป็นเมืองในอาณัติของอังกฤษ แต่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ดำเนินการเจรจาให้ไทยได้หลุดพ้นจาก การเป็นเมืองในอาณัติได้ และจำเป็นต้องประกาศพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม เพื่อลงโทษผู้นำหรือ หัวหน้ารัฐบาลที่ร่วมก่อให้เกิดสงครามและต้องเป็นฝ่ายปราชัย ถ้าหากรัฐบาลไม่ตราพระราชบัญญัตินี้ ฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะนำตัวผู้ต้องหาเป็นอาชญากรสงครามไปดำเนินคดีในต่างประเทศ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชหมุนเวียนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ รน. ได้จัดตั้งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ายึดอำนาจ
หลังจากพ้นตำแหน่งแล้ว หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และวางมือจากการเมือง ใช้ชีวิตสงบเงียบตลอดมา และได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 รวมอายุได้ 92 ปีเศษ
นายกรัฐมนตรีคนที่ 7 นายปรีดี พนมยงค์ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม)
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 15 : 24 มีนาคม 2489 - 11 มิถุนายน 2489
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 16 : 11 มิถุนายน 2489 - 21 สิงหาคม 2489
ประวัติ
นายปรีดี พนมยงค์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2443 ที่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายเสียง กับ นางลูกจันทร์ พนมยงค์ สมรสกับท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์
เริ่มการศึกษาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม สอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตสยาม เมื่ออายุเพียง 19 ปี
ในปี พ.ศ. 2463 ได้รับทุนไปศึกษาต่อวิชากฎหมายที่ประเทศฝรั่งเศส โดยศึกษาภาษาฝรั่งเศสและความรู้ทั่วไปที่ วิทยาลัยกอง (Lycee Caen) และศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยกอง (Caen) ได้รับปริญญาทางกฎหมายและได้ "ลิซองซิเอ ทางกฎหมาย" จากนั้นศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปารีส ได้ดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมาย (Docteur en Droit) ฝ่ายเนติศาสตร์ และประกาศนียบัตรชั้นสูงทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยปารีส ในระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้รับเลือกเป็นสภานายกแห่งสมาคมนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศส
เมื่อเดินทางกลับประเทศไทย นายปรีดี พนมยงค์ได้เข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาใน
กระทรวงยุติธรรมเมื่อปี พ.ศ. 2469 แล้วย้ายไปเป็นเลขานุการกรมร่างกฎหมายและเป็นอาจารย์สอนกฎหมายปกครองในโรงเรียนกฎหมาย จนกระทั่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นอำมาตย์ตรีหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2472
นายปรีดี พนมยงค์ เป็นบุคคลสำคัญในการก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวในครั้งนั้น ในปี พ.ศ. 2476 ได้ร่างเค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้นเสนอรัฐบาล แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบและถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ นายปรีดี พนมยงค์ จึงต้องเดินทางออกนอกประเทศ ภายหลังเมื่อพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2476 รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการในคณะหนึ่งเพื่อสอบสวนว่านายปรีดี พนมยงค์ เป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่ ผลการสอบสวนปรากฎว่า นายปรีดี พนมยงค์ ไม่มีมลทิน และนายปรีดี พนมยงค์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
ในด้านการศึกษา นายปรีดี พนมยงค์ ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง และดำรงตำแหน่งผู้ประศาสน์การของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นคนแรก
ในขณะที่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อปี พ.ศ. 2484 นายปรีดี พนมยงค์ ถูกกันให้พ้นจากตำแหน่งทางการเมือง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังดำเนินอยู่ นายปรีดี พนมยงค์ ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยในประเทศ ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรีไทยภายนอกประเทศ ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับ ๆ จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง นายปรีดี พนมยงค์ ได้รับ แต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษอาวุโสและร่วมกับรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ดำเนินการประกาศว่า การที่รัฐบาลไทย ประกาศสงครามกับอเมริกาและอังกฤษเป็นโมฆะ และได้หาทางผ่อนคลายสัญญาสมบูรณ์แบบที่ผูกมัดไทย เนื่องจากผลของการแพ้สงคราม
นายปรีดี พนมยงค์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของไทย เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2489 เนื่องจากรัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ได้ลาออก ในช่วงที่นายปรีดี พนมยงค์ บริหารประเทศอยู่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย คือ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ได้เกิดกรณีสวรรคตของพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลด้วยพระแสงปืน รัฐบาลถูกโจมตีอย่างหนักโดยถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลพยายามปิดบังและอำพรางความจริงในกรณีสวรรคต รวมทั้งไม่สามารถ หาข้อเท็จจริงในการสวรรคตมาแจ้งให้ประชาชนทราบได้ในที่สุดนายปรีดี พนมยงค์ จึงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2489
ต่อมาเมื่อนายทหารบกทั้งในและนอกราชการได้ก่อการรัฐประหารรัฐบาลของพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 นายปรีดี พนมยงค์ ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปพำนักอยู่ที่มาเลเซีย และได้ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเวลาหลายปี ต่อจากนั้นได้ใช้ชีวิตในวัยชราอย่างสงบเงียบที่ประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจวายที่บ้านพักชานกรุงปารีส เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2526 รวมอายุได้ 83 ปี
นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
ประวัติ
พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2454
เมื่อเวลา 07.20 น. ในเรือ ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบ้านม้า อำเภออินทบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นโอรสของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค)
เริ่มการศึกษาชั้นต้น ที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย (วังหลัง) โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นไปศึกษาต่อที่โรงเรียน Trent College และศึกษาวิชาปรัชญาเศรษฐศาสตร์และการเมืองที่ The Queen’s College มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ สำเร็จปริญญาตรีเกียรตินิยม และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ต่อมาได้รับปริญญาวารสารศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เริ่มเข้ารับราชการที่กรมสรรพากร ซึ่งต่อมา
เป็นเลขานุการที่ปรึกษากระทรวงการคลัง และเข้าทำงานเป็นผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลำปาง เมื่อเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา ได้เข้ารับราชการทหารได้รับยศนายสิบตรี ต่อจากนั้นรัฐบาลได้ตั้งธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้น หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ได้เข้าทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายสำนักผู้ว่าการและหัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และยังเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศเป็นพลตรี (ทหารราชองครักษ์พิเศษ) เมื่อปี พ.ศ. 2531
