พระพุทธศาสนากับการสร้างสรรค์อารยธรรมโลก พระพุทธศาสนาในฐานะแหล่งสร้างสรรค์ความคิดและพ่อเกิดแห่งภูมิปัญญาได้มีส่วนสำคัญยิ่งในการสร้างสรรค์อารายธรรมโลก ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
๑) ด้านจิตใจ
การที่ชาวโลกหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนานั้น เพราะเกิดความเชื่อมั่นในหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาว่าสามรถให้คำตอบทางด้านจิตใจ อันถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ พระพุทธศาสนาจึงกล่าวเป็นแหล่งข้อมูลและให้คำตอบกับปัญหาทางด้านจิตใจที่มีเหตุมีผลและเกิดผลเป็นความจริงหานำไปปฏิบัติตามที่พระพุทธทรงสอบ และมีส่วนสำคัญนากรพัฒนาสร้างสรรค์อารยธรรมด้านนี้ตลอดระยะเวลา ๒.,๐๐๐ กว่าปีที่พุทธศาสนาอุบัติขึ้นมา
๒) ด้านวิชาการและภูมิปัญญาสากล
หลักคำสอนในพระพุทธศาสนาอุดมไปด้วยหลักปรัชญาอันเป็นแหล่งรวมวิทยาการสาขาต่างๆง พระไตรปิฎกจึงเป็นแหล่งรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแหล่งข้อมูลและคลังภูมิปัญญา โดยมีหลักคำสอนที่สอดคล้องกับความจริงในธรรมชาติ หลักของความเป็นเหตุเป็นผลที่สามารถตรวจสอบและพิสูจน์ได้ด้วยการทดลอง หลักคำสอนในพุทธศาสนาจึงถูกตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วโลกในภาษาต่างๆ มากมาย
๓) ด้านวัตถุ
พระพุทธศาสนาคือแหล่งสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นวัตถุและสืบทอดให้เป็นมรดกแห่งอารยธรรมโลก โดยอาศัยความศรัทธาเสื่อมในพระพุทธศาสนา เช่นพระพุทธรูป เจดีย์ วัดและศาสนาสถานอื่นๆ ซึ่งศาสนวัตถุเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างสรรค์ที่มีพระพุทธศาสนาเป็นแรงบันดาลใจนอกจากนี้ยังมีปูชณียสถานที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาหลายแห่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เช่นวัดพระศรีรัตนศาสตดารามในประเทศไทย บุโรพุทธโธในประเทศอินโดนีเซีย เจดีย์ซเวดากองในสหภาพพม่าพระพุทธรูปไดบุทซึในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
พระพุทธศาสนากับการสร้างสันติสุขแก่ชาวโลก
พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนเป็นไปเพื่อความสงบสุขสันติมากมายดังต่อไปนี้
๑) หลักคำสอนเรื่องความไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น เช่นหลักเบญจศีล เบญจธรรมซึ่งถือว่าเป็นหลักธรรมพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่สอนให้คนเคารพในสิทธิขั้นพื้นฐานของกันและกัน
๒) หลักคำสอนเรื่องความเมตตากรุณา พระพุทธศาสนาสอนให้มีเมตตาในการคิด พุดและทำ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รู้จักให้อภัยเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นดังนี้ พระพุทธศาสนาจึงมีหลักการว่า สัพเพ สัตตา มวลมนุษย์ต่างเป็นเพื่อนเกิด แก่เจ็บ ตายร่วมกันทั้งสิ้น จึงเกิดหลักการต่อมาว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
๓) หลักคำสอนเรื่องความอดทนและความอดกลั้น ด้วยหลักคำสอนดังกล่าวจึงทำให้เรื่องร้ายแรงต่างๆ และสงครามไม่เกิดขึ้นและจากหลักคำสอนเรื่องความเมตตาและความอดทนต่อกันนี้เองจึงทำให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข
๔) หลักคำสอนเรื่องความแตกต่าง พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนเพื่อความเป็นคนใจกว้างให้ยอมรับความแตกต่างอันนำไปสู่การคารพสิทธิของบุคคลอื่น โดยเฉพาะความแตกต่างทางด้านทิฐิหรือความคิดเห็น และด้านความเชื่อ ด้วยการให้เกียรติและเคารพในความคิดเห็นของบุคคลอื่นรวมทั้งความแตกต่างกันใน ด้านการนับถือพระพุทธศาสนาไม่ยกย่องศาสนาและความเชื่อของคนเองเพื่อไปลบหลู่ดูหมิ่นลัทธิความเชื่อหรือศาสนาอื่น
พระพุทธศาสนามีแหล่งกำเนิดในชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองในประเทศอินเดีย และแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย และไปเจริญรุ่งเรืองมั่นคงในประเทศศรีลังกาและกลุ่มประเทศเอเชียใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาเรียนรู้และเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง และยังประโยชน์สุขแต่ชาวอินเดียเรื่อยมาจนกระทั่งประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ร่องรอยการเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนาในอินเดียก็ได้ปรากฏขึ้น อย่างไรก็ตามในยุคการกอบกู้อิสรภาพของอินเดีย พระพุทธศาสนาได้กลับมาเจริญขึ้นในอินเดียอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีบุคคลหลายท่านที่เห็นความสำคัญและคุณค่าของพระพุทธศาสนาที่มีต่อมวลมนุษยชาติ ดังต่อไปนี้
เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ชาวอังกฤษในยุคที่อังกฤษปกครองอินเดีย ท่านได้นำให้มีการสำรวจแหล่งโบราณสถานโบราณวัตถุและศิลปกรรมต่างๆ ทางพระพุทธศาสนานับได้ว่าท่านเป็นผู้บุกเบิกการขุดค้นโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาในอินเดีย ทำให้ชาวอินเดียต่างพากันหันมาสนใจมรดกอันเป็นผลผลิตทางความคิดและความเพียรพยายามของชาวอินเดีย
พระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา ประเทศศรีลังกานับได้ว่าเป็นดินแดนที่ประชาชนมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงเรื่อยมา พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศรีลังกาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๖ – ๒๘๗ เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระมหินทเถระไปเป็นพระธรรมทูตประจำศรีลังกาในสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะพระมหากษัตริย์ศรีลังกา และภายใต้การอุปถัมภ์ของพระมหากษัตริย์ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญอย่างแพร่หลายแม้การทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๔ ก็ได้กระทำกันที่เมืองอนุราธบุรี ประเทศศรีลังกาในประเทศอินเดีย พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ยกย่องพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติอินเดียในอดีต ในประเทศศรีลังกา พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะก็ทรงประกาศรับเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติศรีลังกาเช่นเดียวกันและพระพุทธศาสนายังคงเป็นศาสนาประจำชาติของศรีลังกาสืบต่อเรื่อยมาแม้ในปัจจุบัน
พระพุทธศาสนาในประเทศจีน พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจากเอเชียกลางและแผ่ขยายเข้าสู่ประเทศจีนเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๔ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น และได้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วในศตวรรษต่อๆ มาโดยอาศัยเส้นทางการค้าขายที่จีนติดต่อกับอินเดียโดยตรง โดยคณะพูตจากอินเดียได้เดินทางมาจีนและพระภิกษุจีนได้จารึกไปอินเดีย
พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลี ก่อนการเข้ามาของพระพุทธศาสนา ชาวเกาหลีนับถือศาสนาซามานอยู่ก่อน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๙๑๕ จีนก็ได้ส่งสมณทูตชื่อว่า “ซุนเตา” เข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักโคคูเรียวบนคาบสมุทรเกาหลี และใน พ.ศ. ๙๒๕ พระภิกษุชาวอินเดียชื่อ มาลานันทะ ได้จารึกผ่านประเทศเกาหลีพร้อมกับเผยแผ่พระพุทธศาสนาประกอบดับอิทธิพลความเชื่อของจีนที่มีต่อเกาหนีจึงทำให้ชาวเกาหลีเริ่มหันมาสนใจและยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นขึ้นช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๓ เมื่อจักรพรรดิเกาหลีมีพระประสงค์จะเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น จึงส่งคณะทูภนำพระพุทธรูปและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาไปถวายแก่จักรพรรดิญี่ปุ่น แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงให้ความเลื่อมใสศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาตั้งเดิมของบรรพชนญี่ปุ่น พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับโดยเริ่มเป็นที่นิยมนับถือกันในหมู่ชนชั้นสูงก่อนแล้วค่อยแพร่หลายออกไปในหมู่ประชาชน เริ่มจากต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมาเมื่อเจ้าชายโซโตกุผู้สำเร็จราชการของจักรพรรดินีซูอิโกะได้ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ทรงเอาใจใส่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในทุกด้านและประกาศพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ในยุคนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นยุค สัทธรรมไพโรจน์ส่งผลให้พระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญมั่นคงสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงพุทธศตวรรษต้นๆ พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายเข้าไปในยุโรเมื่อประชาชนของประเทศต่างๆ ในเอเชียที่นับถือพระพุทธศาสนา เช่น อินเดีย ศรีลังกา พม่า ลาว เขมร และบางส่วนของประเทศจีน ซึ่งตกอยู่ภายใต้การยึดครองของชาติยุโรปได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเผยแผ่ด้วยสำหรับสาเหตุแห่งความประทับใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาของชาวยุโรป
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้มีชาวเอเชียอพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้าไปเผยแผ่ด้วย โดยในระยะเริ่มต้นเป็นการเผยแผ่เฉพาะในกลุ่มของตนและขยายกว้างออกไปในกลุ่มประชาชนของประเทศนั้นๆในที่สุด
ประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ถือได้ว่าเป็นดินแดนสำคัญที่มีการเข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นต้นมา ได้มีการก่อตั้งพุทธสมาคมขึ้นในประเทศออสเตรเลียเพื่อศึกษา เผยแผ่และปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา และได้รวมกันเป็นสหพันธ์พระพุทธศาสนาแห่งออสเตรีเลียโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงแคนเบอร์รา รวมความว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศออสเตรเลียมีความเจริญรุดหน้าไปมากพอสมควร สำหรับประเทศนิวซีแลนด์การเผยแผ่พระพุทธศาสนายังอยู่ในจำนวนจำกัดส่วนมากจะดำเนินการโดยพระภิกษุสงฆ์ชาวอังกฤษ ทิเบต