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคแรกในเมืองไทยชื่อ "พรรคก้าวหน้า" เมื่อประมาณ พ.ศ. 2488 - 2489 ต่อจากนั้นได้ร่วมในคณะผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ และได้ริเริ่มจัดตั้ง พรรคกิจสังคม ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2518 หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตพระนคร ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จึงได้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถเข้าบริหารประเทศได้ เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรไม่ให้ความเห็นชอบตามนโยบายพรรคกิจสังคมซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 18 คน โดยการนำของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น และได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2518
ในขณะที่บริหารประเทศ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ดำเนินการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่ง ตามนโยบายการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และเป็นมิตรกับทุกประเทศที่มีเจตนาดีต่อประเทศไทย โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมืองในด้านการพัฒนาประเทศ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เริ่มโครงการผันเงินสู่ชนบท เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่และสร้างงานในชนบท โดยการผันเงินจากงบประมาณรายจ่าย เพื่อปรับปรุงและสร้างสิ่งสาธารณูปโภคที่จำเป็นในชนบท มีผลให้ประชาชนในชนบทมีงานทำและมี รายได้ เป็นการยก ฐานะทางเศรษฐกิจของชาวชนบทให้ดีขึ้น และส่งเสริมการพัฒนาสภาตำบลอย่างจริงจัง รวมทั้งจัดให้มีโครงการช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อย และได้ดำเนินการซื้อสัมปทานเดินรถของเอกชนมารวมเป็นของรัฐบาลภายใต้การดำเนินงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
จากการที่รัฐบาลของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค จึงทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพเท่าที่ควร ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเมืองหลายประการ ในที่สุดหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงได้ตัดสินใจยุบสภา ผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2519 รวมระยะเวลาที่บริหารประเทศประมาณ 9 เดือนเศษ
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคกิจสังคม และได้ยุติบทบาททาง การเมือง และใช้ชีวิตสงบเงียบ ณ บ้านพักซอยสวนพลู กรุงเทพมหานคร นอกจากบางโอกาสที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยการให้สัมภาษณ์หรือโดยการเขียนบทความลงในคอลัมน์ "ซอยสวนพลู" พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2538 ณ โรงพยาบาลสมิติเวช รวมอายุได้ 84 ปีเศษ
นายกรัฐมนตรีคนที่ 14 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
ดำรงตำแหน่ง
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 39 : 8 ตุลาคม 2519 - 19 ตุลาคม 2520
ประวัติ
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2470 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายแห กับนางผะอบ กรัยวิเชียร สมรสกับคุณหญิงคาเรน กรัยวิเชียร(นามเดิม นางสาวคาเรน แอนเดอเซ่น)
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และศึกษาวิชากฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง สำเร็จได้รับปริญญาธรรมศาสตร์บัณฑิตเมื่อปี พ.ศ. 2491 จากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาวิชากฎหมายต่อ ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้รับปริญญานิติศาสตร์บัณฑิต เมื่อปี พ.ศ. 2496 และสำเร็จวิชากฎหมายได้รับเรียกเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษจากสำนักอบรมศึกษากฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา สำนักเกรย์สอินน์ ประเทศอังกฤษ ในปีต่อมา
เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้กลับมารับราชการในกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งผู้ช่วย ผู้พิพากษา และตำแหน่งสูงสุดที่ได้รับในเวลาต่อมา คือ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และในขณะเดียวกันก็เป็นศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักอบรมศึกษากฎหมายของเนติบัณฑิตยสภา ฯลฯ ด้วย
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินโดยการนำของ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ร.น. ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519
การดำเนินงานที่สำคัญในขณะที่นายธานินทร์ กรัยวิเชียร บริหารประเทศ ได้แก่ การสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในท้องถิ่นทุรกันดาร 20 แห่ง เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงอภิเษกสมรส การจัดให้มีโครงการอาสาพัฒนาท้องถิ่นของตนเองในฤดูแล้งและโครงการอาสาปลูกป่าในฤดูฝน เป็นต้น
ในระยะที่บริหารประเทศอยู่นั้น ได้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่สำคัญหลายครั้ง และต่อมาคณะปฏิรูปการ ปกครองแผ่นดินซึ่งนำโดย พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ร.น. ทำการรัฐประหารอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร จึงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ท่านดำรงตำแหน่งองคมนตรีมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน ท่านธานินทร์ กรัยวิเชียร ให้ความอนุเคราะห์ห้องสมุดสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย(ห้องสมุดโรงเรียน) ทั้งวัสดุคุรุภัณฑ์ หนังสือภาษาไทย และหนังสือต่างประเทศอยู่เสมอมา
นายกรัฐมนตรีคนที่ 16 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 42 : 3 มีนาคม 2523 - 19 มีนาคม 2526
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คที่ 43 : 30 เมษายน 2526 - 4 สิงหาคม 2529
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 44 : 5 สิงหาคม 2529 - 3 สิงหาคม 2531
ประวัติ
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2463 ที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นบุตรคนที่ 6 ของอำมาตย์โท หลวงวินิจฑัณทกรรม กับนางออด ติณสูลานนท์
พลเอก เปรม เริ่มการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนวัดบ่อยาง และศึกษาต่อที่โรงเรียนวชิราวุธ จังหวัดสงขลา จากนั้นเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานครที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทคนิคทหารบก โรงเรียนทหารม้าศูนย์การทหารม้า โรงเรียนยานเกราะ กองทัพบกสหรัฐอเมริกาฟอร์ทน๊อกซ์ เคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา วิทยาลัยกองทัพบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 9
พลเอก เปรม เริ่มรับราชการในตำแหน่งผู้บังคับหมวด ที่กรมรถรบ จากนั้นมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการมาตามลำดับ กล่าวคือ ปี 2502 ได้เลื่อนยศเป็นพันเอก ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการโรงเรียนยานเกราะ ปี 2506 ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า เลื่อนยศเป็นพลตรีในตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้าและเป็นรอง แม่ทัพภาคที่ 2 ในปี 2516 ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ในปี 2517 เลื่อนยศเป็นพลเอกในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2520 และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2521 พลเอก เปรม เข้ามามีบทบาททางการเมือง โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2502 เป็นวุฒิสมาชิก ในปี 2511 และเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เมื่อปี 2516 พลเอก เปรม เข้าร่วมรัฐบาลของพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ โดยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและสมาชิกสภาปฏิรูป ในปี 2520และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในปี 2522
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อจาก พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 ตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศได้มีผลงานสำคัญมากมาย เช่น การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ การดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ภายในประเทศอย่างได้ผล โดยนำนโยบายการใช้ "การเมืองนำการทหาร" ตามคำสั่งนโยบายที่ 66/2523 เป็นผลให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอ่อนกำลังลงและสลายตัวไปในที่สุด
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ได้บริหารประเทศมาจนถึงวันที่ 28 เมษายน 2531 ก็ตัดสินใจยุบสภาอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 พร้อมทั้งยุติบทบาททางการเมือง ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรีเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2531 และยังได้รับการยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษด้วย ในปัจจุบันได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรีแทนนายสัญญา ธรรมศักดิ์เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541
นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 56 : 1 ตุลาคม 2549 - 2551
ประวัติ
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เกิดวันที่ 28 สิงหาคม 2486 ที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นบุตรของพันโท พโยม จุลานนท์ และนางอัมโภช จุลานนท์ สมรสกับพันเอกหญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ (สกุลเดิม "สันทัดเวช")
การศึกษา
โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล (พ.ศ.2491-2497)
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (พ.ศ.2498-2500) หมายเลขประจำตัว 12129
โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 1 (พ.ศ.2501-2503)
โรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่น 12 ปี 2508 (พ.ศ.2504-2508)
ชีวิตและหน้าที่
สืบเนื่องจาก ครอบครัวของ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์มีบิดาเป็นทหาร (พันโทพโยม) และมีคุณปู่ชื่อ พันเอกพระยาวิเศษสิงหนาถ (ยิ่ง จุลานนท์กับคุณหญิงเก๋ง จุลานนท์) ส่วนคุณยายเป็นบุตรีของพระยาสิทธิสงคราม อดีตกบฎบวรเดช ซึ่งสนับสนุนการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตระกูลของท่านจึงมีแนวคิดเป็นนักต่อสู้ตามหลักประชาธิปไตย มีความคิดก้าวหน้า ต้องการความถูกต้องในสังคม พันโทพโยมเป็นเสนาธิการ เมื่อพลาดจากการทำรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2490 บิดาท่านจึงต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศจีนและชีวิตจึงเปลี่ยนแปลงไป พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ต้องอยู่กับมารดาและน้าเขยซึ่งเป็นทหารตั้งแต่ 6 ขวบเป็นต้นมา
ชีวิตของท่านได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากมารดา และสืบทอดการเป็นข้าราชการทหารอยู่กับ ฯพณฯพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตั้งแต่เป็นนายร้อย ด้วยอุปนิสัยสุภาพ เรียบร้อย สุขุม พูดน้อย ใช้ความคิดอย่างมีระบบ มีสติรอบคอบ มีเหตุผล ท่านจึงได้รับความไว้วางใจจากพลเอกเปรมเป็นอย่างยิ่ง ท่านเคยต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์สำคัญอย่างยิ่งกับชีวิตข้าราชการที่ต้องรับหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติ และต้องเผชิญหน้ากับคณะคอมมิวนิสต์ โดยมี พันโทพโยม จุลานนท์ในนามสหายคำตันซึ่งรบอยู่ในแนวหน้า โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2510-2518 พรรคคอมมิวนิสต์มีบทบาทสูงมาก ความกดดันด้วยสถานภาพระหว่าง “พ่อกับลูก” กับคำว่า “หน้าที่” ความรับผิดชอบในการรับราชการ น่าจะมีความสำคัญ คงจะต้องทำใจลำบากในการแสดงคุณธรรมด้วยความกตัญญูกับหน้าที่ ที่ยากต่อการปฏิบัติตนสำหรับบุคคลทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม ฯพณฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ได้แสดงคุณธรรมจริยธรรมในความเป็นผู้ทำหน้าที่ทหารผู้รักชาติ เสียสละตัวเองเพื่อรักษาหน้าที่ จนเป็นที่ไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาและพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถ เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเป็นลำดับ ดังที่ท่านกล่าวไว้ในหนังสือ”เส้นทางเหล็ก “ ไว้ปรากฏในปณิธานการเป็นทหารรับใช้ชาติว่า “....แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ต้องเผชิญหน้า ผมก็คงต้องทำหน้าที่ของผม เพราะเราทำกันคนละหน้าที่ เราอยู่กันคนละขั้ว พ่อก็มีหน้าที่ของพ่อ ผมก็มีหน้าที่ของผม เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน เพราะถ้าไม่ผมก็พ่อ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้..”
เกมปฏิสัมพันธ์เรื่อง "จับคู่...ดูผลงาน" > https://wordwall.net/play/30231/179/385
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กิจกรรม "สวนฯสร้างคน คนสร้างชาติ"
ตัวอย่างการจัดกิจกรรมวิชาสวนกุหลาบศึกษาออนไลน์ สาระที่ 4 คนสร้างตึก ตึกสร้างคน คนสร้างชาติ
แผนที่ 3 บุคคลผู้มีคุณูปการต่อสังคมและประเทศชาติ
ดร. ประทีป ตั้งมติธรรม
ผู้อำนวยการวีระ กาญจนรังสิตา
ผู้อำนวยการสุรศักดิ์ สว่างแสง
ผู้อำนวยการพีระ ชัยศิริ
ผู้อำนวยการสุภาวดี วงศ์สกุล
ผู้อำนวยการสมชาย ฟักทอง
ผู้อำนวยการวรพันธ์ แก้วอุดม
ผู้อำนวยการชาลี วัฒนเขจร
ประวัติส่วนตัว
นางสาวรติพร ช่อลำไย (นางสาวรติกร ช่อลำไย)
เกิดวันที่ 8 เมษายน 2507
ที่อยู่ 11/11 ซ.พงษ์เพชร 7 หมู่ 1 ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนท์ จ.นนทบุรี 11000
ประวัติการศึกษา
- อนุบาลเมืองสุพรรณบุรี โรงเรียน อนุบาลสุพรรณบุรี
- ประถมศึกษาตอนต้น โรงเรียนวัดสุพรรณภูมิ
- ประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวัดโบสถ์สามเสน
- มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสตรีนนทบุรี
- ปวช , ปวส วิทยาลัยอาชีวศึกษาโชติเวช
- ปริญญาตรี ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ศ.บ. คหกรรมศาสตรบัณฑิต
- ปริญญาโท ม. รามคำแหง ศบค ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (คหกรรมศาสตร์เพื่อพัฒนาชุมชน)
ประวัติการทำงาน
วันที่ 24 มิ.ย.2534 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
วันที่ 18 พ.ค. 2536 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
วันที่ 18 เม.ย.2557 ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต จ.ปทุมธานี
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- จ.ม. ( จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย)
- จ.ช. ( จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก)
- ต.ม. ( ตริตาภรณ์มงกุฎไทย)
- ท.ม. ( ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย)
- ท.ช. ( ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก)
- ร.จ.พ. ( เหรียญจักรพรรดิมาลา) เมื่อรับราชการครบ 25 ปี
ผลงานดีเด่น
- ปีการศึกษา 2545 รับเกียรติบัตร “ครูแกนนำ กรมสามัญศึกษา จังหวัดปทุมธานี”
- ปีการศึกษา 2555 รับเกียรติบัตรและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “หนึ่งแสนครูดี”
- ปีการศึกษา 2556 รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันการทำแกงมัสมั่น ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 63 ประจำปีการศึกษา 2556
- ปีการศึกษา 2557 รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันทำอาหาร น้ำพริก ผักสด เครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 64
ประจำปีการศึกษา 2557
- รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ กิจกรรม การแข่งขันทำอาหาร น้ำพริก ผักสดเครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 64 ประจำปีการศึกษา 2557
- ปีการศึกษา 2558 - รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันทำอาหาร น้ำพริก ผักสด เครื่องเคียงระดับชั้น ม.4 - ม.6 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 65 ประจำปีการศึกษา 2558
- ปีการศึกษา 2559 - รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันทำอาหาร น้ำพริก ผักสด เครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 66 ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ประจำปีการศึกษา 2559
- รางวัลระดับเหรียญทอง รองชนะเลิศอันดับที่ 1 การแข่งขันทำอาหารน้ำพริก ผักสด เครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับภาคกลางและ
ภาคตะวันออก ครั้งที่ 66 จังหวัดจันทบุรี ปีการศึกษา 2559
- ปีการศึกษา 2560 - รางวัลระดับเหรียญทอง การแข่งขันการทำน้ำพริก ผักสด เครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับภาคกลางและภาคตะวันออก ครั้งที่ 67
ประจำปีการศึกษา 2560
- ปีการศึกษา 2561 - รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันทำอาหาร อาหารคาวหวานเพื่อสุขภาพ ระดับชั้น ม.4 - ม.6 งานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และ
เทคโนโลยีของนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 68 ประจำปีการศึกษา 2561
- รางวัลระดับเหรียญเงิน กิจกรรม การแข่งขันทำอาหาร อาหารคาวหวานเพื่อสุขภาพ ระดับชั้น ม.4 - ม.6 งานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และ
เทคโนโลยีของนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2561
- รางวัลระดับเหรียญทอง ชนะเลิศ การแข่งขันทำอาหาร น้ำพริก ผักสด เครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 68
ประจำปีการศึกษา 2561
- รางวัลระดับเหรียญเงิน กิจกรรม การแข่งขันทำอาหาร น้ำพรกิก ผักสด เครื่องเคียง ระดับชั้น ม.1 - ม.3 งานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และ เทคโนโลยีของนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2561
- ปีการศึกษา 2561 รับเกียรติบัตร ด้านระบบงานการบริหารจัดการเครือข่ายสวนกุหลาบที่สร้างสรรค์
ขึ้นตามมาตรฐานคุณภาพกุหลาบหลวง ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2560 – 2561 )
ความประทับใจในสวนกุหลาบวิทยาลัยรังสิต
มีความภาคภูมิใจที่ได้สอนนักเรียน เพราะตอนสอบบรรจุนั้นสอบได้เป็นครู ส่งเสริมการสอน ไม่ใช่ครู ปฏิบัติการสอน รับราชการครั้งแรกเป็นครูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทำหน้าที่เป็นเลขาของ ท่าน ผอ.วีระ กาญจนะรังสิตา ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทำให้เห็นวิธีการปลูกฝังให้นักเรียนของสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นนักเรียนชายล้วนให้เป็นผู้มีความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังต้องมีบุคลิกของความเป็นผู้นำและเป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบ เป็นผู้มีทักษะความสามารถทุกด้านทั้งกีฬา ดนตรี แม้แต่การเย็บปักถักร้อย
ต่อมาท่านได้รับคำสั่งให้มาบุกเบิกโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต เพื่อให้เป็นโรงเรียนที่สกัดนักเรียนจากทางทิศเหนือเพื่อมิให้เข้ามาเรียนโรงเรียนที่มี ชื่อเสียงในกรุงเทพ จึงได้มีโอกาสติดตามมาเป็นครูปฏิบัติการสอน ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเลยที่ตอบตกลงมาปฏิบัติงานที่โรงเรียนแห่งนี้ มีแต่คนถามว่ามาทำไม ไกลก็ไกล ตัวโรงเรียนก็ยังไม่มี ต้องอาศัยศาลาการเปรียญของวัดเขียนเขตรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 ทางเข้าโรงเรียนก็ลำบากเป็นถนนลูกรังสีแดง เป็นหลุมเป็นบ่อ ที่ไม่สามารถใช้คำว่า “ถนน” ได้ ไม่มีรถประจำทาง ไม่มีรถรับจ้าง ต้องมีรถส่วนตัวลุยโคลนบนถนน หากฝนตกรถจะติดหล่ม จะต้องเกณฑ์นักเรียนให้ช่วยเข็น
ช่วงที่โรงเรียนมีแต่ชื่อกับที่ดินว่างเปล่า แต่รับนักเรียนโดยที่ยังไม่ทราบว่าจะนั่งเรียนที่ไหน ไม่มีอาคารเรียนต้องขอห้องแถวของหมู่บ้านศุภาลัยเป็นอาคารเรียนชั่วคราวก่อน อาหารกลางวัน ร้านค้าสำหรับนักเรียนไม่มีแน่นอน เพราะสภาพชุมชนตอนนั้นยังเป็นร่องสวนส้มที่รกร้าง ห่างไกลผู้คน และอยู่กลางทุ่งนา ครูทำหน้าที่ทำอาหารกลางวันเลี้ยงเด็ก เสร็จแล้วก็ต้องช่วยสอนด้วย วิชาแรก ที่สอนคือวิชาคหกรรม ภาษาไทย เนื่องจากจำนวนครูรุ่นแรกมีจำกัดมาก ครูแต่ละคนต้องสอนได้ทุกวิชา ตอบคำถามพี่ๆว่า “ก็หนูอยากสอนเด็ก” มีความสุขและภาคภูมิใจที่ได้มาสอนในวิชาที่ตนเองถนัด ( ทำอาหารและแกะสลักผักผลไม้ ) ทำให้สามารถส่งเสริมนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการทำงาน และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง
โรงเรียนได้เติบโตอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายปัจจัย เช่น ชื่อเสียงของ “สวนกุหลาบวิทยาลัย” ที่สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครอง ประการที่สอง คือ คณะครูที่มาจากสวนฯใหญ่ ทั้งผู้อำนวยการวีระ กาญจนะรังสิตา รองผู้อำนวยการดวงแก้ว คำสุระ มีความสามารถในการร่วมมือสร้างโรงเรียน รวมทั้งคณะครูผู้ใหญ่ที่เรียกว่า “ครูตึกแถว” ประการที่สาม นักเรียนที่เป็นวัตถุดิบสำคัญของโรงเรียนมากด้วยความสามารถ
ครูโชคดีที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ที่เป็นความก้าวหน้าของโรงเรียนมาตั้งแต่โรงเรียนเปิดทำการ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 30 ปี แต่ละปีนักเรียนจะประสบความสำเร็จ การเรียนและการงาน
ยิ่งได้เห็นว่านักเรียนได้นำความรู้ที่ใช้ได้จริงยิ่งมีความสุข โรงเรียนจะเจริญก้าวหน้าเป็นที่รู้จักต่อบุคคลทั่วไปได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับครูผู้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับตัวนักเรียนที่มีความรักในโรงเรียน รักในสถาบันที่ตนเข้ามาศึกษา ดังคำขวัญที่ว่า ที่แห่งนี้สง่างามและอบอุ่น
สิ่งที่สวนกุหลาบฝากไว้ส่งต่อถึงสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
ในฐานะที่สวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต เป็นโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย เรามีกิจกรรมร่วมกันเพื่อหล่อหลอมให้ทุกคนมีเลือดชมพูฟ้า ดังนั้นสวนกุหลาบต้องไว้ลาย ฝากความดีไว้กับแผ่นดิน
การศึกษา
ศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย พ.ศ.2519 (OSK95)
ปริญญาตรี สาขาพันธุศาสตร์
ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปริญญาโท สาขาพฤกษศาสตร์
ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
INSA Toulouse France ปริญญาโท Microbiology
INSA Toulouse France ปริญญาเอก Microbiology – Biotechnology ระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ด้วยทุนรัฐบาลฝรั่งเศส
การทำงาน
บรรจุเป็นอาจารย์ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รองศาสตราจารย์ สาขาวิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ระดับ A 2 สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รองประธานเครือข่าย Genetics Bioinformatics Bioactive Compound
สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติ (สกจ.)
ผู้อำนวยการสภาบันทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยเชื้อเพลิงชีวภาพด้วยตัวเร่งชีวภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรรมการสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
กรรมการสมาคมพันธุศาสตร์แห่งประเทศไทย
ผลงาน
งานวิจัยด้านตัวเร่งปฏิกิริยาชีวภาพ ซึ่งรวมถึงเอนไซม์และเซลล์ในการเร่งปฏิกิริยาสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล ไบโอเอทานอล ไบโอบิวทานอล และไบโอไฮโดรเจน รวมทั้งแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้างเคียงให้เกิดประโยชน์และเพิ่มมูลค่าสูงขึ้น และมีผลงานวิจัยในวารสารวิชาการที่ได้รับการอ้างอิง (Citation) โดยเฉพาะในต่างประเทศ มากกว่า 50 ฉบับ มี h-index เท่ากับ 17 โดยได้รับการอ้างอิงมากกว่า 1,300 ครั้ง จากฐานข้อมูล Scopus
การผลิตบิวทานอลและเอทานอลด้วยเชื้อแบคทีเรียครอสทริเดียม
โดยใช้ของเสียจากโรงงานมันสำปะหลัง
เมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เลขที่สิทธิบัตร 78100
รางวัลในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาของนิสิตระดับปริญญาเอก
ได้รับรางวัลผลงานวิทยานิพนธ์ระดับดี จากสภาวิจัยแห่งชาติ
ถึงสองรางวัล (ประจำปี พ.ศ. 2556 และพ.ศ. 2565)
รางวัลผลงานวิจัยระดับดี ประจำปี 2562 สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา จากสภาวิจัยแห่งชาติ ในหัวข้อเรื่องผลิตเอทานอลและบิวทานอลจากคลอสทิเดียมจากแหล่งคาร์บอนที่แตกต่างจากทั่วไป
วิทยากรและผู้ร่วมเสวนาในเวทีระดับสากลต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความรู้ทางด้านพลังงานชีวภาพ
ประวัติการสอน
อาจารย์ประจำวิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่ปรึกษาของโรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ภายใต้บริษัท CP ALL
ครูผู้สอนวิชาชีววิทยา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 6 (นักเรียนโครงการห้องเรียนพิเศษ Gifted Education Program : GEP) ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 จนถึงปัจจุบัน
ดอกกุหลาบเพียงดอกเดียว
เมื่อจบการศึกษาประถมปลายจากโรงเรียนวัดพลับพลาชัย แถววรจักร ถิ่นอาศัยคนจีนอยู่กันหนาแน่น นักเรียนทุกคนต้องไปหาที่เรียนต่อในระดับมัธยมต้นโดยเฉพาะโรงเรียนของรัฐ มิเช่นนั้นก็จะต้องทำงานที่บ้านหรือหางานทำ ผมจึงกระตือรือร้นหาทางได้เรียนต่อ โดยไปสมัครสอบที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แถว สะพานพุทธ จำได้ว่ามีคนสมัครสอบราวห้าพันคนรับเข้าเรียนเพียงราวสี่ร้อยคน นั่นหมายความว่าสิบคนได้ไปต่อหนึ่งคน รู้สึกว่ายากเหลือเกิน แต่พระเจ้าช่วย เมื่อประกาศผลปรากฏว่ามีชื่อผมติดอยู่บนบอร์ดรายชื่อ นี่เรื่องจริงนะครับ ผมได้ไปต่อ ผมรอดละ แถมได้ไปต่อในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย อาจารย์สุวรรณ จันทร์สม ครูใหญ่บอกนักเรียนในวันแรกที่เข้าเรียนว่านักเรียนสวนกุหลาบเป็นครีมและหัวกะทิจะไปเป็นคนสำคัญที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ ผมจดจำได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ เพื่อนที่มีคุณภาพสุดๆ เพียงคิดตลกว่าหากโรงเรียนเป็นสหศึกษาแล้วจะเป็นอย่างไร พวกเราสนุกกับชีวิต ตั้งใจเรียน แต่ไม่คร่ำเครียดไม่เกเร เรียนเก่งทุกคน ช่วยเหลือเกื้อกูล ไปไหนไปด้วยกันเป็นทีม คนที่อยู่หัวไม่ทิ้งคนที่อยู่ท้าย สุดท้ายคือจบการศึกษาและเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
แล้วเมื่อผ่านความยากลำบากในระบบเอนทรานส์เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย นับได้ว่าพระเจ้าช่วยผมเป็นครั้งที่สอง ผมสามารถเข้าเรียนใน รั้วสีชมพู แสนงดงาม มองทุกอย่างช่างสวยไปหมด อยู่ในคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบปริญญาตรี ในขณะที่เพื่อนเกือบทั้งหมดหางานทำ ส่วนผมยังหาทางเรียนต่ออีก สุดท้ายจบการเรียนระดับปริญญาโท แล้ววันรุ่งขึ้นก็ได้มีโอกาสเป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ ที่ได้ร่ำเรียนมาตลอดทั้งสิ้นร่วมแปดปี และเตือนกับตนเองเสมอว่าจะทำงานการสอนชิ้นนี้ให้ถึงที่สุด เพราะเมื่อไม่มีเงินทองสร้างวัดสร้างโบสถ์ ก็สร้างคนสร้างชีวิต
จากนั้นสามปีหลังการทำงานเป็นอาจารย์ ก็ได้รับทุนจากรัฐบาลประเทศฝรั่งเศสให้ไปเรียนต่อระดับปริญญา โทและเอก และตอนนี้นี่เองเป็นการเริ่มต้นการนัดหมายครั้งสำคัญของชีวิต ก่อนเดินทางไปเรียนต่อ ท่านอาจารย์รัชนี วีรผลิน ที่เคารพรักกันให้โอวาทกับผม สามประการ ประการที่หนึ่ง ก่อนเดินทางเอาหรียญบาทราวพันบาทมาฝากไว้ ท่านจะช่วยใส่ซองทำบุญการกุศลให้ตลอดห้าปีที่ไม่อยู่เมืองไทย ประการที่สองก่อนเดินทางไปหาซื้อที่ดินสักราวสองร้อยตารางวาไว้และเมื่อกลับมาขายที่ดินหนึ่งร้อยตารางวาและนำเงินไปสร้างบ้านในที่อีกร้อยตารางวาที่เหลือ และสุดท้ายหลังกลับจากต่างประเทศนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาไปสอนนักเรียนระดับมัธยม ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับครอบครัวและสร้างคนได้อีกมากมาย ผมปฏิบัติตามทั้งสามข้อเลยครับ จนวันนี้ผมจึงมีบ้านของตนเอง และเมื่อลูกเข้าสู่การศึกษาอยู่ในมัธยมปลาย ราวปี 2548 มีอาจารย์ในภาควิชา ดร. กนกวรรณ เสรีภาพ พร้อมกับรุ่นน้องที่เป็นครูพิเศษสอนที่สวนกุหลาบรังสิต มาเคาะประตูทำงานและบอกว่าอาจารย์ช่วยไปสอนวิชาชีววิทยากับนักเรียนมัธยมปลาย ด้วยเหตุผลว่าผมเป็นนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผมจึงตอบรับทันทีโดยยังไม่ทราบเงื่อนไขใดๆเลยสักข้อเดียว จำได้อีกเช่นกันว่าวันแรกที่ไปโรงเรียนนั้นเข้าพบ ผอ พีระ พร้อมกับหัวใจที่เบิกบานมาก เพราะเห็นธงโรงเรียนสีงามอร่ามหรูชมพูฟ้า แท้จริงแล้วบ้านผมอยู่แถบพุทธมณฑลสายสองขับรถพาลูกทั้งสามเข้ามาเรียนที่สาธิตจุฬา เมื่อมีชั่วโมงสอนที่โรงเรียนผมก็จะขับรถไปที่คลองสี่ แล้วกลับมาที่จุฬาเพื่อรับลูกทั้งสามกลับบ้าน ผมยังสอนและทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยอย่างเต็มกำลังสร้างนิสิตตั้งแต่ระดับปริญญาตรี โท และเอก ให้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ ผมมีโอกาสที่ดีที่สุดของชีวิตที่ได้มาสอนนักเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ปีแล้วปีเล่ามีส่วนร่วมกับคุณครูทั้งหมดของโรงเรียนสร้างนักเรียนจำนวนมากให้เป็นคนดีมีคุณภาพในสังคม จากวันนั้นมาวันนี้ร่วมสิบหกปีผมไม่เคยพบความยากลำบากใดๆเลยแม้สักครั้งกับการเป็นครูชีววิทยาของโรงเรียนนี้ ผมสามารถเห็นถึงพัฒนาการและความเจริญของทั้งนักเรียน ครู และโรงเรียน อย่างรวดเร็ว ผมค้นพบได้ว่าความสุขที่แท้จริงของวิชาชีพครูคือการได้รับรู้รับทราบความสำเร็จการศึกษาและการดำรงชีวิตสู่อนาคตที่มั่นคงของนักเรียนนั่นเอง
สอนนักเรียนเสมอว่าให้ตั้งใจเรียนหนังสือ คิดดี ทำดี เพราะเราโชคดีมากมายมหาศาลที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ และยิ่งกว่านั้นยังได้เรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ที่มีชื่อเสียงมีคุณภาพ โดยมีคณะครูของโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพและอุทิศชีวิตให้ความรู้และอบรมสั่งสอนให้นักเรียนมีความรู้คู่คุณธรรม สุดท้ายแต่สำคัญที่สุดโอกาสการศึกษาที่ดีเช่นนี้เกิดจากความเหน็ดเหนื่อยยากลำบากของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนให้ลูกๆประสบความสำเร็จสู่ชีวิตที่มีความมั่นคง มั่งมีศรีสุข และจะต้องไม่ลืมว่าผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญครับ
ชื่อ นางสาววิชุดา จินดา
ตำแหน่ง ครูเชี่ยวชาญ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
คติ การได้รับประราชทานสายสะพาย ถือเป็นเกียรติยศของโรงเรียน
ประวัติการศึกษา
ปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการสอนสังคมศึกษา
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ สาขาการบริหารทั่วไป มหาวิทาลัยรามคำแหง
จุดมุ่งหมายในการทำงาน
พัฒนาคุณภาพเยาวชนตามความสามารถและศักยภาพของผู้เรียน ภายใต้ปณิธานขององค์กรตั้งใจร่วมพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนชั้นนำและเป็นที่ยอมรับของสังคมทั้งประเทศ จึงให้ความสำคัญในการพัฒนาครูเป็นอันดับแรก
ประสบการณ์การทำงาน
2528 - 2543 สอนวิชากฎหมาย โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร
2543 –2554 สอนวิชาสังคมศึกษา ฃั้นมัธยมศึกษษปีที่ 2 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ปทุมธานี
2554–2564 สอนวิชาสังคมศึกษา ฃั้นมัธยมศึกษษปีที่ 6 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ปทุมธานี
การมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
1.การจัดทำหลักสูตรวิชาสังคมศึกษาสำหรับห้องเรียนพิเศษ MEP/EP/GEP
2.เป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศษสนาและวัฒนธรรม บริหารและพัฒนาครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาและภาษาไทย ให้มีทักษะความสามารถในการออกแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3. จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา และหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาปีพุทธศักราช 2544 และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560
4. เป็นผู้วางแผนและสนับสนุนให้ครูร่วมพัฒนา ส่งเสริมทักษะความสามารถของนักเรียนรายบุคคลในการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ และกิจกรรมทางวิชาการ เช่น เพชรยอดมงกุฎ การแข่งขันเศรษฐศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศไทย การแข่งขันกฎหมาย การแข่งขันภูมิศาสตร์โฮลิมปิก
5. เป็นแกนนำและผู้สนับสนุนให้ครูได้พัฒนาตนเองตามเกณฑ์ที่คุรุสภา หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด ได้แก่ การพัฒนาครูแกนนำ ครูผู้สอนดีเด่น ครูดีในดวงใจ ครูแม่แบบ ครู Master teacher
6. เป็นต้นแบบและแบบอย่างในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและการสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิตและโรงเรียนอื่น ๆ
8. เป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาตนเองของครูในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต เพื่อพัฒนาตนเองให้มีวิทยฐานะสูงขึ้น
8.เป็นกรรมการในการจัดทำหลักสูตรสวนกุหลาบศึกษาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโครงการใน พ.ศ.2559 จนถึงปัจจุบัน
9.เป็นแกนนำและที่ปรึกษาในการสร้างความมั่นคงให้แก่โรงเรียน ได้แก่ การประเมิน OBEC AWARDs ทำให้โรงเรียนได้รับรางวัล
9.1 รางวัลชนะเลิศด้านวิชาการยอดเยี่ยม โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ
9.2 รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ด้านการบริหารจัดการยอดเยี่ยม โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ
9.3 รางวัลรองชนะเลิศอันดับสาม ด้านนวัตกรรมยอดเยี่ยม โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ
10. เป็นแกนนำและที่ปรึกษาในการสร้างความมั่นคงให้แก่โรงเรียน ได้แก่ การประเมิน คุณภาพโรงเรียนมาตรฐานสากล ได้รับรางวัล OBECQA ซึ่งเป็นรางวัลสถานศึกษาด้านการบริหารจัดการยอดเยี่ยมระดับประเทศ
11.ออกแบบการนิเทศการสอนแบบ สวนฯรังสิตโมเดล ในการจัดระบบนิเทศการสอนที่มี
ประสิทธฺภาพ จนเป็นแบบอย่างแก่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศมาศึกษาดูงาน
12.ออกแบบรูปแบบการประเมินผลรายวิชาหน้าที่พลเมืองโดยใช้สมุดประเมินพฤติกรรมจนเป็นแบบอย่างแก่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศมาศึกษาดูงาน
13.บูรณาการงานสนับสนุนการสอนของครู คือ จัดระบบ PLC ระบบนิเทศแบบสวนฯรังสิตโมเดลและงานวิจัยชั้นเรียนได้เป็นงานในระบบเดียวกัน
ทักษะและความสามารถพิเศษ
1. จัดการสอนรายวิชาสังคมศึกษาศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่เน้น Active Learning
เช่น กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสัมมนา การเสวนา การถกปัญหา
2. จัดการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย โดยใช้เครื่องมือวัด
ตามสภาพจริงของผู้เรียน
3. ความสามารถในการออกแบบระบบการนิเทศการเรียนสอนแบบ สวนฯรังสิต โมเดล
หรือการนิเทศแบบร่วมแรงร่วมใจ
4. ความสามารถในการออกแบบระบบประกันคุณภาพภายใน
5. ความสามารถในการพัฒนาคุณภาพครูสู่การมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ
6. ความสามารถในการออกแบบกระบวนการ PLC สู่การนิเทศภายในและการวิจัย
ในสถานศึกษา
ประสบการณ์อื่น ๆ
1. กรรมการตัดสินการประกวดแข่งขันทักษะนักเรียน งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน
2. กรรมการตัดสินการประกวดแข่งขัน OBEC AWARDs ของสำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. หัวหน้างานนิเทศการเรียนการสอน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
4. หัวหน้างานวิจัยชั้นเรียน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
5. คณะทำงานการยกร่างการมีหรือเลื่อนวิทยฐานะของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา ตาม ว.21-2560 ของ กคศ.
6. คณะทำงานการยกร่างเกณฑ์ประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา ของ กคศ.
7. กรรมการประเมินการมีหรือเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามหลักเกณฑ์ ว.13
ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราการครูและบุคลากรทางการศึกษา
8. กรรมการกลั่นกรองผลงานทางวิชาการ (เชี่ยวชาญ) วิชาสังคมศึกษา
9. ผู้ทรงคุณวุฒิในการวิพากษ์หลักสูตรครู ของสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ
10. กรรมการตัดสินผลการประกวดสื่อออนไลน์ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี
11. รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย คนที่ 1
ผลงานทางวิชาการ
1. การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นและเอกสารประกอบการสอนวิชาปทุมธานีศึกษา
2. หนังสืออ่านเพิ่มเติม เรื่อง พลเมืองดีตามวิธีประชาธิปไตย
3. หนังสือเรียนวิชาหน้าที่พลเมือง ม. 4-6 ม.1-3
4. คู่มือการจัดการภัยพิบัติ (น้ำท่วม) ของ สคส.
5. หนังสือวิชาภูมิศาสตร์ ม.4-6
6. หนังสืออ่านเพิ่มเติม เรื่อง จากทุ่งหลวงสู่คลองรังสิต (ถวายต้นฉบับแก่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี)
การเป็นวิทยากร
1. เป็นวิทยากร เรื่องการจัดระบบนิเทศการสอนในโรงเรียน ของนักศึกษา
ปริญญาโท สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
2. เป็นวิทยากร เรื่องการสร้างและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนวิชาสังคม
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดนครพนม เชียงใหม่
3. เป็นวิทยากร เรื่องการสร้างและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดนครพนม อุบลราชธานี
4. เป็นวิทยากร เรื่อง การจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ของกรุงเทพมหานคร รุ่นที่ 1,2,4
5. เป็นวิทยากร เรื่อง การจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษาระดับประถมศึกษา
ของกรุงเทพมหานคร รุ่นที่ 1,2
6. เป็นวิทยากรเรื่อง ระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ให้โรงเรียนสาธิตการจัดการ
ปัญญาภิวัฒน์ และโรงเรียนต่าง ๆ ที่มาศึกษาดูงาน
7. วิทยากรบรรยายเรื่อง กระบวนการ PLC : ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพในรั้วสวนกุหลาบ
วิทยาลัย รังสิต ให้แก่คณะครูในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย 11 โรงเรียน ในงาน
มหกรรมวิชาการสวนกุหลาบสัมพันธ์
8. วิทยากรบรรยายเรื่อง Best Practice สมุดประเมินพฤติกรรมวิชาหน้าที่พลเมือง ในงาน
Educa Expo เมืองทองธานี
9. เป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง การพัฒนาสถานศึกษาสู่รางวัล OBECQA
รางวัลแห่งความสำเร็จ
1. รางวัลครูแม่แบบ ด้านการจัดการงานพัสดุ ปีการศึกษา 2544
2. รางวัลครูดีในดวงใจ ปีการศึกษา 2546
3. ครูผู้มีความสามารถในการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมที่นักเรียนมี
ผลการคะแนนการสอบ LAS ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2551 สูงเป็นอันดับ 1
ของเขตพื้นที่การศึกษา
4. รางวัลชนะเลิศระดับประเทศการประกวดละครคุณธรรม งานแข่งขันศิลปหัตถกรรม
แห่งชาติ ประจำปี 2556
5. รางวัลคุรุสดุดี (เนื่องในวันครูโลก) ปีการศึกษา 2555 จากคุรุสภา
ข้อคิดที่เป็นแบบอย่างสำหรับทุกคน
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต เป็นองค์กรการศึกษาชั้นนำของประเทศ เป็นกุหลาบช่อที่ 5 ที่แตกหน่ออย่างงดงามมาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงเป็นโรงเรียนหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ผู้บริหารมุ่งเน้นการจัดการศึกษาให้เป็นเลิศ ปรับภูมิทัศน์ให้น่าอยู่และอบอุ่น สร้างนักเรียนให้เป็นผู้ที่มีความรู้และบุคลิกที่สง่างามพร้อมที่จะเป็นกุหลาบกอใหม่ในสังคมได้อย่างมั่นคง พัฒนาครูให้มีความรู้ ความรักที่จะถ่ายทอดสรรพสิ่งให้นักเรียน เป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เป็นสถานที่สร้างตน สร้างคนและสร้างชาติ สมกับคำที่ว่า ที่แห่งนี้สง่างามและอบอุ่น ที่แห่งนี้ชวนชิดมิตรเกื้อหนุน ที่แห่งนี้มากด้วยครูผู้การุญ ที่แห่งนี้อบอุ่นล้วนมวลคนดี
สวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ในสายตาของครูวิชุดา จินดา
เมื่อเดือนตุลาคม 2543 ได้เริ่มมารับราชการที่ สกร. ขณะนั้น โรงเรียนมีอาคารเรียนอาคารเดียว ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ แวดล้อมไปด้วยนาข้าวที่เขียวสด สภาพในโรงเรียนมีความทันสมัยกว่าหลาย ๆ โรงเรียนใน กทม. โรงเรียนมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มากที่สุดในปทุมธานี ประสบการณ์ที่นี่ในตอนแรกครูเห็นว่าการที่ผู้บริหารพยายามที่จะหล่อหลอมนักเรียนให้เฃมีภาระผู้นำ มีความเป็นสวนกุหลาบที่มีความผูกพันจากรุ่นสู่รุ่นด้วยการให้นักเรียนทำกิจกรรมร่วมกันทั้งทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน น้อง พี่ต่างระดับชั้นหรือการจัดกิจกรรมข้ามโรงเรียน ถือว่าเป็นการสร้างวัฒนธรรมของสวนกุหลาบได้เป็นอย่างดี
โรงเรียนมีความก้าวหน้ามาตลอดโดยเฉพาะในช่วง 2553-2558 สมัยท่าน ผอ.สุภาวดี วงษ์สกุล ได้เปลี่ยนแปลง ปรับปรุงโรงเรียนทั้งระบบตั้งแต่อาคารสถานที่ที่ทันสมัย โอ่อ่า ระบบการพัฒนานักเรียน ระบบการพัฒนาครู ทำให้โรงเรียนกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานของโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
นักเรียน สกร. เก่งด้านกิจกรรม เช่น กิจกรรมเชียร์และแปรอักษร ที่นำพี่สวนฯ ใหญ่มาสอนการเขียนโค้ด การเปิดโค้ด นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมปฐมนิเทศ กรีฑาสวนกุหลาบ งานชุมนุมลูกเสือสวนกุหลาบ ที่เป็นกิจกรรมร่วมกัน นี่คือวิธีการหนึ่งที่ทำให้นักเรียนสวนกุหลาบทุกสวนหรือทั้ง 11 สวนได้ทำร่วมกันจนเกิดเป็นความผูกพัน เป็นสายใยของความช่วยเหลือไปจนถึงอนาคตการทำงาน
เอกลักษณ์ของความเป็นสวนกุหลาบ คือ เมื่อเห็นสมาชิกสวนกุหลาบไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใดก็จะเข้าไปทักทายด้วยการสวัสดีแล้วแนะนำตัวว่าเป็นนักเรียนสวนใหญ่ ซึ่งเสน่ห์เหล่านี้ได้ส่งต่อให้สวนกุหลาบฯ อีก 10 โรงเรียนถือปฏิบัติตาม อีกอย่างก็นักเรียนสวนกุหลาบฯ จะไม่ลืมครู ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่การสูง ๆ ก็ตาม จะให้เกียรติและเคารพครูอย่างซื่อสัตย์ตลอดไป ครูก็จะภาคภูมิใจในตัวศิษย์และความก้าวหน้าของเขาเสมอ
ครูมีโอกาสพูดคุยกับผู้ปกครองและผู้คนทั่วไปก็ได้รับทราบถึงบุคลิกภาพของนักเรียน สกร. ทราบว่าในสายตาของบุคคลภายนอก เป็นผู้ที่มีความน่ารัก มีความเป็นธรรมชาติสมวัยของนักเรียน มีความจริงใจ มีเหตุผล มีความสุภาพ ไม่ทะเยอทะยาน อาจจะเป้นเพราะว่านักเรียนได้รับการปลูกฝังที่ดีมาจากครอบครัวและการอบรมบ่มนิสัยจากโรงเรียน แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวนักเรียนเองเป็นผู้ที่พร้อมที่จะพัฒนา นี่คือความน่ารักของนักเรียน สกร.
การศึกษา
ศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต พ.ศ.2543 (OSKR05)
ปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร
การทำงาน
บรรจุเป็นครูผู้ช่วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564
ชื่อ – นามสกุล : นายชนะชนม์ สวัสดิ์นุชาติ
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
บรรจุเข้ารับราชการเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ณ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
วุฒิการศึกษา : ประถมศึกษา โรงเรียนอุดมวิทยา
มัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต รุ่น 11
(โครงการห้องเรียนพิเศษ GEP รุ่นที่ 1)
ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต (ค.บ.) สาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน
วิชาเอกการศึกษานอกระบบโรงเรียนและภาษาไทย
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม.) สาขาวิชาการสอนภาษาไทย
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ประวัติผลงาน :
- รางวัลชนะเลิศ เหรียญทอง ประเภทครูผู้สอนที่มีการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ยอดเยี่ยม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในการประกวด “SESAO 4 Online Teaching Awards” ปีการศึกษา ๒๕๖๓
- รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ เหรียญทอง นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีปฏิบัติการที่เป็นเลิศ
(Best Practice) ปีการศึกษา ๒๕๖๓
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ เหรียญทอง จากวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ปีการศึกษา ๒๕๖๔
- รางวัลนวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี ประเภทครูผู้สอน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๔
- รางวัลชนะเลิศ เหรียญทอง จากวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา ระดับสหวิทยาเขต ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
- วิทยากรแกนนำในการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมรรถนะการอ่านขั้นสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๔
- ครูผู้ดูแลนักเรียนทุนพระราชทาน มทศ.รุ่นที่ ๑๑ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (นายทันกาล อุดมกิจ)
- ครูผู้ฝึกซ้อมนักเรียนเข้ารอบสุดท้าย การแข่งขันภาษาศาสตร์โอลิมปิกแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑
(นางสาวธนิษฌา สุภากุลและนางสาวภานรินทร์ ศรีคำรุณ)
- ครูผู้ฝึกซ้อมนักเรียนรางวัลชมเชย การแข่งขันการประกวดอ่านร้อยแก้ว ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เนื่องในวันกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ (นางสาวศรุดา ยงวัฒนสุนทร)
ตำแหน่ง ครู (ไม่มีวิทยฐานะ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
บรรจุเข้ารับราชการเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ณ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
วุฒิการศึกษา : ประถมศึกษา โรงเรียนผ่องสุวรรณวิทยา
มัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต รุ่น 13
ปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ศึกษา
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
ปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม.) การวิจัยทางการศึกษา
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ประวัติผลงาน :
- บทความวิจัย “การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ในวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ระหว่างแผนการเรียนวิทยาศาสตร์–คณิตศาสตร์และแผนการเรียนคณิตศาสตร์–ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5” วารสารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง ฉบับเทคโนโลยีการศึกษา Vol.4 No.2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2563)
- พัฒนาสื่อการเรียนการสอนบนห้องเรียนออนไลน์ SKR Platform และมีผลการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนการสอนอยู่ในระดับดีเด่น เป็นแบบอย่างได้ ประจำภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
- จัดทำวิจัยชั้นเรียนเรื่อง “การใช้กระบวนการ PLC จัดการเรียนการสอนบนห้องเรียนออนไลน์ SKR Platform ในช่วยการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ 1 หน่วยการเรียนรู้เรื่องจำนวนเต็ม (การคูณและการหารจำนวนเต็ม) โดยใช้การสอนแบบอุปนัย เปรียบเทียบกับเกณฑ์ของสถานศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษปีที่ 1 ห้อง 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564” มีผลงานวิจัยระดับดีเด่น
- วิทยากรการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาสื่อการเรียนรู้และการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ด้วย iPad” ประจำภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต